สรุปตอน บทที่ 456 ระยะแด่เทพเจ้าช่วงกลาง – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
ตอน บทที่ 456 ระยะแด่เทพเจ้าช่วงกลาง ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“คุณทราบไหมว่าหลินหยุนอยู่ที่ไหน? ” หลินตงหัวถามขึ้น
หวางซูเฟินล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วกดหมายเลขโทรศัพท์: “ฉันจะโทรศัพท์ไปหาหลินหยุนเดี๋ยวนี้เลย! ”
โทรศัพท์มีเสียงตู๊ด ๆ ดังขึ้นในลักษณะที่สายไม่ว่าง หวางซูเฟินขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า: “ไม่มีสัญญาณตอบรับ! ไอ้หนุ่มนั่นไปอยู่ที่ไหนกันเนี่ยะ? ”
เจียงซ่างหมิงลุกยืนขึ้นโดยพลัน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมอง: “ไม่ได้ หากติดต่อคุณหลินหยุนไม่ได้ ข้าก็จะไม่มีทางนั่งรอโดยไม่ทำอะไรเด็ดขาด! ”
“พวกเราจะต้องแจ้งประกาศครั้งสุดท้ายให้กับคนเหล่านั้น ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมปล่อยคนออกมา อย่างนั้นพวกเราก็จะบุกโจมตีเข้าใส่อย่างเป็นทางการ! ”
หวางซูเฟินตะโกนพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “นายจะบ้าไปแล้วเหรอ! ฉินหลันยังคงอยู่ในมือของพวกเขา หากนายไปยั่วยุให้พวกเขาโกรธแค้นขึ้นแล้วจะทำอย่างไรกัน? ”
เจียงซ่างหมิงสีหน้าท่าทางเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่ง: “พวกเขาจับฉินหลันเป็นตัวประกันเพื่อที่จะข่มขู่หลินหยุน ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริง ๆ พวกเขาคงจะไม่ทำร้ายฉินหลันแน่นอน ถ้าพวกเราบุกโจมตีเข้าไปเลย เพื่อจัดการทำลายรังที่ซ่อนตัวของพวกเขา ก็สามารถถือโอกาสช่วยฉินหลันออกมาได้ แบบนี้ข้าก็สามารถที่จะอธิบายให้คุณหลินหยุนได้แล้ว! ”
หลินตงหัวขมวดคิ้ว วิธีการนี้ทำไมเขาฟังแล้วรู้สึกว่ามันจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือและได้ผลสักเท่าไหร่!
หวางซูเฟินด่ากลับมาทันทีว่า: “อธิบายอธิบายอธิบาย นายก็คิดแต่เพียงที่จะอธิบายให้หลินหยุนเท่านั้น นายได้คิดไหมว่าหากไปทำให้พวกคนเหล่านั้นจนตรอกแล้วต้องดิ้นรนสุดฤทธิ์ เกิดทำร้ายฉินหลันเข้าจะว่าอย่างไร? จนถึงตอนนั้นต่อให้หลินหยุนกลับมาแล้ว ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว”
“แล้วควรจะทำอย่างไรล่ะ? ติดต่อคุณหลินหยุนก็ไม่ได้ พวกเราจะต้องอดทนรอกันอย่างนี้ต่อไปเหรอ? ” เจียงซ่างหมิงร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน
หลินตงหัวพูดขึ้นว่า: “อย่างนี้ไหม พวกเราปิดกั้นประตูทางออกของภูเขาทั้งหมด ถ้าหากว่า พวกเขาไม่มีอาหารแล้ว คงจะต้องลงจากภูเขามาซื้ออาหารอย่างแน่นอน แบบนี้พวกเราก็ถือโอกาสจัดการกับกองกำลังของพวกเขา บีบบังคับพวกเขาให้มาเจรจาต่อรองกับพวกเรา! ”
