จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 583

สรุปบท บทที่ 583 ค่ายกลสังหารจิ่วเจ๋: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 583 ค่ายกลสังหารจิ่วเจ๋ จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 583 ค่ายกลสังหารจิ่วเจ๋ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตูม!

ความเร็วของการหล่นทับลงมาของยอดเขาสองลูกที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้น ได้ช้าลงไปอีกหลายนาที อีกทั้ง ยังสามารถมองด้วยตาเปล่าได้ว่าความรวดเร็วของยอดเขานั้นได้ลดลงไปจริง

นั่นคือพลังและการโจมตีของหลินหยุน ที่ส่งผลทำให้เกิดการหักล้างซึ่งกันและกัน

“ค้อนดาวร่วง! ”

“พลิกฟ้าผ่าตะวัน! ”

“ดาวยักษ์ตก! ”

สิบแปดท่าต้าเต๋าราวกับผักกาดขาวที่ไม่ต้องจ่ายเงินอย่างไรอย่างนั้น ปล่อยพลังโจมตีเข้าใส่ยอดเขาทั้งสองลูกที่อยู่กลางอากาศอย่างไม่บันยะบันยัง

ในที่สุด ยอดเขาทั้งสองลูกนั้น ก็ยังคงถูกการโจมตีของหลินหยุนทำลายจนแหลกสลายไป

ซูหนันที่อกสั่นขวัญแขวนอย่างมาก ในที่สุดก็เบาใจลงได้บ้างแล้ว

ภายในพื้นที่ต้องห้ามหลังเขาสำนักบู๊แท้

สีหน้าของหลี่สุนเฟิงยิ่งขาวซีดมากกว่าเดิม และมีท่าทางที่เคร่งขรึม: “ปรมาจารย์หลินเป็นดั่ง คำร่ำลือจริง ๆ พวกเราสิ้นเปลืองชี่แท้ไปตั้งมากมายขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำอะไรเขาได้เลย! ”

“ผู้อาวุโสทุกท่าน เตรียมใช้การสังหารพลังห้ายอด! ” หลี่สุนเฟิงสีหน้าท่าทางจริงจัง

ผู้อาวุโสในชุดนักพรตเหล่านั้น ต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่ตื่นตะลึง: “เจ้าสำนัก สังหารพลังห้ายอดนั้นสิ้นเปลืองพลังการฝึกฝนอย่างมาก อีกทั้งใช้สังหารพลังห้ายอดเพื่อต่อกรกับปรมาจารย์หลินเพียงคนเดียว เกรงว่าจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ! ”

ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งก็พูดเตือนว่า: “ใช่เลยเจ้าสำนัก สิ้นเปลืองสังหารพลังห้ายอดโดยเปล่าประโยชน์ บางทีเพิ่มพลังยอดเขาอีกหนึ่งลูก ก็อาจจะสามารถสังหารปรมาจารย์หลินได้แล้ว! ”

หลี่สุนเฟิงมีสีหน้าท่าทางที่จริงจัง: “การกระทำเรื่องเล็กน้อยก็ต้องทุ่มเทกำลังกายกำลังใจอย่างเต็มที่ในการจัดการ โดยที่พลังความสามารถของปรมาจารย์หลิน ชัดเจนว่าไม่สามารถจะอนุมานตามหลักเหตุผลทั่วไปได้ ดังนั้น พวกเราจำเป็นที่จะต้องใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุด เพื่อลงมือสังหารให้ตายภายในครั้งเดียว! ”

“ตกลง! ”

ผู้อาวุโสทั้งหลายถูกหลี่สุนเฟิงเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว

“เริ่มได้! ” หลี่สุนเฟิงนั่งขัดสมาธิ สีหน้าท่าทางจริงจัง แล้วปล่อยชี่แท้อย่างทรงพลังไปยังเสาหินหยกขาวแท่งหนึ่งในจำนวนนั้น

ส่วนผู้อาวุโสหลายคนที่เหลือ ก็ได้แบ่งแยกปล่อยชี่แท้ออกมา ไปยังเสาหินหยกขาวแท่งอื่น ๆ

สำหรับพวกลูกศิษย์ที่เหลือนั้น ต่างก็ใช้พลังทั้งหมดเพื่อรักษาการขับเคลื่อนทำงานของค่ายกล

“สังหารพลังห้ายอด! ”

