สรุปเนื้อหา บทที่ 449ซากปรักหักพังของวัด – จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
บท บทที่ 449ซากปรักหักพังของวัด ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จูผาซู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนก็อยู่ในฝูงชนหยูจงหยวนก็ร้องอุทานด้วยความตกใจ“คุณทำไมคุณถึงมาที่นี่ด้วย!”
หลินหยุนพูดเบาๆ“พวกเรามาด้วยกัน”
ทุกคนเหลือบมองหลินหยุนและรู้สึกสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับปฏิกิริยาของหยูจงหยวน
หลี่อู๋จี๋เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยสีหน้าดูหยิ่งเล็กน้อย“คุณคือผู้รับผิดชอบของหมู่บ้านเปากู่เหรอ?”
หยูจงหยวนดูเหมือนจะกลัวหลี่อู๋จี๋เล็กน้อยทำท่าทางเคารพนับถือมาก“ใช่ครับแต่เมื่อสองวันก่อนด้วยเหตุผลบางอย่างตอนนี้ฉันเป็นรองหัวหน้าเถ้าแกหลี่ของบริษัทอู๋จี๋ได้อธิบายให้ฉันฟังแล้วให้ฉันฟังคำสั่งคุณชายหลี่ถ้าต้องการอะไรท่านสั่งมาได้เลย!”
หลี่อู๋จี๋ไม่สนใจเหตุว่าทำไมหยูจงหยวนนจึงกลายเป็นรองหัวหน้าเพียงแต่ว่าถ้าเขาต้องการให้คนแบบนี้ทำตามคำสั่งเขาต้องสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์กับเขาก่อน
“วางใจได้หลังจากช่วยฉันทำงานในครั้งนี้เสร็จฉันจะขอให้คนในอำเภอเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ให้นายทันที”
หยูจงหยวนดีใจมาก“ขอบคุณคุณชายหลี่มาก!”
เพียงแต่ว่าหลังจากที่เห็นหลินหยุนสีหน้าของเขาก็ซีดลงอีกครั้งมีหลินหยุนอยู่แม้ว่าหลี่อู๋จี๋จะช่วยเหลือเขาเขาก็หมดหวังที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง
หลี่อู่จี๋พูดว่า“นายคิดหาวิธีรวบรวมคนชราในที่นี่บอกว่าจะแจกของขวัญให้พวกเขาให้พวกเขามารวมกันที่นี่”
หยูจงหยวนพูดว่า“นี่เป็นเรื่องที่จัดการง่ายแต่ต้องกำหนดช่วงอายุที่แน่นอนอย่างเช่นอายุ60หรือ70ปีคนเหล่านี้พอได้ยินคำว่าจะแจกของขวัญจะต้องมาอย่างแน่นอน
หลี่อู๋จี๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง“ถ้าอย่างนั้นก็70ปี!”
“ตกลงผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!แต่อาจต้องใช้เวลาสักพักคุณชายหลี่เข้ามาพักผ่อนสักพักดื่มชาสักแก้ว!”หยูจงหยวนโค้งตัวและทำท่าทางเชิญ
“รบกวนล่ะ!”หลี่อู๋จี๋พูดอย่างสุภาพพาทุกคนเข้าไปในประตูรั้วเหล็ก
หมู่บ้านเปากู่ประกอบด้วยหมู่บ้านทางทิศตะวันออกทิศใต้ทิศตะวันตกทิศเหนือสี่ทิศมารวมตัวกันทุกหมู่บ้านจะมีหัวหน้าหมู่บ้านหยูจงหยวนโทรศัพท์หาผู้นำหมู่บ้านเหล่านั้นโดยตรงและขอให้พวกเขาแจ้งข่าว
ทันทีที่ได้ยินเกี่ยวกับการแจกของขวัญผลลัพธ์ก็แตกต่างออกไปในไม่ช้าก็มีคนขับรถสามล้อและพาผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า70ปีในครอบครัวมา
เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่พิเศษของหมู่บ้านเปากู่ระยะห่างระหว่างหมู่บ้านทั้งสี่แห่งนี้จึงอยู่ไม่ไกลนักใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นในสนามก็มีผู้คนจำนวนมากมาย
ส่วนใหญ่เป็นคนที่ส่งคนชรามาคนที่มีอายุมากกว่าเจ็ดสิบปีมีเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านนั้น
คนที่มีอายุยืนยาวถึง70ปีนั้นมีน้อยมากชีวิตทั้งชีวิตของคนธรรมดาในจำนวนสิบคนสามารถมีครึ่งหนึ่งที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บจนถึงอายุ70ปีก็สุดยอดแล้ว
เกี่ยวกับของขวัญที่จะแจกในวันนี้หลี่อู๋จี๋นำเงิน10,000ออกมาเคลื่อนย้ายโต๊ะมาตัวหนึ่งและตอนที่พวกเขามารับเงินก็ถามทีละคน
ใช้เงินล่อในเวลาอันรวดเร็วคงหาผู้สืบทอดได้
คนแรกที่มารับเงินคือชายวัยกลางคนที่มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เป็นผลให้หลี่อู๋จี๋กลอกตาใส่เขา“คุณอายุเจ็ดสิบปีแล้วหรือ?”
