เมื่อเหมินชิงพูดถึงตรงนี้แล้ว ก็ตั้งใจหยุดชะงักลงชั่วครู่ และทำเป็นหรี่ตาลง แล้วก็กวาดสายตามองไปที่ใบหน้าของทุกคน
แน่นอนว่า เขาไม่ไปสนใจระดับอื่นอยู่แล้ว
โดยผู้ที่ไม่ถึงขั้นแดนสู่ธรรมะไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย
เมื่อมองเห็นสายตาของยอดฝีมือแดนสู่ธรรมะคนอื่น ๆ แล้ว เขาก็หัวเราะ และพูดขึ้นว่า “ที่กำหนดกฎเกณฑ์แบบนี้เอาไว้ ก็ต้องการที่จะดูว่าสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ มีบุญสัมพันธ์กับใคร! ”
“เวลาสิบวินาที ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเวลานานสักเท่าไร! ”
“แน่นอนว่า สำหรับผู้บำเพ็ญขั้นแดนที่แตกต่างกัน ก็จะมีมุมมองในกฎเกณฑ์ดังกล่าวที่ไม่เหมือนกัน สำหรับยอดฝีมือแดนจิตปฐมหรือแดนดั่งเทพแล้ว สิบวินาทีนั้นไม่ถือว่าสั้นเลย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ยังมีพวกเราแดนสู่ธรรมะรวมอยู่ด้วย! ”
“แต่นี่คือวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว! ”
“เพียงแค่ครอบครองสมบัติล้ำค่าไว้ให้ได้สิบวินาที อย่างนั้นแล้วไม่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะมพลังบำเพ็ญขั้นแดนไหน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะไปแย่งชิงได้แล้ว! ”
“ไม่อย่างนั้นแล้ว หากทุกคนลงมือพร้อมกัน ก็จะเกิดการสังหารผู้บำเพ็ญเซียนที่เข้าร่วมแย่งชิงกันขึ้น โดยกฎเกณฑ์การแย่งชิง ก็มีอยู่ด้วยกันสองข้อ ประมาณนี้ ซึ่งฉันเองในตอนนี้สามารถที่จะคิดได้เพียงเท่านี้แล้ว! ”
“ต่อจากนี้ หากยังมีสหายคนใดที่มีความคิดที่ดีกว่า ก็สามารถพูดกันออกมาได้เลย! ”
เมื่อเหมินชิงพูดจบลง โปหลานแห่งเผ่าวอกทิพย์นั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันคิดว่าสายเหมินชิงพูดได้เป็นอย่างดีแล้ว! ฉันไม่มีความเห็นอะไรอีก! ”
เมื่อโปหลานพูดจบ ยอดฝีมือแดนสู่ธรรมะคนอื่น ต่างก็ทยอยพากันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเหมินชิง
เหมินชิงพยักหน้าและพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ตกลงทำตามกฎเกณฑ์นี้เลย! แน่นอนว่า ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกสองถึงสามวัน ก่อนที่สมบัติล้ำค่าจะถือกำเนิดขึ้น บางทีอาจจะยังมียอดฝีมือในจักรวาลมาถึงอีกก็เป็นได้! ”
“เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตอนนั้นก็ค่อยมาพูดกัน ถ้าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็จะยึดเอากฎเกณฑ์ดังกล่าวนี้มาใช้ในการแย่งชิงสมบัติล้ำค่า! ”
พวกยอดฝีมือแดนจิตปฐมและแดนดั่งเทพ ต่างก็มีสีหน้าที่ย่ำแย่
แต่กลับไม่มีใครที่จะกล้าพูดออกมา
พวกเขาต่างก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่า
เมื่ออยู่ต่อหน้าของยอดฝีมือแดนสู่ธรรมะ พวกเขาก็เป็นเพียงมดแมลงเท่านั้น ไม่มีสิทธิที่จะพูดอะไรออกไป หากพูดออกไปแล้วเกิดการล่วงเกินยอดฝีมือแดนสู่ธรรมะคนใดเข้า ก็มีโอกาสที่จะจบสิ้นชีวิตลงในทันที!
ดังนั้น ใครก็ไม่อยากที่จะประสบกับเคราะห์ร้ายนี้แน่นอน
สำหรับทางด้านของหลินหยุนสามคนนี้ จินจิ่วถึงกับส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาขึ้นอย่างไม่พอใจ และพูดขึ้นว่า “ไอ้คนหลอกลวง! ทำมาเป็นพูดดีว่า จะให้โอกาสกับทุกคนในการแย่งชิงสมบัติล้ำค่า! พูดตามตรงแล้วก็เพื่อตัวพวกเขาเองนั่นแหละ! ”
ฉินหมิงได้ยินดังนั้น ก็พลันตกใจ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบมองไปทางจินจิ่วและพูดว่า “สหายจินจิ่ว อย่าได้พูดสุ่มสี่สุ่มห้าไป พวกยอดฝีมือแดนสู่ธรรมะต่างก็อยู่กันที่นี่ หากว่าพวกเขาได้ยินเข้า พวกเราก็จะจบสิ้นกันทันที! ”
จินจิ่วได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว
โดยได้มองไปที่พวกยอดฝีมือกี่คนนั้นอย่างระมัดระวัง เห็นว่าไม่มีใครมีการเคลื่อนไหว จึงเบาใจลงได้บ้าง
ส่วนทางหลินหยุน ก็ไม่ได้ไปสนใจพวกเขาสองคนนั้น
ตอนนี้เขากำลังครุ่นคิดปัญหาหนึ่งอยู่ในใจ นั่นก็คือจะแจ้งเรื่องไปยังหวูเหวยดีหรือไม่!
ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ในบริเวณนี้ได้อย่างถูกต้อง
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่า ไม่ใช่การถือกำเนิดขึ้นของสมบัติล้ำค่าอะไรหรอก แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะแน่ใจได้
ถ้าหากมีสมบัติล้ำค่าถือกำเนิดขึ้นมาจริง ๆ แล้วเขาไม่สามารถที่จะครอบครองมาได้ เมื่อถึงตอนนั้น ก็เกรงว่าจะไม่สามารถอธิบายชี้แจงต่อหวูเหวยได้อย่างชัดเจน
หวูเหวยหัวเราะ และพูดขึ้นว่า “พอได้แล้ว! ไอ้หนุ่มอย่าได้คิดมากเกินไป หากให้พวกเขาสามคนร่วมมือกับนาย ทำตามคำลั่งของนาย อย่างนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้แน่นอน นายจะต้องให้ความร่วมมือและทำตามพวกเขาทั้งสามให้ดีก็พอ! ”
หลินหยุนเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเขาก็ไม่ได้คิดที่จะแย่งชิงอำนาจจริง ๆ แต่อย่างใด จึงได้พูดกับหวูเหวยว่า “หัวหน้าเขต ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นฉันก็ขอพูดอะไรที่ไม่ดีเอาไว้ก่อนแล้วกัน! ”
หวูเหวยตกใจ และถามขึ้นว่า “หมายความว่าอะไร? ”
หลินหยุนพูดว่า “ฉันสามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ แต่ถ้ารู้ดีว่าเป็นสถานการณ์ที่จะต้องตาย ฉันคงไม่สามารถที่จะเชื่อฟังความคิดเห็นและคำสั่งของพวกเขาได้! ”
”นอกจากนี้ ฉันจะแค่แนะนำสถานการณ์ของที่นี่ ให้กับพวกเขาทั้งสามคนอย่างละเอียด ส่วนที่เหลือนั้น ก็คงจะไม่ใช่หน้าที่อะไรของฉันแล้ว! “
“โดยตอนสุดท้ายจะได้รับสมบัติล้ำค่าหรือไม่นั้น หัวหน้าเขตก็อย่าคิดว่าฉันไม่ให้ความร่วมมือที่ดีกับพวกเขาก็แล้วกัน! ”
หวูเหวยหัวเราะและพูดว่า “ที่จริงแล้วนายก็รอเรื่องนี้จากฉันอยู่นั่นเอง! ก็ดีเลย ตอนนี้มียอดฝีมือแดนสู่ธรรมะอยู่ทั้งหมดสิบเอ็ดคน หากคิดที่จะแย่งชิงสมบัติล้ำค่า ก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากอยู่แล้ว! ”
“ยังยืนยันคำเดิม เพียงแค่นายให้ความร่วมมืออย่างดีกับพวกเขาทั้งสามคนนั้น ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นนายก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรอีกแล้ว! ”
“อีกทั้ง นายเองก็อย่าทำเป็นอวดเก่งดึงดันเกินไปนัก! ”
“ต่อให้พลังการต่อสู้ของนายจะไม่ใช่แค่ขั้นแดนดั่งเทพตอนปลายเท่านั้น แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่ว่านายจะสามารถต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย! จะต้องระมัดระวังตัวโดยตลอด! ”
หลินหยุนพูดว่า “หัวหน้าเขตวางใจได้ ฉันรู้ดีว่าควรจะทำอย่างไร! หัวหน้าเขต ยังไงก็รีบให้พวกเขามาโดยเร็วที่สุด จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เป็นไปได้ที่อาจจะเกิดการแย่งชิงสมบัติล้ำค่าขึ้นในตลอดเวลา! ”
หลังจากที่เสร็จสิ้นการพูดคุยกับหวูเหวยแล้ว หลินหยุนเองก็หันหน้ามองไปที่ยอดฝีมือแดนสู่ธรรมะทั้งสิบเอ็ดคนนั้น เวลานี้ พวกเขาต่างก็กระจายยืนกันอยู่คนละจุด โดยที่จับจ้องมองไปยังบริเวณของหุบเขาที่อยู่ไกลออกไป
ด้านบนของหุบเขา อานุภาพของลำแสงสีเขียวนั้นก็ยังคงสะสมพลังอยู่อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลออกมามากแล้ว แต่เวลานี้ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่ทรงพลังเช่นเคย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...