ฉู่หมิงเฉิงกับซ่างกวงชิงฉัน ต่างก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน โดยสายตาที่มองไปที่หลินหยุนนั้น เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
พวกเขารู้จักวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง ก่อนกู่เชียนซานเสียอีก ซึ่งระดับความเลื่อมใสในวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงนั้น คงไม่น้อยไปกว่ากู่เซิงยู่
ดังนั้น หลังจากที่พวกเขารับทราบว่าหลินหยุนคือผู้คิดค้นวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง ก็ตกตะลึงเหมือนกับโดนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะ ถึงขนาดไหม้เกรียมกันไปหมด
แน่นอนว่า ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก ก็มีคนที่ทราบว่าหลินหยุนคือผู้คิดค้นวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง อาทิ เซี่ยเจี้ยนโก๋ รวมถึงแพทย์อีกสองคนแห่งเมืองหลินโจว
แต่ว่า พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดแทรกเข้ามาได้อย่างไร อีกทั้งสถานะของพวกเขา แม้ว่าจะพูดออกมาก็คงจะไม่มีใครเชื่อ และอาจจะถูกคนกล่าวหาว่าพูดออกมาอย่างหน้าด้าน ถูกคนหัวเราะเยาะเย้ย
ทำได้เพียงให้คนที่มีสถานะอย่างท่านหลิวเป็นผู้ที่พูดออกมา จึงจะทำให้ทุกคนเชื่อถือ
ตอนนี้ สายตาที่ทุกคนมองไปยังหลินหยุนนั้น แฝงไปด้วยความเคารพและเกรงขาม
ประธานหลิวเหมือนกับว่ายังทำให้ทุกคนตกตะลึงไม่เพียงพอ มองไปที่กู่เชียนซานและพูดซ้ำอีกครั้งว่า “คุณกู่ หลักฐานนี้เพียงพอแล้วหรือยัง?"
กู่เชียนซานหน้าตาแดงก่ำ หันหน้ากลับไป และตอบขึ้นด้วยสีหน้าที่อับอายและเคียดแค้น “เพียงพอแล้ว!"
“พ่ายแพ้ให้กับผู้คิดค้นวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง ข้าไม่มีอะไรจะพูด แต่ว่า ต่อให้เขาใช้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทำร้ายส่งผลเสียใดๆ ต่อร่างกายของผู้ป่วย!"
นี่ย้อนกลับมาถามคำถามเมื่อครู่นี้อีกครั้ง ดูเหมือนว่า กู่เชียนซานก็ยังคงไม่ยอมง่ายๆ!
ท่านหลิวถือข้อมูลบันทึกการรักษาของหลินหยุน แล้วมองไปที่กู่เชียนซาน “ไม่ทราบว่าพวกคุณสังเกตเห็นอะไรบ้างไหม ในตอนที่คุณหลินกำลังให้การรักษาคนชรากับเด็กน้อยนั้น เทคนิคการฝังเข็มอยู่ดีๆ ก็ช้าลง โดยเฉพาะตอนที่รักษาเด็กน้อย คุณหลินยังได้กำชับเขาอีกด้วยว่าหลังจากที่กลับไปแล้วจะต้องบำรุงร่างกายทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากขึ้น”
ทุกคนต่างก็ครุ่นคิด
“เหมือนกับว่ามีเรื่องดังกล่าวนี้! ในตอนนั้นข้ายังรู้สึกว่าไอ้หนุ่มนี้มากเรื่องเกินไปอีกแล้ว? หรือว่าในเรื่องนี้ยังมีความลึกลับอะไรอยู่อีกเหรอ?"
“ถูกต้อง ข้าก็พอนึกออกได้บ้าง ตอนนั้นข้ายังหัวเราะว่าเขามีทักษะวิชาแพทย์ที่ไม่ดีพอ จึงให้เด็กกลับไปบำรุงร่างกายด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์”
กู่เชียนซานสีหน้าหม่นหมอง และมองไปยังท่านหลิว “ถูกต้อง มีเรื่องดังกล่าวนี้จริง”
“นี่ก็คือจุดที่ฉลาดยอดเยี่ยมของคุณหลิน! ตอนที่เขาทำการรักษาคนชราและเด็กน้อย ใช้เทคนิคการฝังเข็มที่อ่อนโยนอย่างมาก จึงไม่ทำร้ายส่งผลเสียหายต่อร่างกาย ซึ่งเดิมทีใช้เวลาการรักษาเพียงสามนาที แต่เขากลับใช้เวลาถึงสิบนาที”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กน้อยคนนั้น ร่างกายของเขากำลังอยู่ในช่วงวัยเติบโต ซึ่งการใช้วิธีการรักษาที่อ่อนโยน จะช่วยยกระดับภูมิต้านทานในร่างกายของเขาได้”
“แต่ว่า ตอนที่คุณหลินทำการรักษาวัยรุ่นสามคนนั้น ใช้วิธีการที่รุนแรงและมีประสิทธิผลที่รวดเร็วที่สุด ซึ่งสามารถทำให้วัยรุ่นสามคนนั้นหายเป็นปกติได้เร็วขึ้น”
พูดถึงตรงนี้ ท่านหลิวก็หยุดชะงักลงเล็กน้อย และกวาดสายตามองไปที่กลุ่มคนที่ไม่เข้าใจ “ผู้ป่วยเหมือนกัน คุณหลินทำไมถึงต้องทำการรักษาด้วยวิธีที่แตกต่างกัน? พวกคุณทราบไหมว่าเพราะอะไร?"
