หลังจากผ่านไปแล้วสิบสองหมัด ในที่สุดซูจื่อเหลียงก็สู้ไม่ได้ จึงต้องพ่ายแพ้ไป
“คุณซู!”
ควีนจินตกใจตะโกนเสียงดัง จินไซทั้งสองที่เป็นลูกน้องก็รีบเข้าไปพยุงซูจื่อเหลียงไว้
ยังดีที่ชายหนุ่มชุดดำฝ่ายตรงข้ามคนนั้นไม่ได้ฉวยโอกาสเข้ามาจู่โจม เพียงแต่ยืนอยู่ที่เดิม มือทั้งสองไขว้หลัง ด้วยท่าทีที่เหยียดหยามผู้คนทั่วใต้หล้านี้
“สวามิภักดิ์ หรือว่าตาย!”
น้ำเสียงชายหนุ่มเย็นชา ไม่มีความรู้สึกเมตตาแต่อย่างไร นี่ก็คือโอกาสครั้งสุดท้ายที่เขาจะให้กับพวกกลุ่มควีนจินทั้งหลาย
ซูจื่อเหลียงเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก หันหลังแล้วกวาดสายตาไปยังกลุ่มผู้คนที่สีหน้าตึงเครียดทั้งหลาย
“อา....ปรมาจารย์หลินกำลังจะมาถึงแล้ว ขอให้ทุกคนอดทนไว้!” ซูจื่อเหลียงคิดว่าใช้คำว่าปรมาจารย์หลินแทนคำว่าอาจารย์จะส่งผลดีมากกว่า
บางคนที่คิดจะยอมแพ้ เมื่อได้ยินก็เริ่มลังเลใจ
ควีนจินมองไปยังกลุ่มลูกพี่ใหญ่ทั้งหลาย พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ถ่ายทอดคำพูดลงไป ปรมาจารย์หลินจะมาถึงแล้ว ขอให้ทุกคนอดทนไว้!”
กลุ่มลูกพี่ใหญ่ทั้งหลายก็เข้าใจดี ตอนนี้จำเป็นที่จะต้องพยุงขวัญกำลังใจนักรบไว้ ไม่เช่นนั้นถ้าพวกเขารอปรมาจารย์หลินไม่ไหว ก็จะเกิดความวุ่นวายกับพวกเขาเองด้วย
ชายหนุ่มชุดดำกวาดสายตาไปยังกลุ่มคน หันหลังกลับไปยังค่ายรบของตัวเอง
“ลุยเข้าไป!”
“ครับ!”
ศิษย์ผู้พี่คนที่สองคนที่สามแห่งสำนักยินซือ และลูกน้องสำนักอื่นๆ ก็รีบพร้อมใจกันตะโกนเสียงดังว่า “ลุยเข้าไป!”
“บุกเลย!”
การที่ชายหนุ่มชุดดำได้รับชัยชนะ พวกกลุ่มคนเมืองทางเหนือทั้งสิบรู้สึกมีขวัญกำลังใจที่ฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น
หันมามองไปทางค่ายรบฝ่ายเมืองทางใต้ทั้งเจ็ด ทุกคนต่างระแวดระวังภัย มองเห็นฝ่ายตรงข้ามมีคนจำนวนมากเช่นนี้กำลังบุกเข้ามา บางคนที่ขี้ขลาดขาทั้งสองก็เริ่มสั่น
ซูจื่อเหลียงจิตใจร้อนรน “ท่านอาจารย์ ท่านจัดการทางนั้นเสร็จแล้วยัง? ถ้าท่านยังไม่มาไม่ทัน วันนี้คนพวกนี้ก็จะต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอนเลย!”
ระยะห่างสามสิบเมตร ก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นยี่สิบเมตร สิบเมตร......
การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายจึงเริ่มขึ้นแล้ว ฝ่ายควีนจินทางนี้ตั้งแต่ลูกพี่ใหญ่จนถึงลูกน้องตัวเล็ก แต่ละคนสีหน้าแตกตื่น เหมือนเผชิญการสู้รบครั้งยิ่งใหญ่
ทันใดนั้น ซูจื่อเหลียง ควีนจิน ชายหนุ่มชุดดำฝั่งตรงข้ามนั้น รวมทั้งลูกศิษย์หลายคนของเขาเหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง ทุกคนต่างมองไปยังท้องฟ้าทางตะวันตกอย่างพร้อมเพรียงกัน
ลำแสงสว่างสีเขียวราวกับเป็นแสงดาวตก พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้นต่อหน้าสายตาทุกคนสุดท้ายเปลี่ยนเป็นลูกศรลำแสงสีเขียว
โป้ง!
เสียงดังลั่นขึ้น ลูกศรลำแสงสีเขียวราวกับเป็นขีปนาวุธลูกหนึ่ง ตกลงระหว่างกลางค่ายรบของทั้งสองฝ่ายที่กำลังจะเกิดการต่อสู้กันขึ้น
“โอ๊ย!”
พวกกลุ่มคนที่บุกเข้าไปก่อนหน้าหลายคน ตกอยู่ในรัศมีวงรอบของลูกศรลำแสงสีเขียว กลายเป็นแพะรับบาปทันที ถูกลำแสงสีเขียวระเบิดกระเด็นปลิวออกไป ร่าง
แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี
ซูจื่อเหลียงในใจรู้สึกโล่งอก “ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!”
ชายหนุ่มชุดดำยกมือขึ้น ตะโกนออกไปว่า “หยุด!”
กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังรีบหยุดอยู่กับที่ มองดูคนที่ถูกระเบิดกระเด็นออกไปด้วยความตื่นตกใจ
ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันเพียงแค่ห้าเมตร จากนั้นก็เริ่มจะเผชิญหน้ากันอีกครั้ง
“เมื่อกี้มันคืออะไร? ขีปนาวุธเหรอ? หรือว่าอาวุธเลเซอร์?”
“น่ากลัวมากเลย เจ้าหมาน้อยกับเจ้าเสือบุกไปข้างหน้าสุดเมื่อครู่นี้ ถูกระเบิดสลายไปทั้งตัวเลย!”
กลุ่มคนที่เป็นพวกลูกน้องต่างก็แสดงความเห็นต่างๆนานา ตื่นตกใจขวัญกระเจิง
หางออกไปไม่ไกลนัก มีคนกลุ่มหนึ่งค่อยๆเดินเรียงรายเข้าใกล้ค่ายรบของทั้งสองฝ่าย กลุ่มคนพวกเมืองหลินโจวเมื่อเห็นแล้ว รีบตะโกนว่า “ลูกพี่ใหญ่เจี่ยงกลับมาแล้ว!”
“ลูกพี่ใหญ่เจี่ยงกลับมาแล้ว!”
“ไอ้หนูน้อยที่เดินอยู่ข้างหน้าลูกพี่ใหญ่เจี่ยงเป็นใครกัน? ใครกล้าที่จะเดินนำหน้าลูกพี่ใหญ่เจี่ยงได้!”
“นั่นสิ เจ้าหนูน้อยคนนั้นเป็นใคร? ถึงได้ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย!”
“หุบปาก นั่นคือปรมาจารย์หลิน!” อะเฟิงตะโกนด่าออกไป ถ้าให้ลูกพี่ใหญ่เจี่ยงได้ยินคำพูดของเจ้าโง่สองคนนี้เข้า ตัวเองจะต้องถูกด่าเป็นชุดแน่เลย
“อะไรนะ! เขาก็คือปรมาจารย์หลิน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...