จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 500

สรุปบท บทที่ 500 เธอไม่ต้องการ: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 500 เธอไม่ต้องการ – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 500 เธอไม่ต้องการ ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันนี้มีเหล่านักเรียนจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์จำนวนมากมาที่นี่ และนักเรียนส่วนใหญ่ก็มาเพื่อที่จะเอาสนุกเท่านั้น แต่การที่จะบอกว่าไม่มีความคิดเรื่องการหาโอกาส ตีสนิท หรือกระชับความสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

หลินเสี่ยวลู่เองก็เข้าใจจุดนี้ ถึงได้ใจกล้าใช้คำพูดนี้ใส่ร้ายอีหลิง

แม้ว่าคนส่วนมากจะช่วยอีหลิงพูดต่อว่าอยู่ในใจ แต่กลับไม่มีใครกล้าตำหนิหลินเสี่ยวลู่ออกมาอย่างเปิดเผยเลย

เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถหาเหตุผลที่จะมาโต้แย้งหลินเสี่ยวลู่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นคือถ้าหากโต้แย้งกลับไปอย่างมั่วซั่ว บางทีอาจถูกหลินเสี่ยวลู่โยงไปถึงเรื่องคนที่จะใช้ความคิดกับท่อนล่างในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น

ส่วนจางซือจู่และคนอื่นๆ ที่เหลือเองก็ไม่สามารถเหตุใดมาล้มล้างได้เหมือนกัน เพราะว่าตอนแรกพวกเขาเองที่อยากจะให้อีหลิงไปตีสนิทกับหลินเสี่ยวลู่ เพื่อเพิ่มโอกาส

ถึงแม้ว่าอีหลิงจะไม่ได้มีความคิดอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้ก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงอะไรได้เลย

อู่ซื่อหานที่เห็นว่าอีหลิงและคนอื่นๆ ไม่พูดอะไร จึงยิ่งเกิดความทะนงมากขึ้น พร้อมกับพูดอย่างได้ใจ : “พูดสิ พวกเธอทำไมถึงไม่พูดแล้วหล่ะ ?ถ้าหากว่าไม่ได้มีความคิดที่จะตีสนิทแล้วใช้ทางลัดเข้าทำงาน แล้วนักเรียนอย่างพวกเธอจะมางานฉลองการรวมกิจการของบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ทำไมกัน ?”

“งานเลี้ยงฉลองแบบนี้ มีความเกี่ยวข้องกับพวกเธอหรือยังไง !”

เทพฟ้าผ่าตะคอกลั่น : “เธอมาอยู่ที่นี่ทั้งที่ก็เป็นนักเรียนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ?”

อู่ซื่อหานยิ้มอย่างเยาะเย้ย: “ก็เพราะฉันเป็นผู้ช่วยของพี่จื่อฉีน่ะสิ ไม่ให้ฉันมาอยู่ที่นี่แล้วจะให้ผู้ชายไม่ได้เรื่องแบบนายมาดูแลพี่จื่อฉีหรือไง ?”

ฝ่ายเถียนชุ่ยชุ่ยกับจางเหมิง พวกเขาทำได้เพียงมองดูอยู่ไกลๆ เท่านั้น ถึงแม้ว่าพวกเธอจะอยากเห็นอีหลิงได้รับความอับอาย แต่เพราะว่ามีหลินหยุนที่นั่งอยู่ตรงนั้น พวกเธอเลยไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปใกล้

ส่วนบางคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินเสี่ยวและจ้าวจื่อฉี ก็เริ่มช่วยพวกเธอที่ทำในการสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์อีหลิง

หญิงสาวสวมชุดสุดเปรี้ยวคนหนึ่ง พูดแดกดันขึ้นมา : “พี่เสี่ยวลู่พูดก็ถูกนะ เป็นแค่นักเรียนแต่กลับมางานแบบนี้ นอกจากมองหาโอกาสแล้ว จะยังเป็นอะไรได้อีก !”

