จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 465

หลินหยุนยืนอยู่ที่เดิม แล้วมองไปยังเนินเขาเล็กที่อยู่ไม่ไกลมากนักด้วยความประหลาดใจ ซึ่งเสียงดังออกมาจากที่ตรงนั้น

“เนินเขาเล็กนั้นอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณสองถึงสามกิโลเมตร ซึ่งเสียงขลุ่ยนี้สามารถส่งเสียงผ่านมาได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำนี้ มีวิชาเก่งกาจพอตัว”

“หลินหยุน นายรีบหนีไปเถอะ! ยังจะมัวชักช้าอยู่ทำไมอีกล่ะ? ” โม่หยู่ร้อนใจจนใบหน้าแดงก่ำหมดแล้ว หากว่าที่นี่ไม่ใช่เขตชานเมือง มีผู้คนน้อย เธอคิดว่าจะไปหารถเพื่อส่งหลินหยุนกลับไปเลย

“วางใจเถอะ เขาไม่ใช่คู่ต่อกรของฉัน” หลินหยุนพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

โม่หยู่ถอนหายใจ: “ช่างมันเถอะ ดูเหมือนว่านายคงจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! ”

โม่หยู่แอบคิดวางแผนอยู่ในใจ หากว่าถ้าหลินหยุนพ่ายแพ้ เธอจะใช้ชีวิตเธอเองข่มขู่พระบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ซึ่งหวังว่าจะสามารถช่วยรักษาชีวิตของหลินหยุนเอาไว้ได้

โม่หยู่ก็เป็นคนลักษณะแบบนี้ เหตุผลเพราะว่าสถานะของเธอ โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากมาย แต่ หากเมื่อได้เป็นเพื่อนกับเธอแล้ว เธอก็จะใช้ชีวิตของเธอเองเพื่อปกป้องมิตรภาพสัมพันธ์นี้เอาไว้

หลังจากนั้นไม่กี่นาที เงาดำร่างหนึ่งก็มาปรากฏอยู่บนพื้นหญ้าเบื้องหน้าของพวกคนไม่กี่คนนั้น พร้อมกับมีลมพัดแรง

คนผู้หนึ่งในชุดคลุมสีดำที่ปกปิดทั้งร่างกาย ปรากฏให้เห็นเพียงแค่ดวงตาสองข้างที่ประกายแสง สีเขียว ซึ่งถ้าหากมีเคียวให้กับเขาหนึ่งเล่ม ก็จะกลายเป็นเทพแห่งความตายในตำนานของโลกตะวันตกนี่เอง

“ท่านพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดท่านก็มาถึงแล้ว! ข้าน้อยจัดการเรื่องได้ไม่ดีพอ ขอเชิญท่าน พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลงโทษ! ” หม่ายู่หวาคุกเขาลงกับพื้นอย่างเคารพนอบน้อม และอยู่ในท่าทางที่รอฟังคำบัญชา

“นายไม่มีความผิด ลุกขึ้นเถอะ! ” พระบุตรศักดิ์สิทธิ์กล่าวขึ้นด้วยเสียงทุ้มดัง

หม่ายู่หวาเหมือนได้รับการอภัยโทษ สีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจ: “ขอบคุณท่านพระบุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก! ”

พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ค่อย ๆ หันหน้าไป สายตาหยุดชะงักอยู่ที่ร่างของโม่หยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็มองไปยังหลินหยุน แล้วสายตาก็หยุดนิ่งลง

“ได้ยินว่านายได้สังหารผู้นำของสามตระกูล? ” พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่มีเลศนัย ฟังไม่ออกว่าจะดีหรือร้าย

หลินหยุนไม่ได้ตอบ แต่ยืนเอามือสองข้างไขว้หลัง แล้วมองไปที่พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ราวกับเทพเจ้ากำลังมองดูสามัญชนทั่วไป และพูดขึ้นว่า: “พาข้าไปยังสำนักใหญ่ของสำนักมนตร์ดำ แล้วจะไว้ชีวิตนาย! ”

พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำตะลึงเล็กน้อย แสงสีเขียวในดวงตายิ่งเจิดจ้ามากขึ้น น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่เหยียดหยาม: “นายคิดที่จะไปสำนักใหญ่ของสำนักมนตร์ดำของข้า? และยังจะไว้ชีวิตของข้าด้วยงั้นเหรอ? ”

“หลายปีมานี้ นายเป็นคนแรกที่พูดแบบนี้”

น้ำเสียงของพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำ แฝงไปด้วยความเหยียดหยามอย่างบอกไม่ถูก

หลินหยุนพูดขึ้นอย่างเฉยชาว่า: “วางใจเถอะ และคงจะเป็นคนสุดท้ายด้วย เป็นเพราะว่าสำนักมนตร์ดำใกล้ที่จะสูญสิ้นแล้ว”

หม่ายู่หวากับภรรยาที่อยู่ด้านข้างทั้งคู่ต่างก็ตะลึงงันไปหมด ความหยิ่งผยองของหลินหยุนช่างมากเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้เสียอีก

ยายหยูอดไม่ได้จึงพูดออกไป: “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนของคุณคนนี้ช่างบ้าระห่ำไม่ธรรมดาเสียจริง! ”

พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำคือตัวเลือกผู้สืบทอดเจ้าสำนัก ในทุกสามสิบปีจะมีการคัดคนหนึ่งร้อยคนเพื่อมาทำการคัดเลือก ซึ่งผู้ชนะคนสุดท้ายก็จะได้กลายเป็นพระบุตรศักดิ์สิทธิ์

ส่วนคนอื่นที่เหลือเก้าสิบเก้าคนนั้น จะต้องตายไปทั้งหมด

พูดได้ว่าผู้ที่สามารถกลายเป็นพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำได้นั้น ไม่เพียงแต่จะมีพลังความสามารถที่สูงส่งแล้ว ยังจะต้องมีสติปัญญาที่เป็นเลิศอย่างมากด้วย

แม้ว่าหลินหยุนจะเอาชนะหม่ายู่หวาได้โดยง่าย แต่พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถทำได้เช่นกัน

นี่ไม่สามารถเป็นสิ่งที่หลินหยุนจะใช้มองข้ามพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ไปได้

เดิมทีโม่หยู่คิดว่าหลินหยุนเพียงแค่ต้องการให้เธอวางใจเพื่อหลบหนีไป จึงได้พูดเล่นออกมา โดยคิดไม่ถึงว่าเขาตั้งใจที่จะไปกำจัดสำนักมนตร์ดำให้สิ้นซากจริง ๆ

นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

สำนักมนตร์ดำยิ่งใหญ่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ ซึ่งการที่เธอเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ขาว เธอจึงเข้าใจได้ชัดเจนกว่าผู้อื่น

ถ้าหากว่ามีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะกำจัดสำนักมนตร์ดำ เธอก็คงไม่มีทางที่จะยินยอมให้สำนักมนตร์ดำมากดขี่ข่มเหงสำนักมนตร์ขาวแบบนี้เด็ดขาด

แม้แต่เธอเองที่เป็นถึงธิดาศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นได้เพียงแค่สิ่งหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเท่านั้นเอง

ยังไม่ต้องพูดถึงเจ้าสำนักที่คาดเดาอะไรไม่ได้ก่อน เพียงแค่พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็มีกำลังความสามารถที่น่าเกรงกลัวอย่างมาก กี่สิบปีมานี้ยังไม่เคยพบกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อเลย

โดยเฉพาะเจ้าสำนักยิ่งลึกลับเข้าไปใหญ่ ถึงขนาดที่มีเทพมนตร์ มีร่างกายที่เป็นอมตะ

ลำพังแค่หลินหยุนเพียงคนเดียว ไม่สามารถที่จะจัดการได้อย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์