จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 52

บทที่ 51 การเชิญจากอันซิน

หลินหยุนมองเซี่ยเจี้ยนโก๋อย่างเงียบๆ พร้อมพูดด้วยเสียงราบเรียบขึ้นมาว่า “ไม่รู้สินะว่า ความหยิ่งยโสโอหังที่คุณพูดถึง ความจริงเป็นวิธีการที่ถ่อมตัวที่สุดของฉันแล้ว”

“ถ้าฉันหยิ่งยโส ทุกคนบนโลกนี้จะต้องก้มหัวให้ฉัน!”

ตระกูลเซี่ย คนที่หลินหยุนสนใจมีแค่โจวเฟินคนเดียว สำหรับเซี่ยเจี้ยนโก๋ หลินหยุนยอมคุยกับเขา เพียงเพราะเห็นแก่หน้าโจวเฟินก็เท่านั้น

เพราะฉะนั้น หลอนหยุนไม่มีทางที่จะเกรงใจเขาเด็ดขาด ถึงแม้เขาจะอยู่ในฐานะพ่อตาของตัวเองก็ตาม

เซี่ยเจี้ยนโก๋โกรธจัดจนหน้าเขียว เดิมทีเขาอยากถามว่าหลินหยุนเรียนวิชาการแพทย์มาจากไหน จากนั้นเขาจะได้แนะนำเพิ่มเติม ต่อไปในอนาคตอยากจะยืมมือหลินหยุนพาตัวเองกลับไปที่ตระกูลเซี่ย ให้คนในตระกูลเซี่ยเห็นสักทีว่า ตอนแรกที่ไล่เขาออกจากตระกูลนั้น เป็นเรื่องที่โง่เง่าขนาดไหน

แต่ว่า ความอวดดีของหลินหยุนกลับมากยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้ ถ้าหากวันนี้อยากจะเห็นกับตาว่าหลินหยุนใช้วิธีมหัศจรรย์ใดรักษาคนไข้ แค่ประโยคที่หลินหยุนพูดเมื่อกี้ เขาก็อยากจะส่งหลินหยุนไปที่โรงพยาบาลบ้าให้ได้

ทุกคนบนโลกนี้จะต้องก้มหัวให้!

เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?

ตระกูลหมี่ที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นมหาอำนาจมากที่สุดของโลกในตอนนี้ ก็ไม่กล้าที่จะพูดคำนี้ออกมาได้!

หลินหยุนไม่รอให้เซี่ยเจี้ยนโก๋ได้พูดอะไร เขาลุกขึ้นมาทันที พร้อมใช้สายตามองราวกับผู้ที่อยู่สูงกว่ามองไปที่เซี่ยเจ้ยนโก๋ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าคุณอยากรู้ว่าวิชาการแพทย์ของฉันเรียนมาจากที่ไหน คืนวันมะรืนตอนสองทุ่ม คุณไปรอที่หน้าหมู่บ้านได้”

พอพูดจบ หลินหยุนก็เดินจากไปด้วยความไม่สนใจไยดีอะไร เหลือไว้เพียงเสียงปิดประตูที่ดังขึ้น

เซี่ยเจี้ยนโก๋มองไปที่ด้านหลังของหลินหยุน สีหน้าดูไม่ดีนัก เขาคิดมาตลอดว่าการที่ให้หลินหยุนแต่งงานกับลูกสาวตัวเอง จะเป็นบุญคุณสำหรับหลินหยุนแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุน เขามักจะมองว่าตัวเองอยู่สูงกว่าเสมอ ทำตัวเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากกว่าหลินหยุนตลอดเวลา

แต่ว่า หลินหยุนอยู่ดีๆ ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิมมากถึงขนาดนี้ ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่อยู่ดีๆ คนที่ตัวเองดูถูกมาตลอดกลับมาดูถูกตัวเองแบบนี้ไม่ได้

แต่ว่า ประโยคสุดท้ายที่หลินหยุนบอก กลับทำให้ความไม่เป็นสุขของเขาหายไปชั่วคราว

“คืนวันมะรืนตอนสองทุ่ม ที่หน้าหมู่บ้าน...” เซี่ยเจี้ยนกโก๋พึมพำคนเดียวอยู่อย่างนั้น พร้อมแอบจดจำเวลาดังกล่าวเอาไว้

“ได้ พอถึงเวลานั้นฉันจะดูซิว่าแกจะเล่นกลลวงอะไร!”

