ตอน บทที่ 501 เธอไม่คู่ควรจริงๆ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 501 เธอไม่คู่ควรจริงๆ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
อู่ซื่อหานถึงกับอุทานออกมาอย่างดูถูก: “โอ๋ๆๆ ทำไมฉันถึงได้เห็นคนกำลังพูดจาขี้โม้จนลอยฟ้าไปแล้วนะ !ทำไมนายไม่พูดโม้ให้ตายไปเลยล่ะ ?”
“บริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์เป็นอะไรกับนาย นายถึงได้บอกจะเลือกที่ไหนก็ได้ตามใจแบบนี้ นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ?เป็นประธานใหญ่หัวหยา กรุ๊ปหรือไง ?”
คนที่อยู่รอบๆ ต่างพากันส่ายหน้าอย่างระอา ด้วยความรู้สึกว่าครั้งนี้หลินหยุนนั้นพูดโอ้อวดเกินจริงไปแล้ว
ในขณะที่คนที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับหลินเสี่ยวลู่ ต่างก็มองไปยังหลินหยุนด้วยท่าทีแดกดัน
“หมอนี่ โอหังเกินหน้าไปแล้ว!คำพูดแบบนี้ยังกล้าพูดออกมาได้ วันนี้ประธานใหญ่ของบริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์ก็มาด้วย เขาไม่กลัวว่าจะถูกลากขึ้นมาประจานเลยหรือไง ?”
“ประธานใหญ่บริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์อยู่ฐานะไหนแล้ว พวกเขาจะมาต่อเถียงกับเด็กนักเรียนคนหนึ่งได้ไงเล่า!”
“เพราะหมอนี่รู้จุดนี้ดี ถึงได้กล้าพูดใหญ่โตขนาดนี้ !”
หลี่หมิงกับโจวเจ๋หลุนรวมถึงเหล่าคนซุปเปอร์สตาร์ต่างพากันส่ายหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความดูถูก
ส่วนเฉิงต๋ากับหยวนเบียวและคนอื่นๆ ที่นั่งบนที่นั่งแขก ต่างก็ยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย
“เจ้าหนุ่มนี่ พูดเกินจริงแล้ว!”
ครั้งนี้แม้แต่จางซือจู่กับอีหลิงพวกเขาต่างก็คิดว่าคำพูดโอ้อวดศักดาครั้งนี้ของหลินหยุนนั้นดูโม้จนเกินจริงไปแล้ว
ถึงแม้หลินหยุนจะเป็นปรมาจารย์หลิน แต่นั่นเป็นเพียงแค่ที่หลินโจวเท่านั้น ในขณะที่บริษัทหวนตี้และบริษัทเกนเนอร์นั้นเป็นสองในสามของบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน ซึ่งพวกเขาไม่มีทางไว้หน้าปรมาจารย์หลินแน่นอน!
“หลินหยุน นายเพลาๆ หน่อยเหอะ!คนตั้งเยอะตั้งแยะกำลังมองมาไม่เห็นหรือไง?เดี๋ยวจะหาทางจบเรื่องไม่ได้!” จางซือจู่กดเสียงต่ำลงพูดพร้อมกระตุกชายเสื้อหลินหยุนอย่างเบาๆ
ทางด้านอีหลิงเองก็ถึงกับนิ่งไปเลย ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคุณหนูของตระกูลอีจากเจียงหนาน แต่ว่าตระกูลอีกับวงการบันเทิงนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย แล้วคนในวงการบันเทิงจะไว้หน้าตระกูลอีหรือเปล่านั้น เธอเองก็ยังไม่รู้เลย
“หลินหยุน อย่าพูดให้เรื่องมันล้นเกินไป แบบนี้เดี๋ยวจะจบเรื่องยังไงล่ะ!” อีหลิงกล่าวเตือนด้วยเสียงเบาๆ ที่ร้อนรน
ทางด้านหลินเสี่ยวลู่คอยสังเกตสีหน้าของพวกจางซือจู่และอีหลิงโดยตลอด และเมื่อเห็นแบบนั้นเธอก็ยิ่งเกิดความมั่นใจมากขึ้น
“เด็กน้อย พูดปากเปล่าแบบนี้ใครบ้างจะพูดไม่ได้ !ตอนนี้คนของบริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์ก็อยู่ที่นี่ด้วย ถ้ามีปัญญาจริง ตอนนี้นายก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ !”