หลี่สุนเฟิงตะโกนเสียงดัง เสาหินหยกขาวทั้งห้าแท่งนั้นก็ได้เปล่งประกายแสงสีเขียวออกมาทันที

ท่ามกลางค่ายกล หลินหยุนกับซูหนันที่กำลังเดินทางต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เกิดรับรู้ขึ้นได้จึงหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน แล้วแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ยอดเขาห้าลูกที่มีขนาดเท่ากันกับเมื่อครู่ ได้หล่นทับลงมายังศีรษะของพวกเขาทั้งสอง ทำให้ท้องฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะของทั้งสองคนนั้น ถูกบดบังโดยสมบูรณ์

ซูหนันมีสีหน้าที่กังวล: “ทำอย่างไรดี? แบบนี้เมื่อไหร่จะจบสิ้นกันสักทีล่ะ! จำเป็นต้องคิดหาวิธีทำลายค่ายกลนี้ลงให้ได้ถึงจะถูก! ”

หลินหยุนมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก มองไปยังยอดเขาขนาดมหึมาทั้งห้าลูกนั้นที่อยู่กลางอากาศ ก็เกิดความคิดขึ้นมา แล้วธนูยาวโบราณก็พลันปรากฏขึ้นในมือของเขา

“ใช่ธนูคันนั้น! ” ซูหนันยังคงจำธนูคันนี้ได้เป็นอย่างดี ในตอนนั้น หลินหยุนได้ใช้ธนูคันนี้ ยิงลูกธนูที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี ทำลายล้างวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า ทำให้เขาหลุดออกมาจากการถูกควบคุม

แต่ เคยได้ยินว่าใช้ธนูยิงห่านป่า ใช้ธนูยิงมังกร รวมถึงในตอนนั้นที่หลินหยุนเคยใช้ธนูยิงผี

ทว่า ไม่เคยได้ยินว่าใช้ธนูยิงภูเขาอ่า!

ภูเขาใหญ่ขนาดขั้น ส่วนลูกธนูเล็กนิดเดียว ต่อให้ยิงเข้าใส่ได้ แล้วจะเกิดผลอะไรขึ้น?

หลินหยุนไม่ได้สนใจความคิดที่แปลกประหลาดของซูหนัน ขยับก้าวเดินไปข้างหน้า มือซ้ายถือคันธนู มือขวาดึงสายธนู

ทันใดนั้น บริเวณพื้นที่โดยรอบทั้งหมดก็เหมือนกับเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น

จากนั้น มีหลินหยุนเป็นจุดศูนย์กลาง โดยที่ชี่ทิพย์ของฟ้าดินในบริเวณหนึ่งร้อยเมตร ได้เคลื่อนที่สั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้น

ระหว่างธนูกับมือของหลินหยุน เดิมทีควรจะเป็นตำแหน่งที่ว่างเปล่า โดยไฟจุดเล็ก ๆ ที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ขยายจนมีขนาดใหญ่ประมาณตะเกียบแล้ว

แต่ว่า ก็ยังคงขยายใหญ่ขึ้นต่อเนื่อง ลูกธนูลำแสงสีเขียว กำลังก่อตัวขึ้น

โดยรอบของลูกธนูลำแสงนั้น ได้ก่อตัวเป็นพลังงานหมุนวนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งเมตร ซึ่งกำลังดูดซับพลังงานทั้งหมดในบริเวณโดยรอบหนึ่งร้อยเมตรอย่างบ้าคลั่ง

ฟ้าคือธนู ดินคือสายธนู สรรพสิ่งทั้งมวลคือลูกธนู

นี่ก็คือความแข็งแกร่งทรงพลังของวิชายิงตะวัน

ตามตำนาน หากฝึกฝนวิชายิงตะวันจนถึงขั้นสูงสุด ในหนึ่งลูกธนู สามารถควบแน่นฟ้าดินให้เข้ามารวมอยู่ด้านในได้

“แต่ว่า ไอ้หนุ่มนั่นมีเครื่องรางที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่ในมือ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี? ” ผู้อาวุโสใหญ่มองไปที่หลี่สุนเฟิงและสอบถามขึ้น

หลี่สุนเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาก็แสดงถึงท่าทางอันแน่วแน่: “ใช้ค่ายกลสังหารจิ่วเจ๋เถอะ! ”

“อะไรนะ! ”

