หวางหยู่หันกัดฟัน คำพูดของหลินหยุน ไม่มีอะไรจะจับผิดได้เลย
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะแบ่งงานให้พวกนายอีกครั้ง ไปเช็ดพื้นที่ตรงนั้น”
ครั้งนี้หลินหยุนพูดตรงไปตรงมามากขึ้น “ไม่ไป”
หลังจากพูดจบ เขาก็เอนตัวพิงกำแพง ปิดตาและตั้งสมาธิ ไม่สนใจหวางหยู่หันเลย
ไอ้หินมองไปที่หวางหยู่หัน และมองหลินหยุน โดยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“เอาล่ะ หลินหยุน ฝากไว้ก่อน!” หวางหยู่หันออกไปด้วยความโกรธ
หลังจากทำความสะอาดเสร็จเรีบร้อย หลินหยุนไม่ได้เอาเหตุการณ์เมื่อกี้มาใส่ใจเลย
คลาสเรียนศิลปะการต่อสู้เริ่มขึ้น และโค้ชก็มาถึง
นักศึกษาถูกแบ่งออกเป็นสองแถว นั่งหันหน้าเข้าหากัน ตรงกลาง มีช่องว่างขนาดใหญ่
คลาสศิลปะการต่อสู้ของสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ ถือการแสดงเป็นหลัก ซึ่งหมายความว่ามีแต่ความสวยงามแต่ใช้งานไม่ได้
เพียงแต่ว่า โค้ชศิลปะการต่อสู้คนใหม่ ไม่คิดอย่างนั้น
เขาต้องการให้นักศึกษาทุกคนมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้จริงๆ หากมาเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้เพื่อการแสดงเท่านั้น สิ่งที่ได้รับมันก็ไม่มีประโยชน์ใช้การไม่ได้
นอกจากนี้ ยังเป็นการดูถูกศิลปะการต่อสู้อีกด้วย
ดังนั้น ในคลาสเรียนศิลปะการต่อสู้ โค้ชจะขอให้นักศึกษาทุกคนมีส่วนร่วมในการต่อสู้จริง
ในตอนแรก มันเป็นเพียงการเผชิญหน้าธรรมดาๆ แต่หลังจากผ่านไปนาน มันก็เปลี่ยนไป
บางคน เริ่มใช้คลาสเรียนศิลปะการต่อสู้ เพื่อโจมตีคู่ต่อสู้
ด้วยวิธีนี้ นักศึกษาที่ไม่เก่งในวิชาศิลปะการต่อสู้ก็จะโชคร้าย
แม้ว่าโค้ชจะได้เห็นผลของการเผชิญหน้าต่อสู้กัน เป็นการแก้แค้นเรื่องส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม
ตามคำพูดของโค้ช มีความกดดันถึงจะมีแรงกระตุ้น
ด้วยวิธีนี้ นักศึกษาที่ไม่ค่อยสนใจวิชาศิลปะการต่อสู้มากนัก เพราะกลัวจะโดนทำร้าย ก็ต้องทุ่มเทเรียนรู้การต่อสู้อย่างหนักหน่วง
ไม่ต้องพูดถึง วิธีการเช่นนี้ช่วยปรับปรุงระดับศิลปะการต่อสู้ของนักศึกษาได้อย่างมาก และความสามารถในการต่อสู้ก็ได้รับการปรับปรุงสูงขึ้น
โค้ชพูดเกี่ยวกับความรู้เชิงทฤษฎีก่อน แล้วจึงประกาศว่า การเผชิญหน้าต่อสู้ที่แท้จริงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“กู้ซิวหรั่น นายมาเริ่มต้นก่อน หาเพื่อนร่วมชั้นมาสาธิตให้ทุกคน” โค้ชมองคนที่นั่งข้างๆด้านซ้าย รูปร่างสูงยาว ใบหน้าหล่อเหลา พูดด้วยความพึงพอใจ
ศิลปะการต่อสู้ของกู้ซิงหรั่นนั้น จะเก่งที่สุดในบรรดาคนที่นี่
กู้ซิวหรั่นยืนขึ้น และเดินไปพื้นที่โล่งตรงกลาง สีหน้าเฉยเมย ท่าทางที่เย่อหยิ่งเหมือนคนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้ ทำให้ทุกคนรู้สึกหดหู่
เพียงแต่ว่า ความเย่อหยิ่งนี้ปรากฏบนตัวของกู้ซิวหรั่น และทำให้ทุกคนรู้สึกว่า มันสมเหตุสมผลมาก
ราวกับว่า เขาควรจะหยิ่งผยอง
“หล่อมาก! สมกับเป็นเดือนในมหาลัยของเรา!” ผู้หญิงบางคนในดวงตาแทบจะมีรูปหัวใจสีแดงออกมา
“หลิ่วซิง นายมาสู้กับฉัน!” กู้ซิวหรั่นพูดกับชายที่แข็งแกร่งทางขวา
หลิ่วซิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และลุกขึ้นทันที เดินไปตรงกลาง
“พี่กู้ โปรดออมมือด้วย!” หลิ่วซิงพูดด้วยรอยยิ้ม
หลิ่วซิงนี้เป็นลูกน้องกู้ซิวหรั่น กู้ซิวหรั่นต้องการรักษาภาพลักษณ์ที่เหนือกว่าผู้อื่น หลิ่วซิงเป็นเหมือนสุนัขที่เขาเลี้ยงไว้เพื่อกัดคน
หลิ่วซิง นายหาที่ตายเหรอ? ไร้สาระทำไม รีบมา!” โค้ชดุด่า
“ครับ!” หลิ่วซิงตัวสั่น
“ระวังตัวหน่อยนะ!” กู้ซิวหรั่นเปิดการต่อสู้ และชกหมัดตรงไป
หมัดนี้มีพลังที่แข็งแกร่ง มีพลังอยู่ในระดับหนึ่ง ในหมู่นักศึกษาเหล่านี้ มันค่อนข้างน่าทึ่งอยู่แล้ว
หลิ่วซิงขยับตัวหลบไปด้านข้างทันที โดยลืมทฤษฎีที่โค้ชเพิ่งพูดไปโดยสิ้นเชิง
เพียงแต่ว่า ดูเหมือนกู้ซิวหรั่นคาดไว้แล้ว และตามด้วยหมัดสวิงทันที
หลิ่วซิงหลบไม่ทัน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเผชิญหน้ากับมัน
“โอ้!” หลิ่วซิงกรีดร้อง พลังของเขาไม่แข็งแกร่งเท่ากู้ซิวหรั่น ด้วยหมัดนี้ทำให้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้เหน็บชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...