“อีกทั้งแบบนี้ก็สามารถที่จะรับประกันได้ว่าฉินหลันก็จะไม่โดนทำร้าย” หลินตงหัวพูดเสริมขึ้นอีกคำหนึ่ง
หวางซูเฟินพยักหน้า: “ฉันคิดว่าวิธีการนี้น่าจะได้ผล”
เจียงซ่างหมิงรู้สึกว่าวิธีการนี้ค่อนข้างช้าไปสักหน่อย ไม่เห็นผลรวดเร็วเหมือนกับวิธีการของเขา แต่ว่าวิธีการของเขามีความเสี่ยงสูงมาก อีกทั้งหากเกิดการสู้รบกันขึ้น ผู้คนที่ต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตฝั่งพวกเขานั้นคงจะมีจำนวนมากด้วย
นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการที่จะพบเห็น
“ตกลง ถ้าอย่างนั้นก็ทดลองใช้วิธีการของน้องหลินตงหัวดูก่อน! ถ้าไม่เกิดผล พวกเราก็ค่อยคิดหาวิธีการอื่นกันใหม่! ”
ภูเขากู่ ภายในวังเทพจันทรา
พริบตาเดียวก็ผ่านไปกี่วันแล้ว หลินหยุนกับซูจื่อเหลียงก็ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าประตูของ วังเทพจันทราเหมือนเคย
แต่ว่า พูดไปก็แปลกอยู่ วังเทพจันทรานี้กลับมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม
ถ้าหากยึดตามระดับความเร็วนี้แล้ว ไม่กี่วันหลังจากนี้ วังเทพจันทราแห่งนี้ก็คงจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว
อีกทั้งความเร็วของการลดขนาดลงของวังเทพจันทรา ยิ่งจะรวดเร็วมากขึ้น
นี่คงจะเกี่ยวข้องกันกับพลังงานที่ได้ลดลงไป
ซึ่งราวกับน้ำแข็งที่ละลายอย่างไรอย่างนั้น ในตอนเริ่มแรกน้ำแข็ง จะละลายอย่างช้า ๆ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งจะละลายเร็วขึ้น
ผ่านไปอีกสองวัน วังเทพจันทราลดขนาดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวของเมื่อก่อนแล้ว ส่วนหลินหยุนกับซูจื่อเหลียงก็ยังคงดูดซับพลังงานทั้งวันทั้งคืนต่อไป
เหมือนกับว่าถ้าหากไม่สามารถดูดซับศูนย์กลางพลังงานจนหมด ก็คงไม่ยอมที่จะเลิกรา
ภูเขาลมปีศาจ ลูกศิษย์ของสำนักสวนอินบางคนทนไม่ไหวแล้ว จึงได้เริ่มลงจากภูเขา แต่ว่าเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้บริเวณขอบเขตการโจมตีของทหารทางการ ก็ได้ถูกลอบยิงจนเสียชีวิต
คำสั่งของทหารหนักแน่นดั่งภูเขา ไม่ใช่คำพูดลอย ๆ อย่างแน่นอน!
เริ่มแรก ลูกศิษย์ที่ลงจากภูเขายังมีจำนวนไม่มาก แต่หลังจากที่ถูกลอบยิงเสียชีวิตไปบางส่วนแล้ว ลูกศิษย์ที่ลงจากภูเขากลับยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
นักบู๊ที่เพิ่งเข้าสู่โลกบู๊เหล่านี้ต่างมีข้อบกพร่องอย่างหนึ่งก็คือ ต้องการที่จะทดสอบพลังความสามารถของตนเองดูว่า จะสามารถต้านทานกระสุนปืนได้หรือไม่
ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวตาย ความอยากรู้อยากเห็นของนักบู๊เหล่านี้ ทำให้พวกเขาต้องพบกับจุดจบความตายเพียงเท่านั้น
บางทีพวกเขาสามารถที่จะหลบหลีกกระสุนจากปืนพกกระบอกหนึ่งได้ แต่พวกเขาจะสามารถหลบหลีกการระดมยิงเข้าใส่ของทหารจำนวนนับร้อยนับพันได้อย่างอย่างไรกัน?