ในขณะที่หญิงสาวอีกคนที่กำลังส่องกระจกเติมเครื่องสำอางอย่างหนักพูดต่อด้วยเสียงเยาะเย้ย : “หล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียว แต่กลับมีผู้ชายตามตัวตั้งหลายคนขนาดนั้น ยิ่งกว่านั้นผู้ชายพวกนั้นแต่ละคนก็ยังช่วยพูดให้กับเธออีก เธอที่คิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติไหมล่ะ ?”

“ฉันว่านะ ยัยคนนี้ก็แค่อยากจะตีสนิทกับพี่เสี่ยวลู่ แต่พอถูกพี่เสี่ยวลู่มองออก ก็เลยแสร้งทำตัวน่าสงสาร เพื่อให้ทุกคนเห็นใจ”

“หื้ม อายุน้อยอย่างนี้ก็มีความคิดแผนการเยอะขนาดนี้ หลังจากจบจากสถาบันก็คงจะเป็นคนเจ้าแผนการคนหนึ่ง !”

ความคิดเห็นจากคนรอบตัวเริ่มเอนเอียง เปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่เป็นผลดีต่ออีหลิงทันที

อีหลิงรู้สึกตระหนกจนเกือบจะร้องไห้ออกมา แต่เธอก็ไม่สามารถหาหลักฐานอะไรที่มีน้ำหนักในการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้มีความคิดในการตีสนิทกับหลินเสี่ยวลู่

“ฉันแค่อยากจะทักทายกับรุ่นพี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นนะ!ไม่ได้มีความคิดอื่นใดเลย ทุกคนโปรดเชื่อใจฉันด้วย !”

แววตาของอีหลิงเต็มไปด้วยความน่าเห็นใจอย่างมาก มองไปยังทุกคนเพื่อร้องของความช่วยเหลือ

ทว่าคนส่วนมากที่ได้เห็นสายตานั้นของอีหลิงต่างพากันหันหน้าหนีไปทางอื่นแทน หรือไม่ก้มหน้าลง โดยไม่พูดอะไร

ทางด้านจางซือจู่และคนอื่นๆ ก็อยากจะช่วยพูดให้กับอีหลิง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี อีกอย่างก็กลัวว่านอกจากจะช่วยอะไรอีหลิงไม่ได้แล้ว บางทีอาจจะถูกหลินเสี่ยวลู่และอู่ซื่อหานจับจุดอ่อนได้แทน

หลินหยุนเหลียวมองไปยังหลินเสี่ยวลู่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ : “เธอไม่จำเป็นต้องไปตีสนิทกับคุณหรอก”

“เพราะว่า คุณไม่คู่ควร!”

เสียงของหลินหยุนราบเรียบ แต่ว่าภายในวงสนทนาที่เสียงดังนั้น ทุกคนกลับได้ยินคำพูดนั้นที่เข้าไปในหูอย่างชัดเจน

ผู้คนรอบถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่จะพากันหันไปมองหลินหยุน แล้วพูดอย่างตกใจ : “เจ้าเด็กนี่เป็นใครหัน?ถึงได้กล้ามาพูดว่าหลินเสี่ยวลู่ไม่คู่ควร !”

“ไม่รู้จัก แต่เดาว่าน่าจะเป็นเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนนั้น ที่เป็นนักเรียนจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์”

“แต่จะยังไงเจ้าเด็กนั่นก็ใจกล้าไม่เบา ถึงได้กล้าย้อนคำพูดหลินเสี่ยวลู่ !”

