จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 498

หลินหยุนเดินตามฉินโส่วและคนอื่นๆ เข้าไปในงาน

จางซือจู่และคนอื่นๆ ล้วนเป็นคนที่ไม่เคยได้พบปะกับสังคมภายนอกมากนัก ทันทีที่เข้ามาใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“ว้าว เป็นงานเลี้ยงที่โคตรใหญ่!”

“คนโคตรเยอะ!”

“พวกนายดูสิ นั่นเหลียงเทียนฉีดารานำชายคนดังไม่ใช่หรอ ?”

“นั่นคือนักแสดงที่ฉันชอบมากที่สุดเลย หูเกอ!” ไอ้หินพูดด้วยท่าทางปลาบปลื้มใจ

“แล้วก็เทพธิดาของฉัน หลิวอี้เฟย” หยางเทียนโย่วพูดออกมาด้วยสีหน้าที่หลงใหล

พนักงานสวมชุดยูนิฟอร์มคนหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมพูดกับพวกเขาอย่างนอบน้อม : “ทุกท่านครับ หอประชุมอยู่ทางนั้นนะครับ!”

“ครับๆ ขอบคุณครับ!” จางซือจู่ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ไปกันเถอะ พวกเราไปหาที่นั่นกันก่อนดีกว่า!” ฉินโส่วเคยได้ร่วมงานแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง เลยมีความสงบเรียบร้อยกว่าคนอื่นๆ

“ได้ ได้!”

หลินหยุนอยากจะไปนั่งแถวด้านหลัง แต่จางซือจู่กับคนอื่นๆ ดันอยากนั่งแถวข้างหน้า ด้วยเหตุผลที่ว่าแถวหน้าจะได้เห็นอย่างชัดเจน

หลินหยุนจึงได้เพียงตามจางซือจู่และคนอื่นๆ ไปเท่านั้น เมื่อมายังบริเวณที่นั่งหน้าเวทีพวกเขาก็นั่งลง

นั่งยังไม่ทันถึงสองนาที จางซือจู่ที่ตวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อดูดาราที่เขาชื่นชอบ อยู่ๆ ก็ร้องตกใจออกมา : “หลินหยุน รีบดูสิ อีหลิง !”

หลินหยุนมองไปยังทิศทางที่นิ้วของจางซือจู่ชี้ไป ตรงบริเวณพรมแดงที่ปูจากทางเข้าประตูมายังเวที มีอีหลิงที่สวยสง่าอ่อนโยน สวมด้วยชุดสีขาวเรียบ พร้อมผมดำยาวสลวยพาดบ่า กำลังเดินตามหลังนักแสดงสาวคนหนึ่งเข้ามา

“นั่นโจวเวยนี่หน่า อีหลิงมากับเธอได้ไงกัน” จางซือจู่พูดอย่างสงสัย

โจวเวย หลินหยุนรู้จักคนคนนี้ อีกไม่กี่ปีหลังจากนี้ เธอจะกลายเป็นดาราชั้นนำคนหนึ่ง แต่ว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงแรกเริ่มในการแสดงความสามารถ ซึ่งเทียบเท่ากับนักแสดงระดับสองเท่านั้น

“ฉันจะไปเรียกอีหลิงมาแล้วกัน” จางซือจู่ออกอาสา แล้วลุกขึ้นยืนวิ่งเข้าไปหาอีหลิง

แล้วจู่ๆ ฉินโส่วก็พูดขึ้น: “ดูทางนั้นสิ พวกเถียนชุ่ยชุ่ยกับจางเหมิง !”

หลินหยุนมองไปยังด้านหลังของชายกลางคนคนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นเถียนชุ่ยชุ่ยกับจางเหมิงกำลังเดินตามหลังชายวัยกลางคนคนนั้นเข้ามา

ชายวัยกลางคนคนนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นคุณพ่อของจางเหมิง

หลินหยุนหันไปเหลียวมองเพียงครู่เดียว ก็ไม่ได้สนใจอีกเลย พวกคนอย่างเถียนชุ่ยชุ่ย ไม่ใช่คนในโลกเดียวกับเขาอีกต่อไปแล้ว

ทางด้านจางซือจู่ที่เดินไปหน้าพรมแดง ก็โบกมือให้กับอีหลิงทันที

อีหลิงที่มองเห็นเขา ก็แสดงท่าที่ประหลาดใจออกมาอย่างชัดเจน จากนั้นเธอหันหน้าไปพูดบางอย่างกับโจวเวย ก่อนที่จะเดินตามจางซือจู่มาด้วยกัน

อีหลิงถึงแม้จะไม่ใช่ดารา แค่เพราะเป็นคนที่สวย มีออร่าแผ่ประกาย ดังนั้นไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะดึงดูดสายตาผู้คนให้เหลียวมองตลอด

เมื่อได้เห็นว่าอีหลิงเดินตามจางซือจู่มายังฝั่งหลินหยุนและคนอื่นๆ ในแววตาของผู้ชายเหล่านั้นก็มีความอิจฉาประกายออกมา

ยิ่งโดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นอีหลิงกล่าวทักทายหลินหยุนอย่างสนิทสนม ก็ยิ่งทำให้หลายๆ คนอดไม่ได้ที่จะสงสัยถึงความสัมพันธ์ของเธอกับหลินหยุนเลย

“หลินหยุน นายก็มาด้วยงั้นหรอ !” ใบหน้าสะสวยของอีหลิงแดงระเรื่อขึ้นมา ดูแล้วไร้เดียงสาน่าเอ็นดูมากๆ

“อืม” หลินหยุนตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ

อีหลิงนั่งลงยังที่นั่งข้างๆ หลินหยุน ดวงตาคู่สวยนั้นจ้องมองไปยังหลินหยุนอย่างไม่ลดละ ทำเอาจางซือจู่และคนอื่นถึงกับอิจฉาไม่น้อย

“หลินหยุน นายไม่ไปโรงเรียนเลยหรอ ?” อีหลิงถาม

“อืม พอดีมีธุระหน่ะ ก็เลยลาไปหลายวัน” หลินหยุนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

แต่จางซือจู่กลับบ่นออกมา: “อันนั้นนายเรียกว่าหลายวันงั้นหรอ?เห็นๆ อยู่ว่าหลายเดือนต่างหาก โอเค๊!”