ในที่สุดผลสุดท้ายก็คือจบชีวิต
แน่นอนว่า ก็มีผู้ที่มีพลังความสามารถแข็งแกร่งบางคน สามารถที่จะรอดพ้นจากการระดมยิงใส่ของลูกกระสุนมาได้ แล้วกลับไปรายงานให้กับเจ้าสำนักสวนอิน จากนั้นก็ไม่กล้าที่จะลงมาจากภูเขาอีก
ผู้บำเพ็ญเซียนร่างกายอ่อนแอ เกรงกลัวการสู้รบแบบประชิดตัวที่สุด ดังนั้นผู้บำเพ็ญเซียนจึงได้คิดค้นวิชาการกลั่นร่าง เพื่อช่วยส่งเสริมชดเชยความอ่อนแอในร่างกาย
วิชาการกลั่นร่างขั้นสูงสุด สามารถที่จะกลั่นแต่งร่างกายให้แข็งแกร่งราวกับอาวุธพิเศษบนโลกใบนี้
เพียงแค่อาศัยร่างกาย ก็สามารถต้านทานทัณฑ์ฟ้าผ่าได้
ชาติที่แล้ว หลินหยุนฝึกฝนวิชาการกลั่นร่างขั้นสูงสุดของสำนักหุนหยวน โดยที่ร่างเต๋าไม่สิ้นสูญหุนหยวน
แต่ว่า หลินหยุนยังคงไม่ได้ฝึกฝนถึงขั้นแดนสูงสุด ดังนั้นยังไม่ถึงระดับเป็นอมตะ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่โดนภัยอัสนีผ่าตาย
ดังนั้น ในชาตินี้ หลินหยุนคิดที่จะฝึกฝนร่างเต๋าไม่สิ้นสูญหุนหยวน โดยพยายามที่จะฝึกฝนให้ถึงขั้นแดนสูงสุดให้ได้
แต่น่าเสียดายที่ การฝึกฝนร่างเต๋าไม่สิ้นสูญหุนหยวน ในขั้นแรกจะต้องฝึกฝนธาตุทั้งห้าให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งเมื่อธาตุทั้งห้าเป็นหนึ่งเดียวแล้ว หุนหยวนจึงจะสำเร็จได้
ฝึกฝนธาตุทั้งห้า จะต้องใช้พลังงานธาตุทั้งห้าที่บริสุทธิ์ โดยชี่ทิพย์บนโลกเบาบาง หากคิดที่จะหาพลังงานธาตุทั้งห้าที่บริสุทธิ์ได้ เกรงว่าคงจะยากราวกับขึ้นสวรรค์
ถึงขนาดที่จะต้องพึ่งพาจังหวะและโอกาส ดังนั้นหลินหยุนจึงไม่รีบร้อนที่จะฝึกฝนกลั่นร่างเต๋า ตอนนี้ควรที่จะรักษาระดับความมั่นคงของการบำเพ็ญที่เพิ่มขึ้นก่อนเป็นสำคัญ
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ในที่สุดหลินหยุนก็สามารถดูดซับศูนย์กลางพลังงานได้จนหมดสิ้น วังเทพจันทราทั้งหลังได้หายสาบสูญไปแล้ว หลงเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพังในบริเวณที่ตรงนั้น แสดงถึงหลักฐานการมีอยู่ของวังเทพจันทรา
การฝึกฝนบำเพ็ญได้จบลง พลังความสามารถของซูจื่อเหลียงก็ถึงระดับปรมาจารย์ขั้นแดนสูงสุดแล้ว ถ้าหากได้ต่อสู้กับผู้อาวุโสทั้งสามคนของสำนักอู๋จี๋อีกครั้ง ซูจื่อเหลียงก็มีความมั่นใจในการต่อสู้มากขึ้น
“ได้เวลากลับกันได้แล้ว! ” หลินหยุนปล่อยพลังทิพย์ เพื่อปัดเป่าเศษฝุ่นบนร่างกาย แล้วมองไปยังซากปรักหักพังของตำหนักอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองอีก
ซูจื่อเหลียงได้ควบคุมความฮึกเหิมในร่างกาย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและอยากที่จะระเบิดปลดปล่อยออกมาเอาไว้ แล้วก็เดินตามหลินหยุนออกจากภูเขากู่ กลับไปยังหมู่บ้านเปากู่
หลินหยุนกลับถึงโรงแรม ก็ได้ชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์ ครั้งนี้ที่เขาฝึกฝนดูดซับศูนย์กลางพลังงาน ใช้เวลาไปครึ่งเดือนเต็ม ๆ คุณแม่กับพี่ฉินหลันคงน่าจะกลับไปมณฑลจงโจวแล้ว
ผ่านไปชั่วครู่ หลินหยุนก็เปิดเครื่องโทรศัพท์ขึ้น จากนั้นก็เริ่มได้รับข้อความที่รุมส่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก
เห็นข้อความที่หวางซูเฟินส่งมาหา: “ฉินหลันถูกคนลักพาตัวไปแล้ว โทรศัพท์ก็โทรหาไม่ติด หลังจากที่ได้รับข้อความแล้ว ให้รีบมายังภูเขาลมปีศาจที่หมู่บ้านชิงเฟิงโดยด่วน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...