ใบหน้าพึงพอใจของหลินเสี่ยวลู่ กลับกลายเป็นความโกรธขึ้นมาทันที เธออยากจะกระโจนเข้าไปฉีกปากหลินหยุนทิ้งซะ

แต่เพราะว่าที่นี่คือสถานที่สาธารณะ เธอจึงต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ก่อน

แต่ถึงยังไง คนใหญ่คนโตเหล่านี้ต่างก็มีทิฐิที่สูงเลี่ยว ราวกับเทพเจ้าเลยทีเดียว และในสายตาของพวกเขา การต่อสู้ของหลินหยุนและหลินเสี่ยวลู่ไม่ต่างอะไรกับมดที่กำลังตีกันเลย

แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นถึงดาราชื่อดัง ซุปเปอร์สตาร์แนวหน้า รวมทั้งเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ ก็มีบางคนที่ต่อต้านคำพูดของหลินหยุน

หลี่หมิงตั้งหน้าตรงพร้อมพูดด้วยเสียงที่ออกมาจากจมูก: “คนรุ่นหลังสมัยนี้ ยิ่งนานยิ่งไม่เคารพกฎเกณฑ์กันหมดแล้ว”

โจวเจ๋หลุนแสยะยิ้มออกมา ไม่ได้พูดอะไรออกมา แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็รู้สึกดูถูกกับคำพูดของหลินหยุน

ส่วนชายอายุหกสิบกว่าอย่างเฉิงต๋าก็หันไปมองจางเจียหยูและหยวนเบียวพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม: “เจ้าหนุ่มนี่ช่างเป็นวัยรุ่นใจกล้าจริงๆ”

จางเจียหยูยักไหล่แล้วตอบกลับ: “กล้าที่จะต่อต้านถือเป็นเรื่องดี แต่ต้องก็ทำตามกำลังที่มี ไม่อย่างงั้นก็จะเป็นเพียงความกล้าหาญของคนไร้สติ”

หยวนเบียวพูดต่อด้วยสำเนียงภาษาจีนที่ไม่ชัดของเขา : “ไม่นานเขาก็ต้องได้รับผิดชอบกับคำพูดโอหังของตัวเอง”

ทว่าตัวหลินหยุนกลับไม่ได้สนใจท่าทีของคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับจ้องมองหลินเสี่ยวลู่ด้วยสายตาที่เย่อหยิ่ง แล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าเฉยเมย : “ถ้าหากว่าอีหลิงอยากจะเข้าวงการจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหวนตี้ หรือบริษัทเกนเนอร์ เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ตามใจเลย สำหรับดาราระดับสามอย่างคุณ ไม่อยู่ในสายตาของเธอหรอก”

บริษัทหวนตี้และบริษัทเกนเนอร์ อีกเดี๋ยวก็จะรวมกิจการกลายเป็นของหัวหยา กรุ๊ปแล้ว หลินหยุนในฐานะเจ้านายผู้อยู่หลังม่านของหัวหยา กรุ๊ป ถ้าหากเขาคิดจะปั้นอีหลิง แค่พูดคำเดียวก็พอแล้ว

แต่อย่างว่าผู้คนในงาน ไม่มีใครรู้เรื่องฐานะของหลินหยุนเลย

ทุกคนเลยคิดว่าหลินหยุนเป็นเพียงคนหยิ่งยโสที่ชอบโอ้อวดเท่านั้น

หลินเสี่ยวลู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ราวกับว่าเธอไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ผ่านไปหลายวินาที หลินเสี่ยวลู่ถึงค่อยจ้องหลินหยุน แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ : “เฮอะ นี่นาย นายนี่ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดมาได้เนอะ !”

“บริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์ เป็นถึงสองในสามบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน ไม่รู้ว่ามีดาราศิลปินจำนวนมากมายอยากจะเข้าไปจนหัวแทบจะระเบิดตั้งเท่าไหร่ หรือแม้แต่ฉันเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติจะได้เข้าเลย ส่วนหล่อนก็แค่นักเรียนที่ยังไม่เรียนไม่จบคนหนึ่ง บริษัทหวนตี้กับบริษัทเกนเนอร์น่ะหรอที่จะถูกใจหล่อนน่ะ ?”

“ตลกเกินไปแล้วมั้ง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์