“ผมมารับแทนพ่อ”ชายคนนั้นยิ้มอย่างเขินอาย
“ให้พ่อของคุณมารับเอง”หลี่อู๋จี๋พูด
“ครับๆ”ชายคนนั้นวิ่งกลับไปอย่างเชื่อฟังและพยุงชายชราหลังค่อมเดินกลับมาอีกครั้ง
หลี่อู๋จี๋เหลือบมองชายชราและคิดในใจว่า“ปราศจากชี่แท้เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งและคงไม่ใช่ผู้สืบทอด”
“คุณอายุเท่าไหร่แล้ว”หลี่อู๋จี๋ถาม
“เจ็ดสิบสาม”เสียงของชายชราดังชัดเจนมาก
“คุณรู้จักถนนสายหลักทั้งสี่ของหมู่บ้านที่เชื่อมต่อกับภูเขากู่มีแผ่นหินกลมอันหนึ่งไหม?”หลี่อู๋จี๋ถาม
ชายชราพูด“ฉันต้องการเงินไม่เอาแผ่นหิน”
“จะแจกเงินไม่ใช่แจกแผ่นหินฉันถามว่าคุณรู้จักแผ่นหินนั้นหรือเปล่า?”หลี่อู่จี๋ย้ำอย่างเบื่อหน่าย
ชายชราตอบ“ฉันต้องการเงินไม่เอาแผ่นหิน"
หลี่อู๋จี๋“……”
ให้เงินชายชราห้าร้อยลูกชายของเขาก็รีบรับไว้ด้วยความขอบคุณ
คนที่สอง.
หลี่อู๋จี๋ถาม“คุณอายุเท่าไหร่?”
ชายชราตอบ“เจ็ดสิบ”
หยูจงหยวนพูดว่า“ที่วัดแห่งหนึ่ง”
ที่เชิงเขาในหมู่บ้านเปากู่ซึ่งห่างไกลจากย่านที่อยู่อาศัยของชาวบ้านมีวัดที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่ง
ประตูวัดได้พังทลายลงกำแพงอิฐเต็มไปด้วยช่องว่างมีบ้านไม้เพียงหลังเดียวที่ยังคงอยู่
จากแผ่นหลังคาไม้ที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่จะเห็นได้ว่าบ้านไม้หลังนี้ได้รับการซ่อมแซมหลายครั้ง
โดยพื้นฐานแล้วนี่คือวัดที่ไม่สามารถมองเห็นลักษณะเดิมได้อีกต่อไป
ส่วนเป็นวัดอะไรนั้นย่อมไม่รู้แน่นอน
หยูจงหยวนพาทุกคนมาหยุดที่หน้ารั้วไม้ที่พุพังแล้วพูดว่า“ตรงนี้แหละ”
หลี่อู๋จี๋เหลือบมองวัดที่ทรุดโทรมแล้วขมวดคิ้ว“ที่นี่มีคนอยู่ไหม?”
“มีมีชายชราที่สมองมีปัญหาคนหนึ่งตั้งแต่ฉันยังเด็กเขาก็อยู่ในวัดที่ทรุดโทรมนี้แล้วเวลาหลายปีผ่านไปไม่เคยจากไปไหนคนในหมู่บ้านเรียกเขาว่าตาเฒ่าไวยาวัจกร”หยูจงหยวนพูด
“แล้วคนล่ะ?”หลี่อู๋จี๋อดใจรอไม่ไหวตอนที่หยูจงหยวนยังเด็กเขาก็อยู่ที่นี่ถ้างั้นเขาก็น่าจะมีอายุอย่างน้อย70ปีบางทีเขาอาจเป็นผู้สืบทอดคนนั้น
เย่สวนฉีก็เริ่มตื่นเต้นถ้าหากพบผู้สืบทอดจริงๆมันจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่หลินหยุนพูดเป็นความจริง
ไม่แน่หลินหยุนอาจสามารถทำลายค่ายกลนั้นได้จริงๆ!”
หยูจงหยวนร้องตะโกน“ตาเฒ่าไวยาวัจกรคุณอยู่ไหม?มีคนมาหาคุณ”
เสียงที่สั่นๆดังมาจากข้างใน“ประตูไม่ได้ล็อคเข้ามาเลย”
หยูจงหยวนหันกลับมายิ้มให้หลี่อู๋จี๋“เขาอยู่พวกเราเข้าไปกันเถอะ!”
หลี่อู๋จี๋เปิดประตูก่อนแล้วก้าวเท้าเข้าไป
ในบ้านไม้ที่ทรุดโทรมมีฟูกสานหวายธรรมดาเพียงไม่กี่อันตรงกลางบ้านมีรูปปั้นแกะสละตั้งอยู่
รูปปั้นนั้นโดนแดดโดฝนมาหลายปีเก่าทรุดโทรมอย่างมากและถึงกับแขนหักไปข้างหนึ่งแต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่ารูปปั้นนั้นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...