มุมปากของจางซือจู่กระตุก
“ช่างมันเถอะไอ้หิน ฉันจะคิดแก้ไขเอาเอง! เจอปัญหามาเยอะแก้ไขไม่ได้ก็ไม่อยากไปเครียดกับมัน ในเมื่อฉันเคยถูกตักเตือนครั้งหนึ่งแล้ว ถ้ามีอีกครั้งก็คงไม่เป็นไร!”
เพียงแต่ว่า ดูเหมือนว่าจางซือจู่จะคิดอะไรได้บางอย่าง และก็ถอนหายใจ “แต่อีกสามวันก็จะเป็นงานประจำปีของมหาลัย แล้ว ถ้าถึงตอนนั้นหลินหยุนยังไม่กลับจะทำยังไงดี?”
ในงานประจำปีของมหาลัย อาจารย์ที่ปรึกษาจะต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น งานใหญ่ประจำปีของมหาลัย ถ้าไม่มา จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
ขณะที่กำลังพูดอยู่ ประตูห้องนอนก็ถูกผลักออก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของหลินหยุนก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา
“ว้าว!"
“ฉันดูไม่ผิดใช่ไหม!” จางซือจู่ขยี้ตาอย่างรวดเร็ว และมองหลินหยุนอย่างเหลือเชื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา ราวกับกลัวว่าถ้ากะพริบตาหลินหยุนก็จะหนีไป
“หลินหยุน ในที่สุดนายก็กลับมาแล้ว!” จางซือจู่ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
“หลายวันที่ผ่านมานี้นายไปไหนมาบ้าง”
หลินหยุนยิ้มและพูดว่า “เจอปัญหานิดหนึ่ง เลยออกไปสองสามวัน ช่วงนี้รบกวนพวกนายจริงๆ”
เทพฟ้าผ่าหัวเราะ “เดินไปตบที่ไหล่ของหลินหยุน “มันก็ลำบากมาก สองสามวันมานี้เพื่อที่จะลาให้นาย ข้อแก้ตัวต่างๆนานาถูกนำมาใช้จนหมด เมื่อกี้พวกเรายังคงกังวลว่าวันนี้จะหาข้อแก้ตัวอะไร?”
จางซือจู่พูดอย่างโกรธเคือง “เทพฟ้าผ่า ฉันเอง ไม่ใช่พวกเรา นายรู้สึกละอายใจบ้างไหม!
เทพฟ้าผ่าหัวเราะและพูดว่า “พวกเราก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน ทำไมแบ่งแยกให้มันชัดเจนขนาดนั้น!”
ฉินโส่วพูดว่า “ฉันเห็นด้วยกับคำพูดของเทพฟ้าผ่า”
“ฉันก็เห็นด้วย!” สิบแปดมงกุฎก็ยื่นหัวออกมาพูด
“ฉันจะเลิกเป็นเพื่อนกับพวกนาย!” จางซือจู่เข้าสู่สภาวะอารมณ์ฉุนเฉียวสุดๆ แต่ไม่มีใครสนใจเขา
“เอาล่ะ หลินหยุน ในเมื่อกลับมาแล้ว ไปเตรียมตัวกันเร็ว วันนี้มีคลาสศิลปะการต่อสู้ นายระวังไว้เดี๋ยวจะมีคนมาโจมตีนายอีก!” ฉินโส่วเตือน
“โอเค” หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย นัยน์ตาแฝงด้วยความตลกขบขัน
“อีกเรื่องหนึ่ง หลินหยุน อีกสามวันจะเป็นงานประจำปีของมหาลัย นายอย่าลืม! ถึงตอนนั้นอาจารย์ที่ปรึกษาจะมาตรวจสอบด้วยตัวเอง นายอย่าทำตัวให้มีปัญหาล่ะ!” จางซือจู่ก็ตักเตือนเขาด้วย เขากลัวว่าหลินหยุนจะหนีไปอย่างเงียบๆอีก
“ฉันเข้าใจแล้ว” หลินหยุนตอบเบาๆ ความคิดของเขาจมอยู่ในความทรงจำของชาติที่แล้ว
เขาจำได้ว่างานประจำปีของมหาลัย ตอนนั้นการเต้นของอีหลิงนั้นสวยงามมาก และกู้ซิวหรั่นเป็นเดือนในมหาลัยก็ได้เต้นพร้อมเธอ ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นที่สุดของมหาลัย
กู้ซิวหรั่นและอีหลิง เป็นที่รู้จักในนามกิ่งทองใบหยก หลายคนบอกว่าพวกเขาเป็นคู่ที่สวรรค์กำหนดมา
ย้อนกลับไปหลินหยุนในตอนนั้น เป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่มีใครสนใจ นั่งอยู่ในมุมที่ไม่เด่นที่สุดเท่านั้น เงยหน้าขึ้นไปมองดูคู่กิ่งทองใบหยก
สำหรับคนอย่างกู้ซิวหรั่นนั้น หลินหยุนอยู่ต่อหน้าเขา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
แม้ว่าต่อมาหลินหยุนได้พบเจอพ่อแม่ที่แท้จริงของเขา กลายเป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง เมื่อเผชิญหน้ากับกู้ซิงหรั่นอีกครั้ง เขาก็ยังรู้สึกเจียมเนื้อเจียมตัว
และกู้ซิวหรั่นก็เหมือนเทพเจ้าที่อยู่ชั้นสูง ไม่เคยแม้แต่จะมองหลินหยุน
“กู้ซิวหรั่น คุณชายใหญ่ของตระกูลกู้ในหนานหลิง สุนัขรับใช้ของตระกูลส้งในมณฑลจงโจว ตอนนั้นคนที่ฆ่าฉินหลัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ผู้บงการ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
“ตอนนี้ กู้ซิวหรั่นคงจำฉันไม่ได้แล้ว……” รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลินหยุน
“หลินหยุน ไปกันเถอะ!” จางซือจู่และคนอื่นๆหอบหนังสือ เดินออกจากห้องนอน พร้อมกับเรียกหลินหยุน
“มาแล้ว”
……
คลาสที่สาม เป็นวิชาศิลปะการต่อสู้
ในโรงยิม นักศึกษาทั้งหมดเปลี่ยนเป็นชุดการต่อสู้สีขาวและสีเทา จากนั้นจึงเริ่มทำความสะอาดสถานที่
หลินหยุนและไอ้หินถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกัน และหลังจากทำความสะอาดพื้นที่ที่จัดสรรแล้ว ทั้งสองก็นั่งข้างๆเพื่อพักผ่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...