หลินหยุนกลับไปที่ห้องนอน อยู่ดีๆ มือถือก็ดังขึ้น

หน้าจอปรากฏชื่อของอันซินที่เป็นคนโทรมา

“หรือว่าอันซินจะเจอเรื่องเดือดร้อนเหรอ?”

ชาติที่แล้ว หลินหยุนจำได้ว่าบ้านของอันซินเจอเรื่องเดือดร้อนใหญ่ โดนบังคับจนหมดหนทาง จึงต้องออกไปจากหลินโจว หลังจากนั้นมือถือก็โทรไม่ติด แล้วเขาก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย

ชาตินี้ หลินหยุนจะต้องช่วยอันซินผ่านเรื่องราวร้ายๆ นี้ไปให้ได้ ถือว่าเป็นการตอบแทนชาติที่แล้วที่อันซินทุ่มเทหัวใจให้เขามาตลอด

“อันซิน เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อรับสาย เขารีบถามขึ้นทันที

เสียงหวานแหววของอันซินดังขึ้นที่ปลายสาย “ไม่มีอะไร ก็คือพรุ่งนี้ฉันมีนิทรรศการภาพวาดที่โรงศิลปะหลีหยวน เลยอยากเชิญพี่หลินหยุนไปดูหน่อยค่ะ!”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความไม่นิ่งและความรอคอย เหมือนจะกลัวว่าหลินหยุนจะปฏิเสธคำชวนของเธอ

หลินหยุนนึกภาพใบหน้าที่สวยงามของเธอขึ้นมา ท่าทางระมัดระวังแบบนั้น รวมทั้งหน้าอกที่น่าภูมิใจของเธอ

อันซินชอบวาดภาพมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งยังมีพรสวรรค์ในด้านนี้อีกด้วย ตอนอายุ 10  ขวบเธอเคยได้รับคำชมจากจิตรกรชื่อดัง ซึ่งเขาบอกกับเธอว่าต่อไปในอนาคตเธอจะต้องประสบความสำเร็จในเส้นทางการวาดภาพแน่นอน

ถึงแม้ว่าอันซินจะยังคงอยู่ในวัยเรียน แต่ผลงานของเธอก็ได้รับรางวัลมานักต่อนักแล้ว ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดเหมือนจะมีชื่อว่า “อาหารเย็นมื้อสุดท้าย” ชิ้นนั้น ซึ่งเคยได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันวาดภาพงานใหญ่งานหนึ่งเช่นกัน

แต่ทุกครั้งที่หลินหยุนเห็นภาพนั้น ก็มักจะหัวเราะเยาะเธอเสมอ เขาบอกว่าภาพนั้นเหมือนภาพที่คนขอทานกำลังขอทานอยู่ พร้อมทั้งยังตั้งชื่อให้ภาพนั้นว่า “คนขอทาน” ด้วยความภาคภูมิใจอีกด้วย

ทุกครั้งจะต้องให้อันซินยกหมัดขึ้นวิ่งไล่ตี และก็จบลงด้วยเสียงขอร้องของหลินหยุนที่ขอร้องให้เธอหยุดตีเขา

เวลาผ่านมา 800 กว่าปี เมื่อหลินหยุนนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม

“โรงศิลปะหลีหยวน ใช่ไหม พรุ่งนี้ฉันไปแน่นอน!”

อันซินพูดด้วยความดีใจว่า “โอเค พรุ่งนี้เช้าต้องเจอกันให้ได้นะ ถึงแล้วโทรหาฉันด้วย”

“ได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์