หลินหยุนได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นก็ถอนหายใจยาว ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าก็ยังคงเป็นหลักเหตุผลที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดกาล หากว่าไม่มีพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่ง ต่อให้จะคิดคำนวณได้อย่างชัดเจนขนาดไหน สุดท้ายก็ยังคงเปล่าประโยชน์อยู่ดี! ”
หวูเหวยยิ้มและพูดว่า “ไม่ถึงกับว่าเปล่าประโยชน์ ครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าจะได้รับผลตอบแทนที่มหาศาลอย่างนั้นเหรอ? ”
หลินหยุนพูดขึ้นด้วยความผิดหวัง “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้อาวุโสหวูเหวยนั้นจะมีใจที่ละโมบหรือเปล่า เพราะว่าหอซิวซินรักในเกียรติและชื่อเสียงของตนเองมาก ไม่อย่างนั้น บางทีอาจะกลายเป็นเปล่าประโยชน์ไปจริง ๆ เลยก็ได้! ”
หวูเหวยพูดว่า “พูดอย่างนี้ไม่ได้ นายสามารถที่จะเลือกฉัน และเลือกหอซิวซิน มาจากกลุ่มอิทธิพลจำนวนมากมาย นี่คือความเก่งกาจยอดเยี่ยมของนาย! ”
“ถ้านายเลือกกลุ่มอื่น ก็คงจะเปล่าประโยชน์เป็นแน่ แต่เมื่อได้เลือกหอซิวซินแล้ว ไม่มีทาง! นี่คือความแตกต่าง! ”
“ตามจริงแล้ว ก็เป็นเพราะตัวนายเองที่ได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง! นี่คือความสามารถของนาย! ”
“พอเถอะ นี่คือหนังสือสัญญาที่ฉันจะมอบให้กับนายไว้! ”
“นายจะต้องเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี! ”
หลินหยุนรีบยื่นมือออกมารับ เมื่ออ่านดูแล้ว ก็เก็บเอาไว้ในถุงเก็บของ
หวูเหวยก็ได้มองไปที่เขาอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังและกระโดดย่ำขึ้นไปในอากาศ
มองหวูเหวยที่กำลังจากไป ใบหน้าของหลินหยุนก็เผยรอยยิ้มออกมา
ถือว่าราบรื่นเป็นอย่างมาก!
การสร้างโอกาสในครั้งนี้นั้น เขายอมที่จะลงทุนอย่างมาก!
หลินหยุนสูดหายใจลึก และพูดพึมพำกับตนเองว่า “ถ้าหากยึดตามตรรกะทั่วไปแล้ว เขาก็คงจะมาหาฉันอีกครั้ง และนำฉันเข้าไปร่วมอยู่กับสมาพันธ์โจรดวงดาวด้วย! ”
หลินหยุนเคลื่อนสายตา และพูดต่อว่า “ถ้าหากไม่มาล่ะก็ ต้องดำเนินการตามแผนที่สองแล้ว! ”
หลังจากที่พักอยู่บนดาวเคราะห์ที่ทรุดโทรมนั้นครึ่งวัน หลินหยุนก็กระโดดย่ำขึ้นไปในอากาศแล้วก็จากไป
โดยมุ่งหน้าไปยังสุดหล้าทะเลอีกครั้ง
แต่ว่า ในขณะที่กำลังจะออกเดินทางจากเขตดาวนั้น เงาร่างดำตนหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของหลินหยุน
หลินหยุนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับตะโกนขึ้นว่า “ใครกัน? ”
แต่ว่า ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบลง อีกฝ่ายหนึ่งก็กวัดแกว่งแขน เกิดเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ ลงมาครอบปกคลุมตัวเขาเอาไว้
หลินหยุนคิดที่จะหลบหนี แต่กลับไม่มีโอกาสอะไรแล้ว
เมื่อตาข่ายยักษ์ครอบคลุมลงมา ทำให้เขาถูกห่อหุ้มตัวเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร จนมาถึงสถานที่ที่ทั้งหนาวเย็นและแห้งแล้งเป็นอย่างมาก หลินหยุนจึงได้ถูกปลดปล่อยตัวออกมา
เมื่อเปิดตาขึ้นและมองไปนั้น หลินหยุนพลันพบว่า ที่แห่งนี้มีเด็กหนุ่มจำนวนนับร้อยนับพันคน!
โดยที่เบื้องหน้าของเขา มีเจดีย์สูงสีฟ้าหลังหนึ่งตั้งอยู่
บนยอดเจดีย์มีชายที่สวมงอบสีดำคนหนึ่งยืนอยู่
โดยที่มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่ายหนึ่ง
มองไปโดยรอบ ทุกคนต่างก็ไม่พูดอะไร โดยทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่ชายด้านบนยอดเจดีย์คนนั้น
ในขณะนี้เอง ชายผู้นั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นแล้ว
“พวกนาย! ล้วนเป็นอนาคตของลัทธิเทพยมของเรา! ”
“ในร่างกายของพวกนาย ต่างก็แฝงไปด้วยความคาดหวังของการเกิดขึ้นใหม่ของลัทธิเทพยม! ”
“หวังว่าพวกนายทุกคน จะนำตัวของพวกนายทั้งหมด มอบให้กับเทพยม มอบให้กับลัทธิเทพยม วันหนึ่งในอนาคต กลุ่มของพวกนาย จะต้องมีผู้ที่สามารถนำพาให้ลัทธิเทพยม ของพวกเราคืนชีพกลับมาเกิดใหม่ในจักรวาลนี้อย่างแน่นอน! ”
หลินหยุนได้ยินดังนั้น ก็ได้หรี่ตาลง
อะไรกันเนี่ย?
