ทรายสีเหลืองที่ตลบอบอวลในพายุลมอันรุนแรงนั้นเหมือนกับมีดที่คมกริบเล่มหนึ่ง ปักเข้าใส่ที่ร่างกายอย่างไม่หยุด
ในพายุทรายนี้ ไม่สามารถที่จะลืมตาขึ้นมาได้ ทั้งปากจมูกหูดวงตา ล้วนเต็มไปด้วยเม็ดทราย
ยังดีที่หลินหยุนกับปู่รองเติ้งต่างก็เป็นนักบู๊ที่เก่งกาจ ปู่รองเติ้งเองก็เป็นถึงระดับปรมาจารย์
สามารถใช้ชี่แท้ป้องกันกาย โดยที่ไม่เกรงกลัวการพัดกระหน่ำเข้าใส่ของพายุทรายนี้
“ปรมาจารย์หลิน ข้าสามารถรู้สึกได้ว่าพลังลมของพายุทรายนี้ อย่างน้อยอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับสิบ ซึ่งข้าได้ใช้วิชาตัวหนัก จึงจะสามารถรับรองว่าตัวเองจะไม่ถูกพัดกระเด็นไป” ปู่รองเติ้งพูดขึ้น
“ยืนหยัดเอาไว้” หลินหยุนพูดขึ้น โดยยืนอย่างสบายใจอยู่ภายในพายุทราย ซึ่งที่รอบตัวของเขามีแสงสีเหลืองปกป้องคุ้มกันอยู่ พายุทรายไม่สามารถที่จะทำอันตรายหลินหยุนได้แม้แต่น้อย
หลินหยุนใช้พลังกดทับลงไปที่สองเท้าอย่างไม่หยุด เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองถูกพายุลมพัดกระเด็น
“พลังลมในตอนนี้ ต่อให้เป็นนักบู๊ระดับแดนพรสวรรค์ เกรงว่าจะก็รับมือไม่ได้เช่นกัน ซึ่งไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาทั่วไปแล้ว ถูกพัดกระเด็นไปแน่นอน”
ผ่านไปชั่วครู่ หลินหยุนรู้สึกว่าพลังลมไม่ได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว
ดูเหมือนว่า พลังลมที่รุนแรงได้พัดผ่านไปแล้ว
จากนั้น พลังลมก็ค่อย ๆ เบากำลังลง
จนในที่สุด พายุทรายก็สูญสิ้นไป
ช่วงเวลาดังกล่าว ยืนหยัดอยู่เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงเต็ม
แต่ว่า หลังจากที่พายุทรายผ่านพ้นไป บนท้องฟ้าก็มืดสลัว เมฆดำลอยมาปกคลุม โดยที่ไม่สามารถมองเห็นในระยะที่เกินกว่าห้าเมตร
ยังดีที่หลินหยุนกับปู่รองเติ้งมีการมองเห็นที่ไม่ธรรมดา สามารถที่จะมองเห็นทิวทัศน์และวัตถุที่ไกลออกไปเป็นร้อยเมตรได้
ในความเลือนลาง หลินหยุนมองเห็นว่าด้านหน้าเหมือนกับมีอาคารขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่บริเวณนั้น
ปู่รองเติ้งตะโกนพูดขึ้นด้วยความดีใจว่า: “เมืองผี เมืองผีปรากฏขึ้นแล้ว! ”
“ไปกันเถอะ! ” หลินหยุนรีบเดินเข้าไปทันที
เดินไปไม่กี่ร้อยเมตร เมืองผีที่ค้นหามาหลายวัน ในที่สุดก็ได้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของทั้งสองคนแล้ว
ซึ่งก็เหมือนกับที่ปู่รองเติ้งบรรยายเอาไว้อย่างนั้นว่า ทรายสีเหลืองตลบอบอวล เมฆดำปกคลุม เมืองร้างที่เงียบสงัดแห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทะเลทราย
เมืองผีใหญ่โตโอ่อ่า มีพื้นที่กว่าหลายสิบกิโลเมตร ราวกับปีศาจร้ายในสมัยโบราณ นอนเอนกายอยู่ท่ามกลางทะเลทราย
โดยรอบเป็นกำแพงเมืองที่สูงสามเมตร จุดบรรจบกันของกำแพงเมืองสองฝั่ง มีประตูบานใหญ่ เพียงพอที่จะให้รถถังหกคันขับเรียงหน้ากระดานผ่านเข้าไปได้
ก็เหมือนกับปากขนาดใหญ่ของปีศาจร้าย รอที่จะกลืนกินนักผจญภัยเข้าไป
ปู่รองเติ้งกัดฟัน ตามติดอยู่ด้านหลังของหลินหยุน เพื่อเดินไปยังเมืองผี
ทั้งสองคนมาถึงที่หน้าประตูใหญ่ของเมืองผี โดยที่ประตูเมืองทรุดโทรมเป็นอย่างมาก บนกำแพงเมืองทั้งสองข้าง ยังมีร่องรอยของเส้นสลิงในยุคโบราณหลงเหลืออยู่
บริเวณรอบนอกน่าจะมีแม่น้ำล้อมรอบเมือง แต่ก็ได้ถูกทรายสีเหลืองทับถมไปหมดแล้ว มองไม่เห็นร่องรอยเดิมแม้แต่น้อย
แต่เมื่อมองไปที่ประตูเมือง ก็บอกได้ถึงกลิ่นอายความเป็นประวัติศาสตร์ได้อย่างดี เก่าแก่รกร้าง เหมือนกับคนชราที่ใกล้จะเสียชีวิต กำลังบอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาในอดีต
หลินหยุนกับปู่รองเติ้งเดินเข้าไปด้านใน สิ่งก่อสร้างของเมืองผีมีความแตกต่างกับประเทศจีนในสมัยโบราณ เต็มไปด้วยสไตล์ตามแบบยุโรป โดยยังคงหลงเหลือรูปลักษณ์เดิมเอาไว้อยู่บ้าง แต่ ต่างก็ทรุดโทรมอย่างมาก ซึ่งเหลือเพียงแค่เศษซากที่แตกหัก
“ตอนนั้นนายพบเจอไม้เท้านั้นที่ไหน? ” หลินหยุนถามขึ้น
ปู่รองเติ้งชี้ไปยังด้านหน้า: “ตำแหน่งใจกลางของเมืองผี มีรูปปั้นรูปหนึ่ง ข้าได้หยิบไม้เท้าด้ามนั้น มาจากมือของรูปปั้น”
“ไม่ใช่ น่าจะเป็นไม้คฑา! ”
ถูกต้อง ที่อยู่ในมือของหญิงชราคือไม้เท้า ส่วนที่อยู่ในมือของรูปปั้นเทพเจ้า โดยทั่วไปคือไม้คฑา
“พาข้าไปหน่อย! ” หลินหยุนสีหน้าท่าทางเฉยชา
“ตกลง! ”
พูดตามจริงหลังจากที่มาถึงเมืองผีอีกครั้ง ความหวาดกลัวในจิตใจของปู่รองเติ้ง เหมือนกับว่าลดลงไปอย่างมากทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...