“หรือไม่อย่างนั้นนายก็ลองหาดาราระดับหนึ่งระดับสองมาสักคนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงในโลกบันเทิง อย่างน้อยขอคนที่แกร่งกว่าฉันก็พอ !”
อู่ซื่อหานหัวเราะออกมา: “นี่นาย ได้ยินหรือยัง เงื่อนไขที่พี่เสี่ยวลู่ให้นายก็ถือว่าใจกว้างมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหาคนของบริษัทหวนตี้หรือบริษัทเกนเนอร์ ขอแค่สามารถหาดาราระดับหนึ่งหรือสองมาสักคน ที่เขาจะยอมพูดแทนนายก็พอแล้ว”
“ทำไม?นายคงไม่ใช่ว่าเงื่อนไขแค่นี้ก็ทำไม่ได้หรอกนะ?อย่างนั้นนายมาพูดโอ้อวดทำอะไรกัน ฉันไม่เชื่อว่าคนที่ทำเหมือนบริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์เป็นของตัวเอง อยากจะเข้าก็เข้าได้ตามใจ แต่ไม่รู้จักดาราระดับหนึ่งระดับสองเลยหรอกนะ”
บริเวณรอบๆ มีคนหัวเราะเยาะออกมา: “ฮ่าๆ หมอนี่ คำโม้ถูกทำลายซะแล้ว!”
“นั่นสิ รอดูสิว่าเขาจะจบเรื่องนี้ยังไง”
ทางด้านฝั่งพวกของเถียนชุ่ยชุ่ยกับจางเหมิงก็ยังไม่กล้าเข้ามาใกล้หลินหยุน และคอยจับตามองอยู่ไกลๆ เท่านั้น
แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ พวกเธอก็เห็นและเข้าใจอย่างชัดเจน
จางเหมิงพูดขึ้น: “หลินหยุนถึงแม้จะเป็นปรมาจารย์หลิน แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าปรมาจารย์หลินมีคนรู้จักในวงการบันเทิง ครั้งนี้ดูแล้วไม่มีใครช่วยกู้หน้าเขาแน่”
หวางหยู่หันถอนหายใจออกมา: “ใครจะไปรู้ได้เล่า?ยังไงซะพวกเรายืนดูอยู่ข้างๆ นี้ก็พอแล้ว คนระดับปรมาจารย์หลิน ต่อให้เขาจะได้รับความอับอายที่นี่ แต่พวกเราก็ไม่สามารถไปหัวเราะเยาะเขาอยู่ดี”
จุดนี้ เถียนชุ่ยชุ่ยนั้นเข้าใจได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเธอเลยทำหน้านิ่ง ไม่พูดแสดงความเห็นใดทั้งสิ้น
จางซือจู่พูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล: “หลินหยุน เรื่องมาถึงตอนนี้แล้วคงต้องโทรไปหาพี่หยางหยิงแล้ว นายให้เธอช่วยหาใครสักคนมาช่วยกู้ห้านายหน่อยเถอะ”
“ไม่ต้องแล้ว” หลินหยุนตอบกลับอย่างราบเรียบ เตรียมจะโทรไปหาหลันโร่หลิน
แต่แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงเนือยๆ หนึ่งดังแทรกขึ้นมา: “ฉันพอจะเข้าข่ายหรือเปล่า?”
