หลินหยุนและซูจื่อเหลียงมาถึงหน้าประตูที่มีคนเยอะที่สุด
ทั้งสองฝ่ายเหมือนกำลังเผชิญหน้ากันอยู่
หน้าประตู มีคนสวมชุดสีดำอยู่หลายคน คอยกั้นคนพวกนี้เอาไว้
ตรงอกเสื้อสีดำของคนพวกนี้ มีอักษรจีนตัวเต็มเขียนเอาไว้ว่าอู๋จี๋
ทางด้านของหลินหยุน ดูวุ่นวายเล็กน้อย มีร้อยกว่าคน น่าจะเป็นพวกนักบู๊ที่ตามมาที่หลังเพราะข่าวลือ
คนพวกนี้ จ้องมองพวกคนชุดดำด้วยความไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ว่า ก็ไม่กล้าทำอะไรวู่วาม
“ที่นี่เป็นถ้ำเซียนป้ายเยว่ ไม่ใช่ที่ของสำนักอู๋จี๋ของพวกเจ้าสักหน่อย พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงห้ามไม่ให้พวกเราเข้าไป!”
ในหมู่คนพวกนี้ มีเสียงแหบดังขึ้นมา แค่ฟังจากเสียงก็รู้แล้วว่า เป็นการจงใจดัดเสียงอย่างชัดเจน กลัวว่าคนของสำนักอู๋จี๋จะรู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ไม่อย่าให้ถ้ำเซี่ยนป้ายเยว่ ถูกสำนักอู๋จี๋ยึดไปคนเดียว จึงอยากกระตุ้นให้ทุกคนเกิดการต่อต้านพร้อมกัน
“ใช่แล้ว สำนักอู๋จี๋มีสิทธิ์อะไรถึงห้ามไม่ให้พวกเราเข้าไป! พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงยึดเอาไว้คนเดียว?” นักบู๊หนุ่มที่ไม่รู้กาลเทศะคนหนึ่ง ตะโกนออกมาด้วยความโมโห
“ทุกท่าน ต่อให้สำนักอู๋จี๋ของพวกเขาจะเป็นหนึ่งในห้าสำนักใหญ่ แต่ว่าพวกเรามีคนมากขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขา!” เสียงแหบนั่นดังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน
“ใช่แล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขา ห้าสำนักใหญ่แล้วจะทำไม? หรือว่าพวกเขายังกล้าที่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกบู๊โบราณหรือไง?” ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนออกมาโดยไม่เกรงกลัวอะไร
สายตาของเหล่าคนชุดดำต่างก็มองชายหนุ่มคนนี้ ราวกับเป็นคนโง่คนหนึ่ง พร้อมกับแฝงจิตสังหารที่เย็นชา
ในหมู่คนพวกนี้ มีนักบู๊ที่ดูสูงอายุประมาณหนึ่ง จ้องมองชายหนุ่มคนนั้น เขาเองก็จ้องมองด้วยสายตาดูถูก
ผู้อาวุโสรูปร่างผอม พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แม้แต่สำนักอู๋จี๋ก็ยังไม่อยู่ในสายตา รนหาที่ตาย!”
หลินหยุนยืนฟังอยู่เงียบๆ เขาได้ยินพวกคำศัพท์ใหม่ๆ
สำนักอู๋จี๋ ห้าสำนักใหญ่ โลกบู๊โบราณ
พวกนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนในชาติที่แล้ว
ทันใดนั้น ก็มีเงาสีดำพุ่งเข้ามายังรวดเร็ว เป้าหมายก็คือชายหนุ่มที่ร้องตะโกนเมื่อกี้
ชายหนุ่มคนนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว โดนซัดหมัดใส่ตรงกลางหัว หัวสมองแหลกละเอียดราวกับเป็นแตงโมที่ถูกทุบ
“อ้ากกกก!”
ฝูงชนตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ในหมู่พวกนั้นมีพวกหญิงสาว ปิดตาแล้วกรีดร้องออกมา และมีบางคน วิ่งออกไปอ้วก
เงาสีดำนั้นยืนอยู่ตำแหน่งที่ชายหนุ่มคนนั้นเคยยืน เป็นผู้อาวุโสที่สวมชุดสีดำเหมือนกัน บนอกเสื้อก็มีคำว่าอู๋จี๋ แต่ว่า ตัวอักษรนี้ไม่เหมือนกับเหล่าชายหนุ่มชุดดำที่อยู่ข้างหลัง ตัวอักษรของเขาเป็นสีทอง
ผู้อาวุโสคนนี้ฆ่าคน เหมือนเป็นผักปลา ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย จ้องมองเหล่าฝูงชนด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง
“ยังมีใครที่ต้องการจะท้าทายสำนักอู๋จี๋ของข้าอีกไหม!”
ในหมู่ฝูงชน ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอีก
แต่ว่า หลินหยุนรับรู้ได้ว่าคนพวกนี้กำลังระงับอารมณ์ของตัวเอง เห็นได้ชัดว่า ทุกคนต่างก็กำลังระงับความโกรธ บางทีอาจเป็นเพราะหวาดกลัวผู้อาวุโสคนนี้ไปชั่วขณะ
การเคลื่อนไหวของฝั่งนี้ ดึงดูดความสนใจจากคนที่อยู่ประตูอื่นทันที ทุกคนต่างก็รีบวิ่งเข้ามา
“พี่!”
ทันใดนั้น ในหมู่คนพวกนั้นก็มีเสียงแหลมร้องตะโกนออกมา เป็นหญิงสาวในชุดสีขาว กระโดดพลิกตัว ข้ามฝูงชน แล้วมาอยู่ตรงข้างๆชายหนุ่มคนนั้น
พอมั่นใจว่าชายหนุ่มคนนี้ตายแล้วอย่างแน่นอน หญิงสาวชุดขาวคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา มองไปยังผู้อาวุโสจากสำนักอู๋จี๋ แววตาที่สวยงามได้เผยจิตสังหารออกมา “เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้ฆ่าคน!”
หญิงสาวคนนี้มีรูปราวที่สูงยาว ดูเป็นคนอัธยาศัย ใบหน้าก็งดงามมาก ถึงแม้จะกำลังโมโหอยู่ แต่ว่าก็ยังสวยไปอีกแบบ
ผู้อาวุโสยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เขารนหาที่ตายเอง เพราะงั้นข้าจึงฆ่าทิ้งซะ ทำไม เจ้าเองก็อยากจะตายงั้นเหรอ?”
“ถึงแม้สำนักอู๋จี๋จะแข็งแกร่งมาก แต่ว่าตระกูลหยางของข้าก็ไม่ได้น้อยหน้า คนตระกูลหยางของข้าไม่ได้มีไว้ให้เจ้าฆ่าตามใจชอบ!” หญิงสาวลุกขึ้นมา จ้องมองผู้อาวุโสคนนั้นด้วยความเย็นชา บนตัวปล่อยออร่าที่แข็งแกร่งออกมา ที่แท้ก็เป็นนักบู๊แดนพรสวรรค์สูงสุด
ตระกูลหยาง หญิงสาวคนนี้เป็นคนของตระกูลหยางงั้นเหรอ!
ถึงว่าชายหนุ่มเมื่อกี้ถึงได้กล้าดูถูกสำนักอู๋จี๋ ที่แท้ก็เป็นคนจากเจ็ดตระกูลใหญ่นี่เอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...