ทุกคนก้มหน้าก้มตาครุ่นคิด ในใจของทุกคนต่างมีคำตอบที่คลุมเครือ ซึ่งก็เหมือนกับการชมดอกไม้ภายในหมอก ไม่ค่อยชัดเจน ไม่สามารถพูดถึงเหตุผลที่แท้จริงได้
ท่านหลิวพูดคำถามออกมาเองว่า “นั่นเป็นเพราะตอนที่คุณหลินทำการรักษานั้น เขาได้พิจารณาในทุกด้านของผู้ป่วย!"
“วัยรุ่นสามคนนั้น อยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว ร่างกายแข็งแรง ต่อให้ฝังเข็มอย่างรุนแรง พวกเขาก็สามารถอดทนรับไหวได้ อีกทั้งพวกเขาที่อยู่ในช่วงอายุวัยนี้ คือเสาหลักของครอบครัว พวกเขาไม่มีเวลาที่จะไปดูแลบำรุงร่างกาย ถ้าหากว่าไม่ใช้การฝังเข็มที่รุนแรง พวกเขาก็ยังคงทำงานต่อในขณะที่ยังไม่หายป่วย หากเป็นเช่นนี้ ร่างกายก็จะถูกทำร้ายและได้รับผลเสียหายที่มากขึ้นไปอีก”
“คุณหลินจึงได้ใช้วิธีการรักษาที่รวดเร็วให้พวกเขาหายดีเป็นปกติ สามารถให้พวกเขากลับไปทำงานได้อย่างปกติ เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว”
“แต่ว่า เด็กน้อยคนนั้นกับคนชรา เดิมทีร่างกายก็ไม่ดีเท่ากับวัยรุ่น อีกทั้ง พวกเราก็ไม่ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลครอบครัว ดังนั้น คุณหลินจึงใช้วิธีการรักษาที่อ่อนโยนให้กับพวกเขา พยายามที่จะส่งผลเสียและทำร้ายร่างกายให้น้อยที่สุด”
“การรักษาโรคแบบเดียวกัน พวกเราคิดแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรที่จะรักษาผู้ป่วยให้หายเป็นปกติโดยเร็วที่สุด แบบนี้จึงจะแสดงให้เห็นถึงทักษะวิชาการแพทย์ที่สูงส่งยอดเยี่ยม แต่คุณหลินไม่เพียงแต่จะรักษาอาการของผู้ป่วยเท่านั้น ยังจะช่วยรักษาชีวิตของผู้ป่วยอีกด้วย!"
“ราชาแพทย์ นอกจากเขาแล้ว จะเป็นใครได้อีกล่ะ?"
ท่านหลิวพูดจบลงแล้ว ทุกคนในที่แห่งนี้เงียบกริบกันไปหมด เงียบสนิทอย่างมาก เหลือเพียงคำพูดนั้นคำเดียวที่ว่า จะเป็นใครได้อีกล่ะ? ที่ดังก้องกังวาลอยู่......
หลายคนต่างก็ครุ่นคิด แล้วก็ค่อยๆ มองไปที่หลินหยุนด้วยสายตา ที่เต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
“ข้าเคยได้ยินอาจารย์ปู่เล่าให้ฟังว่า ในสมัยโบราณหมอเซียนผู้ที่รักษาผู้ป่วยนั้น จะไม่เก็บเงินค่ารักษาจากคนยากจน และยังจ่ายยาให้ฟรีอีกด้วย ส่วนคนรวยจะเก็บเงินค่ารักษาเพิ่มขึ้น เพื่อนำมาช่วยเหลือคนยากจน”
“ยังจะมีคนที่วิจารณ์เพราะความไม่พอใจอยู่พอสมควร คิดว่าเรื่องดังกล่าวนี้สำหรับคนยากจนแล้ว แม้ว่าจะมีความหมายไปในทางที่ว่าปล้นคนรวยมาช่วยคนยากจน แต่สำหรับคนรวยแล้ว มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”
“หากว่าคนยากจนหมดสิ้นหนทาง คงจะต้องลุกขึ้นมาประท้วง แล้วคนรวยล่ะจะดำรงชีวิตต่อไปอย่างไร?"
“จนมาถึงวันนี้ ในที่สุดข้าก็เข้าใจได้แล้วว่า เดิมทีหมอเซียนไม่เพียงแค่รักษาโรคให้กับผู้ป่วยในขณะเดียวกันก็ยังช่วยรักษาชีวิตให้กับผู้ป่วยด้วย!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...