ขณะที่หลินหยุนกำลังรู้สึกว่าอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ก็เกิดประกายแสงขึ้นในมือของเขา ลูกปัดสีเขียวมรกตขนาดเท่ากับดวงตาวัวเม็ดหนึ่งที่หักครึ่ง ก็ถูกเขาหยิบออกมา
ลูกปัดแตกหักที่อยู่ในมือ ก็ได้เปล่งประกายแสงสีเขียวเบาบางขึ้น แล้วก็ปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของหลินหยุนเอาไว้
หลังจากที่มีลำแสงปกคลุมตัวแล้ว หลินหยุนจึงถอนหายใจยาว รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
สมบัติล้ำค่านี้เขาได้รับมาในชาติที่แล้ว ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าที่แตกหักชิ้นหนึ่ง
โดยมีประสิทธิผลอย่างยิ่งในการรักษาความมั่นคงของสภาพจิตใจ รักษาสภาพมั่นคงของทะเลจิต และระงับยับยั้งปีศาจในจิตใจ
ชาติที่แล้ว ก่อนหน้าที่พลังบำเพ็ญของหลินหยุนจะบรรลุสู่แดนกษัตริย์ ที่จริงแล้วประสบการณ์ในช่วงแรกของเขานั้น ได้กลายเป็นอุปสรรคมารร้ายยิ่งใหญ่ในจิตใจของเขาแล้ว!
ถึงขนาดที่ว่าไม่สามารถบังคับควบคุมเอาไว้ได้เลย
เป็นเพราะว่าเขามีโชคชะตาที่ดี ได้รับสมบัติล้ำค่าหนึ่งชิ้นมาโดยบังเอิญ ในที่สุดจึงสามารถควบคุมยับยั้งอุปสรรคมารร้ายเอาไว้ได้
แน่นอนว่า เมื่อเขาบรรลุเข้าสู่แดนกษัตริย์อย่างแท้จริงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้อีก โดยอาศัยพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่งของตนเอง ในการควบคุมยับยั้งอุปสรรคมารร้ายลงได้อย่างสิ้นเชิง
เพียงแต่ว่า การยับยั้งก็คงเป็นเพียงแค่การยังยั้ง ซึ่งไม่สามารถหยุดมารร้ายในจิตใจที่กระจายพันธุ์อยู่ตลอดเวลาในขณะนั้นลงได้อย่างสมบูรณ์
ในที่สุดตอนที่ประสบกับภัยอัสนี ในตอนนั้นมารร้ายในจิตใจ ก็ได้ระเบิดขึ้นโดยสิ้นเชิง
สุดท้ายหลินหยุนจึงเสียชีวิตลงภายใต้ภัยอัสนี
ตอนนั้น หลินหยุนเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก
เขารู้สึกว่า ถ้าหากมารร้ายไม่ได้แฝงตัวอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ บางทีตอนที่เผชิญหน้ากับภัยอัสนีนั้น เขาอาจจะพอมีโอกาสบ้างก็เป็นได้!
แต่เขาในชาตินี้ โดยเฉพาะหลังจากที่เข้าสู่เส้นทางผู้บำเพ็ญหมื่นเต๋าแล้ว เขาก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นอีกแล้ว!
เขาในชาติที่แล้ว
ถึงแม้จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาล!
ถึงแม้จะไม่มีมารร้ายในจิตใจเข้ามาพัวพันและเกิดการระเบิดขึ้น เขาก็คงจะไม่มีโอกาสอะไรอยู่แล้ว!
เต๋าสวรรค์ คือสิ่งที่ดำรงอยู่โดยที่เขาไม่สามารถจินตนาการได้!
แม้แต่ตอนช่วงก่อนหน้านี้ เขายังคงคิดว่า ถ้าหากเขามีพลังแห่งต้าเต๋าที่แท้จริงมากขึ้นกว่านี้
เขาก็คงจะสามารถต้านทานเต๋าสวรรค์ได้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
ตกลงว่าเต๋าสวรรค์มีความน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นไหนกันแน่ ตอนนี้เขาเองก็ไม่อาจที่จะแน่ใจได้!
แต่ตอนนี้เขากลับเชื่อว่า เส้นทางหมื่นเต๋าที่ตนเองกำลังมุ่งหน้าอยู่นั้น จะต้องสามารถมีโอกาสที่จะไปต่อสู้กับเต๋าสวรรค์ได้อย่างแน่นอน!