ไม่ใช่หวูเหวย?
ไม่ใช่สมาพันธ์โจรดวงดาว?
ลัทธิเทพยม?
ชื่อนี้ เหมือนว่าเขาจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน!
นี่คือกลุ่มอิทธิพลที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่เหมือนจะไม่มีตัวตนอะไรเท่าไร
ผู้บำเพ็ญเซียนแห่งลัทธิเทพยม เรียกได้ว่ามีปรัชญาความคิดอย่างสุดขีด
หากว่าสถานที่ใดในจักรวาลปรากฏสมบัติล้ำค่าขึ้น ก็จะมีคนของลัทธิเทพยมเข้ามาแย่งชิง ต่อให้รู้ว่าจะต้องตาย ก็ยังไม่ยอมที่จะละทิ้งโอกาสนั้นไป!
คนของลัทธิเทพยมมีวิธีการที่ชอบทำมากที่สุดคือการพลีชีพทำลายตนเอง
ทำลายกฎเกณฑ์ ทำลายร่างกาย ทำลายต้าเต๋า
ทำลายอาวุธ!
อะไรที่สามารถทำลายสละทิ้งได้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาไม่กล้า!
สิ่งนี้ทำให้หลินหยุนถึงกับตื่นตกใจ และรีบปิดหูของตนเองในทันที
แต่ก็ยังคงไม่ได้ผล!
เสียงระฆังที่ดังแผ่วเบาแต่ละครั้งแต่ละครั้ง เหมือนกับว่าดังขึ้นมาจากส่วนลึกในจิตใจของเขาอย่างไรอย่างนั้น ต่อให้ปิดประสาทการได้ยินแล้วก็ไม่เกิดผลอะไร!
ในมือของหลินหยุนเกิดประกายแสงขึ้น ดาบเฮ่าเทียนก็ปรากฏออกมา
แล้วก็แทงเข้าไปที่ร่างกายของตนเอง
ความเจ็บปวดที่รุนแรง ทำให้ความรู้สึกที่อ่อนระโหยโรยแรงนั้น ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง
แต่อีกไม่นานก็กลับมีขึ้นมาอีกครั้ง
หลินหยุนจึงต้องใช้ดาบเฮ่าเทียนทิ่มแทงเข้าไปที่ร่างกายอีก จากนั้นก็มีอาการดีขึ้นบ้าง
แต่หลังจากที่ได้ทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง ก็กลับกลายเป็นว่าไม่เกิดผลอะไรแล้ว
หลินหยุนรีบเก็บดาวเฮ่าเทียน แล้วเข็มทองก็ปรากฏขึ้นในมือ แล้วเขาก็ใช้เข็มทองทิ่มไปยังบริเวณระหว่างคิ้วของตน
เพื่อกระตุ้นทะเลจิต!
หลังจากที่เข็มทองได้ทิ่มเข้าไปแล้ว ทั่วทั้งทะเลจิตก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้น
ทำให้หลินหยุนมีสีหน้าที่ขาวซีดอย่างที่สุดในทันที
แต่ว่า การสั่นไหวที่รุนแรงนี้ ก็เป็นการช่วยให้เขามีสติที่มั่นคงชัดเจน
ขับไล่อาการอ่อนแรงนั้นออกไป!
เสียงระฆังก็ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนทุกคนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ต่างก็อยู่ในสภาพที่เคลิบเคลิ้มหลับใหลกันทั้งหมด
เหมือนกับกลุ่มลูกศิษย์ที่มีความศรัทธาเลื่อมใสอย่างที่สุด
หลินหยุนเชื่อว่า ถ้าตนเองตกอยู่ในสภาพที่อ่อนระโหยโรยแรงแบบนั้น ก็จะต้องเป็นเหมือนกับพวกคนเหล่านี้ ที่สูญสิ้นความเป็นตัวของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง!
โชคดีที่ว่า หลังจากที่ได้กระตุ้นจิตทะเลของเขาแล้ว ความรู้สึกที่อ่อนระโหยโรยแรงนั้น สุดท้ายก็ได้หมดไป
แต่ ตอนที่เขากำลังคิดว่าวิธีการนี้สามารถต้านทานเสียงระฆังที่ดังได้อย่างต่อเนื่องนั้น เมื่อเวลาค่อย ๆ ผ่านพ้นไป ความรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงก็กลับมีขึ้นมาอีกครั้ง
สิ่งนี้ทำให้จิตใจของหลินหยุนหม่นหมองลงไปอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...