จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 419

สรุปบท บทที่ 419 ฉันกล้า: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

อ่านสรุป บทที่ 419 ฉันกล้า จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บทที่ บทที่ 419 ฉันกล้า คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

นี่ก็คือความมั่นใจของมู่ชิงซาน และก็เป็นสาเหตุที่เขายอมลงทุนใช้เงินซื้อราชาประมูลมาในราคาที่สูงขนาดนั้น

หวางซี่ไห่ยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัย “งั้นเหรอ? ถ้าเกิดบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปเกิดความวุ่นวายขึ้นจากภายใน ธนาคารจะยังให้แกกู้เงินอยู่หรือเปล่า? สำหรับบริษัทที่ไม่มีปัญญาจะใช้หนี้ แกคิดว่ายังมีธนาคารไหนที่กล้าให้แกกู้เงินอีกงั้นเหรอ?”

“อีกอย่าง สำหรับบริษัทที่มีปัญหาทั้งภายในและภายนอก แกยังคิดว่าสามารถหาคนมาลงทุนได้อีกงั้นเหรอ?”

มู่ชิงซานยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันเองก็สนใจเป็นอย่างมาก แกจะใช้วิธีไหนทำให้บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของฉันเกิดปัญหาทั้งภายในและภายนอก? ใช้เพียงแค่คำพูดลอยๆของแกงั้นเหรอ?”

หวางซี่ไห่มองไปยังเหล่าประธานของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ทุกท่าน พวกท่านยังไม่คิดจะเปิดเผยอีกงั้นเหรอ?”

เหล่าประธานของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป ต่างก็จ้องมอง ซึ่งกันและกัน สีหน้าดูสับสน

สุดท้าย ประธานหยางก็เป็นคนยืนขึ้นมาเป็นคนแรก พูดเสียงดังออกมาว่า “ให้ฉันเป็นคนพูดก็แล้วกัน!พี่มู่ ฉันต้องการถอนหุ้น!”

สีหน้าของมู่ชิงซานดูหมองลงไป เขาสงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกประธานมาอวยพรปีใหม่ในวันแรกของปี จะต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน นึกไม่ถึงว่าพวกเขากลับวางแผนกับบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปเอาไว้

สายตาของมู่ชิงซาน กวาดมองไปยังประธานที่เหลือ แล้วถามว่า “พวกคุณเองก็ต้องการถอนหุ้นงั้นเหรอ?”

ใบหน้าของผู้อำนวยการหลี่เผยความอับอายเล็กน้อย “ไอ้มู่ คุณอย่าโทษพวกเรา พวกเราเองก็ไม่อยากให้เงินของตัวเองต้องเสียไปอย่างสูญเปล่า!”

มู่ชิงซานขมวดคิ้ว ถามด้วยความสงสัยว่า “ไอ้หลี่ ฉันไม่เข้าใจคำพูดนี้ของคุณ เงินที่พวกคุณลงทุนกับบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป จะสูญเปล่าได้ยังไงกัน? หลายปีมานี้ พวกคุณยังคิดว่าได้กำไรมาไม่มากพอเหรอ?”

ผู้อำนวยการหลี่อึ้งไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “ไอ้มู่ เรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คุณคิดเอาไว้ เห็นแก่มิตรภาพที่พวกเราทำงานร่วมกันมาหลายปี ฉันขอเตือนคุณสักประโยค ยอมแพ้เถอะ เหลือสักนิดก็ยังดี!ครั้งนี้ คุณสู้พวกเขาไม่ได้!”

มู่ชิงซานโกรธจนหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปเป็นสิ่งที่ตระกูลมู่ทั้งสามรุ่นของฉันก่อตั้งมากับมือ ฉันจะไม่มีทางยอมให้มันล่มสลายในมือของฉันอย่างแน่นอน!ความหวังดีของคุณ ฉันขอรับไว้ด้วยใจก็พอ”

“ถ้าเกิดพวกคุณต้องการถอนหุ้น งั้นก็ทำตามสัญญาที่เขียนไว้ก็แล้วกัน!”

ตอนที่มู่ชิงซานทำสัญญาร่วมมือกับพวกประธาน มันไม่ได้ใจกว้างเหมือนกับที่หวางซูเฟินของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปที่ทำกับพวกประธานของเธอ

ถ้าเกิดถอนหุ้นกลางคัน จะต้องชดใช้ค่าเสียหายครึ่งหนึ่ง มู่ชิงซานไม่เชื่อว่า พวกประธานจะไม่เสียดาย

หวางซี่ไห่ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “มู่ชิงซาน มีประธานถอนหุ้นขนาดนี้ เกรงว่าบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกคุณคงไม่สามารถจ่ายเงินเดือนได้แล้ว? ตอนนี้อยากจะโทรไปหาผู้รับผิดชอบของธนาคารไหม ดูว่าพวกเขาจะยอมให้คุณกู้เงินหรือเปล่า?”

“ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้!” สีหน้ามู่ชิงซานดูหมองมาก หยิบมือถือขึ้นมา เริ่มพูดคุยกับเพื่อนตั้งแต่สมัยประถม และเป็นหนึ่งในห้าธนาคารใหญ่ของประเทศจีน

รอเพียงแป๊บเดียวก็รับสาย เริ่มแรกทั้งสองคุยกันอย่างไหลลื่น แต่ว่าหลังจากที่มู่ชิงซานบอกว่าต้องการจะขอกู้เงินไปลงทุน อีกฝ่ายก็หาข้ออ้างในการกดวางสายทันที

มู่ชิงซานจ้องมองแววตามั่นใจของหวางซี่ไห่ด้วยความตกใจ ยังไม่อยากเชื่อจึงโทรไปหาคนรับผิดอีกคนของธนาคารอีกแห่ง

ปรากฏว่าครั้งนี้ไม่มีคนรับสาย ตอนที่โทรไปครั้งที่สอง ก็โทรไม่ติดอีกแล้ว เขาถูกบล็อกไปแล้ว!

จู่ๆมู่ชิงซานก็นั่งลงไปบนเก้าอี้ จ้องมองหวางซี่ไห่ด้วยความตกใจ

“เป็นไปได้ยังไง!ด้วยอำนาจของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อธนาคาร!”

หวางซี่ไห่ยิ้มอย่างเย็นชาอีกรอบแล้วพูดว่า “ไอ้มู่ คุณยังสามารถหาคนมาลงทุนได้นะ!พอดีเลยตอนนี้ก็มีเจ้าของบริษัทมากมายอยู่ที่นี่ แถมยังมีหลายคนที่ค่อนข้างจะสนิทกับคุณ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเติบโตไปพร้อมกับบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกคุณ คุณลองดูสิ!”

แม้ว่ามู่ชิงซานจะไม่อยากโดนอีกฝ่ายจูงจมูก แต่ก็ยังคงหันไปมองคนพวกนั้นอยู่ดี

เขาเองก็อยากจะรู้ว่า พอถึงตอนที่บริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในช่วงวิกฤต คนพวกนี้จะยอมยื่นมือมาช่วยเหลือเขาไหม!

แต่ว่า ความจริงมันช่างเจ็บปวด

เหล่าเจ้าของบริษัทที่มาอวยพรปีใหม่เขาด้วยความจริงใจ ตอนที่มู่ชิงซานหันมามองพวกเขา แต่ละคนก็เอาแต่ก้มหน้า

ส่วนคนที่เหลือ ยิ่งไม่ต้องถามอะไร

“พอแล้ว!” มู่เฉิงตะโกนเสียงดังด้วยความดุดัน ความจริงมันอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาไม่เชื่อไม่ได้

มู่เฉิงส่งเสียงพุตงออกมา คุกเข่าลงต่อหน้าของมู่ชิงซาน ร้องไห้ด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด “พ่อ ผมทำผิดต่อพ่อ!ผมเป็นคนทำลายตระกูลของพวกเรา!”

มู่ชิงซานตะโกนออกมา “ลุกขึ้น!เป็นลูกผู้ชาย ล้มที่ไหน ก็ต้องลุกขึ้นจากที่นั่น!จะร้องไห้ เหมือนพวกผู้หญิงทำไม!”

“ฮ่าๆ ไอ้มู่ แกสอนลูกชายตัวเองแบบนี้งั้นเหรอ? ไม่แปลกใจที่สอนออกมาเป็นคนไร้น้ำยา!”

“พอแล้ว พวกแกเองก็อย่าร้องไห้ตรงนี้เลย วันนี้ฉันมาก็เพื่อเข้ามาซื้อกิจการบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของแก เห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันมาหลายปี ห้าสิบล้าน ไม่น้อยไปใช่ไหม!”

มู่เฉิงตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “เหลวไหล แค่ที่ดินทำเลทองผืนนั้นก็มีมูลค่ากว่าหกสิบล้านแล้ว ยังไม่รวมต้นทุนที่พวกเราเอาไปลงทุนในภายหลังอีก ทำแบบนี้ก็เหมือนพวกแกเข้ามาแย่งไปชัดๆ?”

หวางซี่ไห่หัวเราะ ด้วยใบหน้าที่สะใจ “แกพูดถูกแล้ว นี่เป็นการแย่งกิจการ!ถ้าไม่เชื่อแกลองถามดูสิ นอกจากฉัน ยังมีใครที่จะกล้าซื้อบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปของพวกแกอีก!”

“พูดสิ!ใครกล้า!” หวางซี่ไห่กางแขนออกทั้งสองข้าง จ้องมองคนรอบๆด้วยสีหน้านอกจากฉันยังมีใครกล้าอีก ดูมั่นใจเป็นอย่างมาก

ในห้องโถง มีประธานจากธุรกิจต่างๆมากขนาดนั้น แต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียง ไม่มีใครกล้าออกมาพูดแทนบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป

ทุกคน ต่างก็กลัวจนไม่กล้าพูดอะไร ยอมอยู่ใต้อำนาจของหวางซี่ไห่

ตรงมุมหนึ่งทางเข้าของเหล่าผู้คนรอบๆที่อยู่ข้างหลัง ก็มีชายหนุ่มเอนหลังพิงกำแพงด้วยท่าทางที่สบายๆ แล้วยืนดูการแสดงของหวางซี่ไห่

ในเวลานี้เอง ชายหนุ่มคนนั้นก็เบิกตาขึ้นมา แววตาราวกับมีการไหลเวียนของดวงดาว

เสียงของเขาดูไม่แยแสอะไร พร้อมกับแฝงความขี้เกียจ แต่กลับดึงดูดความสนใจของทุกคน

“ฉันกล้า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์