"คนที่สามารถล่วงรู้ความลับเรื่องนี้ได้ และเป็นเด็กหนุ่มที่อายุน้อยขนาดนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกหลานของสุดยอดฝีมือคนนั้น แต่เขาอาจจะเป็นลูกศิษย์ของสุดยอดฝีมือคนนั้นก็ได้!"
"มิฉะนั้น มันก็คงอธิบายไม่ได้ว่าเขารู้เรื่องเหล่านี้ได้ยังไง!"
"ตอนนี้ฉันรู้สึกสงสัยมากๆก็คือเรื่องนี้แหละ!"
ผู้นำตระกูลอู๋กับอู๋อานและคนอื่นๆสบตากัน จากนั้นก็มองไปที่ชายชราและพูด "ผู้อาวุโส เรื่องเหล่านี้……พวกเราจะตรวจสอบได้ยังไง?"
ชายชราพูด "มีวิธีจัดการปัญหาเรื่องนี้อยู่สองวิธี วิธีแรก ฉันคาดเดาว่าเด็กหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นลูกหลานของสุดยอดฝีมือคนนั้น การมาถึงที่นี่ในครั้งนี้ ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั้นก็คือ การมาที่นี่ในครั้งนี้คือการทดสอบเด็กหนุ่มคนนั้น!"
"นี่คือเรื่องที่ฉันคิดว่าเป็นไปได้มากที่สุด"
"ถ้าเป็นอย่างที่ฉันคาดเดาเอาไว้ พวกเราก็ต้องทำเหมือนมองไม่เห็น อย่าไปหาเรื่องคนๆนี้ หลังจากคนๆนี้ปรากฏตัวแล้ว พวกเราก็ปล่อยเขาจากไป อย่าล่วงเกินผิดใจกับคนๆนี้!"
"นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีวิธีที่สองในการจัดการเรื่องนี้
"นั้นก็คือไม่ต้องสนใจฐานะของอีกฝ่าย ถ้าอีกฝ่ายปรากฏ พวกเราก็ลงมือเลย พวกเราทำหน้าที่เฝ้าสถานที่แห่งนี้เอาไว้!"
"สำหรับสองวิธีนี้ ต่างมีความเสี่ยงอยู่!"
"ดังนั้นพวกคุณลองปรึกษากันดู พวกเราควรจะใช้วิธีไหน!"
ผู้นำตระกูลอู๋กับอู๋อานและคนอื่นๆ พวกเขาขมวดคิ้วทันที มันเป็นปัญหาที่จัดการยากมากๆ
……
ส่วนทางด้านหลินหยุนนั้น เขายังคงหลอมรวมพลังกฎเกณฑ์อย่างต่อเนื่อง
พลังกฎเกณฑ์ของเขาแข็งแกร่งมากๆแล้ว
หลังจากหลอมรวมพลังกฎเกณฑ์หกร้อยอันแล้ว ทำให้พลังของหลินหยุนเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่มันก็เพิ่มขึ้นอย่างมีขีดจำกัด!
ถ้าพูดว่าเขาสามารถต่อสู้กับยอดฝีมือที่สูงกว่าแดนสู่ธรรมะนั้น มันยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลมากๆ เขากำลังครุ่นคิด เซียนเขาทองคนนั้นน่าจะมีวิธีอื่นๆที่ทำให้พลังต่อสู้ของตัวเองเพิ่มสูงขึ้น
มิฉะนั้น เขาทำได้ยังไง ใช้พลังแดนดั่งเทพ แต่สามารถต่อสู้กับยอดฝีมือแดนกษัตริย์เซียนได้
เรื่องนี้สำหรับหลินหยุนในตอนนี้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
ถ้าหลอมรวมพลังกฎเกณฑ์มากขึ้น ทำให้เขามีวิธีมากขึ้น แต่พลังต่อสู้นั้น มาเพิ่มขึ้นอย่างมีขีดจำกัด
หลินหยุนคาดการณ์เอาไว้ ถ้าตัวเองหลอมรวมกฎเกณฑ์หนึ่งพันอัน บางทีเขาอาจจะสามารถต่อสู้กับยอดฝีมือที่สูงกว่าแดนสู่ธรรมะก็ได้
อย่างไรก็ตาม การหลอมรวมกฎเกณฑ์ที่เยอะขึ้น มันก็จะเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น
ถ้ามันไม่ได้กลายเป็นวงรอบจริงๆ มันก็ไม่สามารถทำให้เขาฝึกฝนพลังได้สูงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตอนนี้หลินหยุนไม่หลอมรวมพลังกฎเกณฑ์อีก แต่อยากจะสร้างวงรอบขึ้น มันก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ
ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะกลายเป็นวงรอบได้หรือเปล่า
พูดกันตามตรงเลย หลินหยุนในเวลานี้ เหมือนคนที่ขี่อยู่หลังเสือและลงมาไม่ได้
เขาทำได้เพียงแค่พุ่งไปข้างหน้า และห้ามถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว!