เมื่อมองตามเสียงไป กลิ่นหอมกรุ่นที่พุ่งโชยออกมาจากตัวของหญิงสาวคนหนึ่งเธอดูมีความเป็นผู้ใหญ่และเด็ดเดี่ยวอย่างมาก พร้อมกับออร่าที่เปล่งประกายออกมาจากชุดสีแดง ซึ่งตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างๆ หลินหยุน
เธอเหลียวมองไปยังหลินเสี่ยวลู่ที่กำลังแสดงสีหน้าได้ใจอย่างเย็นชา พร้อมตวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงถึงความดูถูก : “เขาพูดถูก คุณน่ะไม่คู่ควร”
และด้วยความที่เฉิงเฉินไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดทรมานนั้นได้ จึงเชื่อในที่สุด
ซึ่งปรากฏว่าเพียงแค่หลินหยุนชี้นิ้วเดียวก็สามารถรักษาอาการของเฉิงเฉินได้แล้ว จนทำให้เฉิงเฉินพอใจอย่างมาก
จากคนที่เดิมทีไม่มีไยดีอะไรกับผู้ชายอย่างเฉิงเฉิน กลับถูกพิชิตด้วยความเย็นชาของหลินหยุน
และด้วยนิสัยตรงไปตรงมาของเฉิงเฉิน ตอนนั้นเธอจึงเปิดฉากรุกโดยการสารภาพรักกับหลินหยุน
แต่น่าเสียดายที่หลินหยุนใช้เพียงคำพูดเดียวก็ทำเอาเธอพ่ายแพ้ไปเลย
“ผมไม่มีความสนใจในตัวหญิงแกร่ง”
หลังจากนั้นก็กลายเป็นเหตุการณ์ในตอนนี้ ตัวเฉิงเฉินทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าหลินหยุนก็จะมักแสดงท่าทีของเด็กสาวที่แสนดีหยาดเยิ้มออกมาเสมอ
อีหลิงมอง เฉิงเฉินอย่างตาค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ: “ไม่ใช่มั้ง ทำไมท่าทีของเฉิงเฉินถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้ ?”
“สวรรค์ ฉันมองไม่ผิดใช่ไหม !”
สีหน้าของจางซือจู่ก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน: “พระเจ้า นี่ถือเป็นข่าวใหม่เลย !เฉิงเฉินเรียนรู้วิชาอ้อนคนแล้ว ถ้าเกิดข่าวนี้ถูกปล่อยออกไป พรุ่งนี้คงจะขึ้นไปพาดบนหัวข่าวดังแน่นอน”
ทางด้านพวกหลินเสี่ยวลู่และอู่ซื่อหานเองก็มีสีหน้าที่ตกใจเหมือนกัน
“พี่ พี่เฉิงเฉิน!” หลินเสี่ยวลู่อ่อนน้อมถ่อมตนทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉิงเฉิน เธอให้การทักทายด้วยความเคารพในฐานะรุ่นน้องที่ได้พบกับรุ่นพี่
ส่วนอู่ซื่อหานได้เพียงก้มหน้าลงอย่างประหม่า และไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น พร้อมกับร้องคำรามอยู่ในใจ : “สวรรค์ ดันเป็นเฉิงเฉินซะได้ แถมเมื่อกี้นี้เธอยังออดอ้อนใส่เจ้าหนุ่มจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวด้วย !”
ทันทีที่เฉิงเฉินหันไปเผชิญหน้ากับคนอื่น เธอก็รีบแสดงภาพลักษณ์เดิมของตัวเอง แล้วชำเลืองตามองหลินเสี่ยวลู่ด้วยใบหน้าที่จองหองเย็นชา แล้วพูดอย่างเฉยชา: “คุณหลิน เป็นเพื่อนของฉันเอง และเพื่อนของคุณหลินแน่นอนว่าต้องเป็นเพื่อนของฉันด้วย ถ้าเกิดว่าเธอคนนี้อยากจะเข้าวงการ ขอเพียงคุณหลินพูดคำเดียว ฉันก็ยินดีที่จะมอบอีเวนท์ที่ดีที่สุดให้กับเธอ”
“สิ่งที่คุณหลินพูดนั้นถูกต้องแล้ว คุณไม่ได้คู่ควรเลยที่เพื่อนของเขาจะเข้าไปกระชับสัมพันธ์ หรือตีสนิทด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...