ฉินโส่วถึงกับต้องถลึงตาใส่เขา แล้วกดเสียงต่ำพูดออกมา : “ไม่พูดก็ไม่มีใครมองว่านายเป็นใบ้หรอกนะ!”

จางซือจู่ที่ได้ยินอย่างนั้นเลยต้องหุบปากแต่โดยดี

โดยในกลุ่มผู้ชายที่รู้สึกเบื่อก็จะนิยมเอาเหล่าดาวโรงเรียนของทั้งสองสถาบันมาจัดอันดับกันเป็นว่าเล่น

อู่ซื่อหานคนนี้เป็นดาวสถาบันของสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หวู่หยาง แต่กลับถูกอีหลิงกดทับเอาไว้

ซึ่งการกดทับครั้งนี้ ก็นับเป็นเวลาถึงสองปีเต็มเลยทีเดียว

ดังนั้นอู่ซื่อหานเลยอยากจะก้าวข้ามอีหลิงมาโดยตลอด แล้วจะได้กลับไปกดอีหลิงให้จมดิน ถึงขนาดที่มองอีหลิงเป็นศัตรูอันดับต้นๆ ของตัวเอง

แล้วเรื่องซุบซิบนินทาเหล่านี้ พวกผู้ชายอย่างจางซือจู่นั้นก็ต่างเข้าใจกันเป็นอย่างดี แม้แต่หลินหยุนเองก็ได้รับอิทธิพลจากข่าวพวกนี้เหมือนกัน ถึงแม้จะบอกว่าหลินหยุนเป็นคนที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรแบบนี้ แต่เขาก็ได้ยินเรื่องพวกนี้บ่อยๆ จนสามารถอธิบายได้เหมือนกัน

จู่ๆ จางซือจู่ก็หันหน้าไปพูดกับอีหลิง : “เธอดูอู่ซื่อหานคนนี้สิ คงคิดจะยืมอิทธิพลจากจ้าวจื่อฉี เพื่อมากดทับเธอในวงการแน่นอน”

“แต่ก็ดี เธอก็สามารถไปกระชับมิตรกับรุ่นพี่หลินได้เหมือนกัน อย่าปล่อยให้อู่ซื่อหานดูถูกสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวของพวกเราเด็ดขาด”

อีหลิงตอบกลับอย่างลำบากใจ: “แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง?ฉันไม่ค่อยชำนาญเรื่องเอาอกเอาใจแบบนี้”

จางซือจู่แย้ง: “ไม่มีใครเอาอกเอาใจคนได้มาตั้งแต่เกิดหรอกนะ มันก็เสแสร้งบังคับตัวเองออกมาทั้งนั้น !รีบไปเถอะ มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคน ก็มีหนทางเพิ่มขึ้นมาอีก รุ่นพี่ไม่ช่วยรุ่นน้องตัวเอง แล้วจะไปช่วยคนของสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หวู่หยางหรือไง !”

อีหลิงยังคงไม่ค่อยเต็มใจ แต่จางซือจู่ก็คอยกระตุ้นไม่หยุดอยู่ข้างๆ : “มาแล้ว ๆ รีบไปสิ !ถึงแม้จะแค่ทักทายก็ยังดี อย่าให้รุ่นพี่บอกว่าพวกเราไม่มีสัมมาคารวะ ที่เจอหน้าแล้วไม่ทักทายสักคำ”

อีหลิงถึงกับไม่สามารถโต้แย้งกับจางซือจู่ แต่เมื่อลองคิดดูแล้วคำพูดของจางซือจู่ก็ฟังมีเหตุผล รุ่นน้องได้เจอกับรุ่นพี่ หากไม่กล่าวทักทายเลยก็คงจะดูหยาบคายเกินไป

ในขณะนั้นเองหลินเสี่ยวลู่กับจ้าวจื่อฉีและคนอื่นๆ ก็นั่งลงยังบริเวณแถวข้างหน้าของพวกเขาด้วยความหงุดหงิด

อีหลิงลุกขึ้นยืน พร้อมกับก้มหัวต่ำโน้มคำนับด้วยความเคารพ ก่อนจะทักทายอย่างอ่อนโยน : “รุ่นพี่หลินสวัสดีค่ะ!”

หลินเสี่ยวลู่ที่กำลังโมโหอยู่ หันหลังไปมองอีหลิง สายตาของเธอแสดงความตกใจออกมา

ซึ่งแน่นอนว่า ความสวยของอีหลิงทำให้เธอรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

หลินเสี่ยวลู่ถามด้วยเสียงเฉยเมย: “เธอเป็นใคร?ทำไมถึงเรียกฉันว่ารุ่นพี่!”

อีหลิงตอบ: “ฉันเป็นนักเรียนของสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ข่าวมาว่ารุ่นพี่หลินได้เป็นถึงดาราระดับสามแล้ว พวกเรารุ่นน้องต่างก็รู้สึกชื่นชมอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะโชคดีได้เจอกับรุ่นพี่หลินด้วย ฉันรู้สึกดีใจมากๆ เลยค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์