หลินหยุนถอนหายใจยาวๆออกมา เขาลืมตาขึ้นมา สายตาของเขามีแต่ความโศกเศร้าและจำใจ
หลินหยุนสัมผัสพลังกฎเกณฑ์ที่เหลืออยู่ไม่มากในโลกเล็กๆใบนี้ ทำให้เขาล้มเลิกความคิดในการหลอมรวมกฎเกณฑ์อีก และล้มเลิกความคิดที่จะฝึกฝนและศึกษาพลังต้าเต๋าแล้ว
จูอวิ๋นซานลุกขึ้นและเดินมาด้านหน้าของหลินหยุน เขามองหลินหยุนและพูด "ผู้มีพระคุณ ตอนนี้พวกเราควรออกไปแล้วใช่ไหม?"
หลินหยุนพยักหน้า "มันถึงเวลาจากไปแล้วจริงๆ!"
จูอวิ๋นซานพูด "ผู้มีพระคุณ ผู้นำตระกูลอู๋กับอู๋อาน ยังมียอดฝีมือแดนสู่ธรรมะตอนปลายอีกหนึ่งคน ผู้นำตระกูลอู๋คือคนที่แข็งแกร่งที่สุด เขาขาดแค่ครึ่งก้าวก็สามารถเข้าสู่แดนที่สูงกว่าแดนสู่ธรรมะ!"
"ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ก่อนหน้านี้ผู้มีพระคุณเคยถามฉัน ตระกูลอู๋ยังมียอดฝีมือที่เหนือกว่าแดนสู่ธรรมะไหม ถ้าตระกูลอู๋มียอดฝีมือประเภทนี้จริงๆ ฉันจะสู้ตายกับเขา! เพื่อให้ผู้มีพระคุณได้มีโอกาสหนีรอด!"
ในเวลานี้ อู๋อานเคลื่อนไหวและออกมาทันที เขามองหลินหยุนด้วยสายตาโหดเหี้ยม จากนั้นเขาก็มองหน้าจูอวิ๋นซานและพูด "จูอวิ๋นซาน นี่คือการคุกเข่าขอโทษของคุณเหรอ?"
เมื่อจูอวิ๋นซานได้ยิน พลังของเขาก็ปะทุออกมา พลังแดนสู่ธรรมะตอนปลายของเขาถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด
"อู๋อาน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสะสางความแค้นระหว่างฉันกับตระกูลอู๋ แต่คุณวางใจได้ ฉันจะทำให้ตระกูลอู๋ต้องชดใช้อย่างสาสมแน่นอน!"
ขณะพูด เขาก็ไม่มองหน้าอู๋อานอีก เขาเปล่งเสียงไม่พอใจและหันหน้าไปทางอื่นทันที
ในเวลานี้ อู๋อานมองหลินหยุนอีกครั้งและพูด "ไปเลย ฉันเชื่ออยู่แล้ว ถ้าวันนี้คุณไม่ยอมพูดทุกอย่างออกมา ถ้างั้นวันนี้ก็จะเป็นวันตายของคุณ!"
สีหน้าของหลินหยุนปกติมากๆ เขาเอ่ยปากพูด "ฉันก็อยากจะได้รับคำอธิบายจากตระกูลอู๋ของพวกคุณเหมือนกัน เดินนำทางได้เลย!"
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยุน ทำให้สีหน้าของอู๋อานแย่มากๆ
เขาพาหลินหยุนกับจูอวิ๋นซานออกจากเขาเหล็ก จากนั้นก็เดินเข้าไปในตระกูลอู๋
ในห้องประชุม อู๋อานได้พาหลินหยุนกับจูอวิ๋นซานเดินเข้ามาแล้ว
เมื่อมองเห็นจูอวิ๋นซาน ทำให้สีหน้าของผู้นำตระกูลอู๋กับคนอื่นๆเปลี่ยนไปทันที
เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ถึงแม้ผู้นำตระกูลอู๋ไม่ได้สมรู้ร่วมคิดด้วย และไม่ได้ลงมือทำร้ายจูอวิ๋นซาน และเขารู้มาโดยตลอดว่าจูอวิ๋นซานเป็นยอดฝีมือแดนสู่ธรรมะตอนกลาง
แต่เวลาผ่านไปไม่นาน จูอวิ๋นซานก็ฝึกฝนถึงแดนสู่ธรรมะตอนปลายแล้ว
เรื่องนี้มันเหลือเชื่อมากๆ!
ภายในระยะเวลาสิบปี อย่าพูดถึงแดนสู่ธรรมะเลย แม้แต่แดนดั่งเทพ เวลานี้ก็ถือได้ว่าน้อยมากๆ
ใช้เวลาผ่านไปในชั่วพริบตามาเปรียบเทียบ มันก็ไม่โอเวอร์เลย!
แต่จูอวิ๋นซานคนนี้ เขาสามารถฝึกฝนจากแดนสู่ธรรมะตอนกลางเข้าสู่แดนสู่ธรรมะตอนปลายได้สำเร็จ ถ้าพวกเขาไม่รู้สึกตกใจ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...