จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 439

ผู้อาวุโสคนนั้นจ้องมองหยางเฟยเย่นด้วยสายตาดูถูกจากนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เป็นแค่แดนพรสวรรค์ ยังกล้ามาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า! ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่เจ้าเป็นคนของตระกูลหยาง กำปั้นนี้ก็เพียงพอที่จะสังหารเจ้าแล้ว!”

หยางเฟยเย่นพูดด้วยสีหน้าโมโห “อย่ามาเสแสร้งแถวนี้ เจ้าสังหารพี่ชายของข้า ตระกูลหยางของข้าไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่!”

เวลานี้เอง กลุ่มคนที่อยู่อีกประตูที่อยู่ไม่ไกลมาก ก็เกิดความโกลาหลขึ้น

มีเงาหลายคนบินมาทางนี้

คนพวกนี้ไปยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่ผู้อาวุโสคนนั้นเคยยืน ทั้งสามคนสวมชุดคลุมสีดำเหมือนกัน เป็นผู้อาวุโสที่ตรงอกเสื้อมีอักษรสีทองคำว่าอู๋จี๋

เมื่อทั้งสามปรากฏตัวออกมา หลินหยุนก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของ ซูจื่อเหลี่ยงที่อยู่ข้างๆ

ดูเหมือนว่า สามคนนี้ก็น่าจะเป็นยอดฝีมือที่ทำร้ายซูจื่อเหลียง

เป็นอย่างที่คิด ซูจื่อเหลียงกระซิบบอกว่า “สามคนนี้แหละ!”

หลังจากสามผู้อาวุโส ก็มีชายหนุ่มในชุดสีขาวเป็นคนนำกลุ่ม ที่มีสมาชิกราวๆสิบคนตามมาติดๆ

มีคนจำได้ทันทีว่าคนที่มาเป็นใคร

“นั่นมันอัจฉริยะของตระกูลหลี่ หลี่อู๋จี๋ไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่แล้ว เป็นคนของตระกูลหลี่!”

นึกไม่ถึงว่าคนของตระกูลหลี่ก็มาด้วย คราวนี้ต่อให้เป็นสำนักอู๋จี๋ก็ไม่กล้ายึดถ้ำเซียนป้ายเยว่เอาไว้คนเดียวแล้ว!”

หยางเฟยเย่นที่อยู่ข้างๆหลินหยุน เผยสีหน้าแห่งความดีใจออกมา “เป็นหลี่อู๋จี๋จริงๆด้วย เขาเป็นหนุ่มอัจฉริยะที่สุดในยุคนี้”

“นึกไม่ถึงว่าหน้าตาก็หล่อเหลาด้วย!”

ดวงตาทั้งคู่ของหยางเฟยเย่นกลายเป็นสีชมพู

หญิงสาวในชุดแดงขมวดคิ้ว “ถ้าเกิดเป็นหลี่อู๋จี๋จริงๆ บางทีสำนักอู๋จี๋คงไม่กล้าอวดเบ่งเหมือนเมื่อกี้อีก”

หลายปีมานี้ตระกูลหลี่เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก มีอำนาจตามห้าสำนักใหญ่มาติดๆ หลี่อู๋จี๋ยังได้ฉายาอีกว่าเป็นหนุ่มอัจฉริยะที่สุดแห่งยุค เป็นชายหนุ่มที่ครอบอัจฉริยะแห่งยุคของเจ็ดตระกูลใหญ่

ครั้งนี้ที่เขาพากลุ่มคนมาด้วย สำนักอู๋จี๋เองก็ต้องรับมือดีๆ

หลี่อู๋จี๋เดินไปใกล้ๆ ประสานมือคารวะพวกอาวุโส แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หลี่อู๋จี๋จากตระกูลหลี่ ขอคารวะเหล่าผู้อาวุโสของสำนักอู๋จี๋!”

เหล่าผู้อาวุโสต่างก็มีสีหน้าที่เรียบสงบ ต่างก็พยักหน้า ถือว่าเป็นการทักทายกลับ

ผู้อาวุโสเมื่อกี้ที่สร้างบาดแผลให้กับหยางเฟยเย่นพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายหลี่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้”

เหล่าผู้อาวุโสของสำนักอู๋จี๋ ที่เมื่อกี้ยังแสดงใบหน้าดูถูก และหยิ่งผยอง ต่อหน้าทุกคน

ตอนนี้พอต้องเผชิญกับหลี่อู๋จี๋ กลับเลี่ยนเป็นคนที่พูดจารู้เรื่อง เห็นได้ชัดว่าแค่หลี่อู๋จี๋คนเดียว พวกเขาก็ให้ความสำคัญ เหนือกว่าทุกคนที่อยู่ในสนาม

สายตาของหยางเฟยเย่น เผยความนับถือออกมา มีความรู้สึกรักใคร่ผุดขึ้นมาในหัวใจ “คุณชายอู๋จี๋สมคำร่ำลือ ไม่เสียงชื่อที่เป็นหนุ่มอัจฉริยะแห่งยุคของเจ็ดตระกูลใหญ่! อัจฉริยะของตระกูลหยางเมื่อเทียบกับเขา ยังห่างชั้นอยู่มาก”

หลี่อู๋จี๋กวาดสายตามองคนรอบๆ แล้วหันไปพูดกับเหล่าผู้อาวุโสว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน ถึงแม้ว่าถ้ำเซียนป้ายเยว่แห่งนี้ จะอยู่ในพื้นที่ของสำนักอู๋จี๋ แต่ก็เป็นถ้ำของผู้อาวุโสเมื่อหลายร้อยปีก่อน ต่อให้เป็นสำนักอู๋จี๋ก็ไม่ควรยึดไว้คนเดียว”

“ถ้าเกิดสำนักอู๋จี๋ค้นพบด้วยตัวเอง เป็นคนตรวจพบถ้ำแห่งนี้ ก็ว่าไปอย่าง แต่ว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ถ้ำเซียนป้ายเยว่แห่งนี้ ก็ไม่ใช่ของสำนักอู๋จี๋แต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป”

“ตั้งแต่สมัยโบราณถ้ำเซียน เครื่องรางชั้นยอด ก็ควรจะมอบให้กับคนที่ถูกชะตากับมัน สำนักอู๋จี๋ไม่ควรยึดไว้คนเดียว คำพูดของข้าน้อย หวังว่าเหล่าผู้อาวุโสจะเก็บไปคิดทบทวน ไม่อย่างนั้น เหล่าคนที่อยู่ที่นี่ จะต้องไม่ยอมรับอย่างแน่นอน”

มีหลี่อู๋จี๋เป็นผู้นำ เหล่าผู้คนที่เหม็นขี้หน้าสำนักอู๋จี๋อยู่แล้ว รีบตะโกนขึ้นมาทันที “ใช่แล้ว คุณชายอู๋จี๋พูดได้ดีมาก ถ้ำเซียนป้ายเยว่ไม่ใช่ของสำนักอู๋จี๋ พวกเจ้าไม่ควรยึดไว้คนเดียว!”

“ถูกแล้ว ตั้งแต่สมัยโบราณถ้ำเซียน ล้วนให้กับคนที่ถูกชะตากับมัน สำนักอู๋จี๋ของพวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงยึดไว้คนเดียว!”

“ถ้าเกิดสำนักอู๋จี๋ต้องการยึดไว้คนเดียว งั้นพวกเราก็ขอสู้ตายกับพวกเขา!”

“ใช่แล้ว ขอสู้ตาย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์