มีเพียงเส้นทางหมื่นเต๋า จึงจะมีโอกาส มองเห็นสภาพที่แท้จริงของโลกใบนี้ได้
เสียงระฆังดังติดต่อกันสามวันสามคืน จากนั้นถึงจะหยุดลง
ผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ในช่วงสามวันสามคืนนี้ เหมือนจะได้รับพลังความสามารถเพิ่มขึ้นไม่น้อย
มีเพียงแต่หลินหยุน ที่ยังคงรักษาจิตใจและสติให้ปกติดีอยู่ได้
แต่หลังจากที่สิ้นเสียงระฆังไปไม่นาน สายตาของผู้คนบริเวณโดยรอบนี้ก็ดูคล่องแคล่วมีชีวิตชีวามากขึ้น
จากนั้นทุกคนก็ก้มลงกราบไปทางเจดีย์สูงสีฟ้านั้น
หลังจากที่ก้มกราบเสร็จแล้ว ทุกคนก็ทยอยแยกย้าย ออกกันไปจากดาวดวงนี้
หลินหยุนในตอนนี้ก็กำลังจะติดตามกลุ่มคนเหล่านั้นเพื่อออกไปจากที่นี่ แต่สุดท้ายก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ด้วยเสียงที่ดังมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
“ไอ้หนุ่ม ถือว่าไม่เลวเลย! ”
“พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง! ”
“คิดไม่ถึงว่าจะสามารถรอดพ้นจากการปลุกปั่นจิตใจของระฆังเทพยมได้! ”
“นายยอดเยี่ยมอย่างมาก! ”
“อีกทั้ง ผู้อาวุโสสามารถที่จะปกปิดสถานะต่อฉันได้ แล้วทำไมจะต้องพาฉันมาที่นี่ด้วย และบอกอีกสถานะหนึ่งให้ฉันรับทราบล่ะ? ”
“คงจะไม่ได้คิดที่จะให้ฉันตายลงไปพร้อมกับความกระจ่างชัดเจนมากขึ้นหรอกนะ? ”
มองไปยังหลินหยุนในสภาพท่าทางที่ระแวดระวัง หวูเหวยก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ พร้อมกับส่ายศีรษะอีกครั้ง และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนุ่ม ในเมื่อฉันต้องมาสิ้นเปลืองเวลาเพื่อทำแผนการอะไรเพิ่มขึ้นอีก ก็คงจะไม่ใช่อย่างที่นายคิดแน่นอน ตรงกันข้าม ฉันไม่เพียงแต่ไม่คิดที่จะฆ่านาย แต่ว่า......”
หลินหยุนเคลื่อนสายตาไปมา และรีบถามขึ้นว่า “แต่ว่าอะไร? ผู้อาวุโสจะพูดอะไร ก็พูดออกมาได้เลย! ”
หวูเหวยพูดขึ้นว่า “ไอ้หนุ่ม ฉันจะพูดตามความจริงนะว่า ฉันชื่นชอบในตัวนายมาก ต้องการที่จะดึงตัวนายมาเข้าร่วมสมาพันธ์โจรดวงดาว อยู่ในสังกัดของฉัน ไม่ทราบว่านายมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง? ”
หลินหยุนตกใจขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็จ้องมองไปที่หวูเหวยอย่างจริงจัง และพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ฉันน่าจะไม่มีโอกาสที่จะปฏิเสธได้แล้ว ใช่หรือไม่? ”
หวูเหวยได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะเสียงดังขึ้น “ไอ้หนุ่มนี่ ไม่เลวเลยทีเดียว! ฉันไม่ได้มองผิดไป! ขนาดเวลานี้แล้ว ยังจะสามารถพิจารณาแยกแยะสถานการณ์ได้อย่างใจเย็นแบบนี้! ”
“แต่ว่า สิ่งที่นายพูดนั้นถูกต้องแล้ว! ”
“ก่อนหน้านี้ที่ฉันรับประกันกับนายไว้ ตกลงในเงื่อนไขของนายนั้น เพราะในตอนนั้น ฉันอยู่ในสถานะเจ้าหอซิวซิน! ”
“แต่ในตอนนี้ สถานะของฉันคือหัวหน้าเขตภพศักดิ์สิทธิ์มังกรฟ้าแห่งสมาพันธ์โจรดวงดาว โดยสมาพันธ์โจรดวงดาวมีสถานะการดำรงอยู่อย่างไร เรื่องนี้ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำแล้วนะ? ”
“ดังนั้น ก็เป็นอย่างที่นายพูด ถ้านายพยักหน้าตกลง อย่างนั้นก็นับตั้งแต่วันนี้ไป นายก็จะเป็นส่วนหนึ่งในสังกัดของฉัน! ”
“ถ้าหากนายปฏิเสธ นายก็คงจะต้องอยู่ในที่แห่งนี้ไปตลอดกาลแล้ว! ”
“ที่ฉันพูดแบบนี้ ก็เพราะฉันเห็นถึงความสำคัญในตัวนาย นายทำให้ฉันพึงพอใจอย่างมาก! อีกทั้งสำหรับนายเองแล้ว การที่ได้เข้าร่วมสมาพันธ์โจรดวงดาว ที่จริงแล้วก็ถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย! ”
“นับตั้งแต่นี้ต่อไป เมื่อตระเวนท่องไปในจักรวาล นายก็จะไม่ใช่มดแมลงแดนดั่งเทพตอนปลายที่กระจอกอีกต่อไปแล้ว”
“เบื้องหลังของนาย มีสมาพันธ์โจรดวงดาวคอยหนุนหลังอยู่”
“นี่ก็คือความมั่นใจของนาย! ”
หลินหยุนสีหน้าย่ำแย่และพูดว่า “ผู้อาวุโส ฉันมีพลังบำเพ็ญแค่แดนดั่งเทพตอนปลาย ต่อให้ผู้อาวุโสจะเห็นความสำคัญในตัวของฉัน ให้ฉันเข้าร่วมอยู่ในสมาพันธ์โจรดวงดาว ซึ่งเมื่อเข้าร่วมแล้ว ฉันจะสามารถทำอะไรได้บ้าง? แม้แต่นักรบด่านหน้าผู้เสียสละก็ยังไม่ใช่เลย! ”
หวูเหวยเหมือนจะทราบดีว่าหลินหยุนต้องมีความกังวลใจแบบนี้แน่ จึงหัวเราะและพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้นายเองวางใจไปได้เลย! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...