ผู้อาวุโสหลายคนต่างแสดงอาการตกตะลึงขึ้น

พวกลูกศิษย์เหล่านั้นก็มีสีหน้าท่าทางที่งุนงง เหมือนกับว่าไม่เคยได้ยินค่ายกลสังหารจิ่วเจ๋มาก่อน

“เจ้าสำนัก ท่านต้องคิดให้ดี ๆ ก่อนนะ! หากว่าจะใช้ค่ายกลสังหารจิ่วเจ๋นั่น ซึ่งจะต้องใช้รูปแบบของค่ายกลเข้าแลกเลยทีเดียว ถ้าหากสังหารหลินหยุนไม่ได้ อย่างนั้นรูปแบบของค่ายกลก็จะถูกทำลายลง จากนี้ค่ายกลจิ่วเจ๋ก็จะสูญสิ้นไป” ผู้อาวุโสใหญ่พูดเตือนขึ้นอย่างจริงจังหนักแน่น

หลี่สุนเฟิงสูดลมหายใจลึก พูดว่า: “เพื่อหนึ่งโควตาของตำหนักอนัตตา พวกเราจำเป็นจะต้องใช้พลังความสามารถทั้งหมดออกมา ถ้าหากใช้กระบวนท่าสังหารที่ทรงพลังที่สุดของค่ายกลจิ่วเจ๋แล้ว ยังคงไม่สามารถฆ่าหลินหยุนให้ตายได้ ถ้าอย่างนั้นค่ายกลจิ่วเจ๋ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะดำรงอยู่ต่อไปอีก”

“ค่ายกลที่ไม่สามารถแม้แต่จะฆ่าคนได้ จะมีไว้เพื่ออะไรกัน! ”

ผู้อาวุโสใหญ่ไม่พูดอะไรอีก แม้ว่าเขาอยากจะเตือนหลี่สุนเฟิงให้พิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ว่า หลี่สุนเฟิงนั้นได้ถูกหนึ่งโควตาของตำหนักอนัตตา ครอบงำจิตใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้แต่ไพ่เด็ดใบสุดท้ายของสำนักบู๊แท้ ค่ายกลจิ่วเจ๋ก็ยังไม่คิดจะเก็บเอาไว้แล้ว

“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดมากอะไรกันอีก ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เริ่มต้นค่ายกลสังหารจิ่วเจ๋! หลี่สุนเฟิงตะโกนขึ้นเสียงดัง กลับไปนั่งยังตำแหน่งเดิม และเริ่มปล่อยชี่แท้ที่หลงเหลือเข้าสู่แท่นหินนั้น”

ผู้อาวุโสใหญ่จำยอม ทำได้เพียงปล่อยชี่แท้ออกไป แม้ว่าเขาไม่อยากที่จะทำลายค่ายกลของสำนักบู๊แท้ แต่เขาก็หวังที่จะฆ่าหลินหยุนให้ได้มากกว่า

ไม่เพียงแค่ได้รับผลประโยชน์จากตระกูลหวาง ยังสามารถที่จะสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับสำนักบู๊แท้ในโลกบู๊ได้ด้วย

พวกลูกศิษย์จำนวนหนึ่งร้อยสามสิบหกคนของสำนักบู๊แท้ทั้งหมด ต่างก็ได้ปล่อยชี่แท้ในร่างกายเข้าสู่แท่นหินนั้น

เสาหินหยกขาวเก้าแท่งด้านบนของแท่นหิน ก็เหมือนกับได้รับการชาร์ตพลังเกิดแสงสว่างขึ้นอีกครั้งโดยพลัน

“พุ่งไป! ”

หลี่สุนเฟิงชี้นิ้วออกไปทันที แท่นหินนั้นพลันลอยขึ้นกลางอากาศ เดิมทีม่านจอที่ใช้สำหรับสังเกตหลินหยุนที่อยู่ด้านบนของแท่นหินนั้น ก็ได้หายสาบสูญไปด้วยแล้ว

ค่ายกลจิ่วเจ๋ ศูนย์กลางการควบคุมก็คือรูปแบบค่ายกล โดยมองผ่านรูปแบบค่ายกล สามารถทราบได้ถึงการเกิดขึ้นทุกอย่างในบริเวณโดยรอบรูปแบบค่ายกล

แต่ว่า หากรูปแบบค่ายกลสูญสิ้นไปแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ายกลอย่างสิ้นเชิง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์