ชายหนุ่มคนนั้นแอบยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ในใจ ภายในสมองกำลังนึกถึงคำพูดของคุณชายใหญ่ตระกูลหวางอยู่
“ไม่ต้องกังวล แม้ว่าปรมาจารย์หลินรู้ว่าด้านหน้ามีกับดักหลุมพรางรอเขาอยู่ เขาก็ยังจะต้องมาอย่างแน่นอน หวางเจ๋อสีหน้าท่าทางมั่นใจ เหมือนกับว่าเข้าใจรู้ลึกในตัวของหลินหยุน”
ในตอนแรกชายหนุ่มยังคงไม่ค่อยเชื่อ ตอนนี้ได้ยินคำตอบของหลินหยุนแล้ว ซึ่งมันตรงกับคำพูดของคุณชายใหญ่หวางที่ทายเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
“ฮึ นายช่างดูถูกกลุ่มวีรบุรุษใต้หล้าเกินไปแล้ว! กล้าที่จะมองข้ามสำนักบู๊แท้ของข้าไปได้ รอให้นายเข้าไปอยู่ในค่ายกลจิ่วเจ๋แล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ก็คือเวลาตายของนาย! ”
หลินหยุนเดินตามชายหนุ่มนั้นไป โดยมุ่งหน้าตรงไปตลอด เรื่อย ๆ จนพวกเขามาถึงเก้ายอดภูเขาเย่นต้าน
ซึ่งก็คือภูเขาเก้ายอดที่สูงที่สุดตามแนวทั่วทั้งภูเขาเย่นต้าน
ชายหนุ่มนั้นหยุดลงบนก้อนหินสีเขียว หันหลังมองไปยังหลินหยุน: “เชิญพักรอที่นี่สักครู่หนึ่ง ข้าจะเข้าไปรายงานต่อเจ้าสำนัก”
ซูหนันพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “แกคิดที่จะทิ้งพวกข้าไว้ตรงนี้เหรอ ฝันไปเถอะ! ”
หลินหยุนขัดขวางซูหนันเอาไว้ แล้วพูดว่า: “ปล่อยเขาไป”
“ข้าอยากจะดูหน่อยสิว่า พวกเขาจะใช้วิธีการไม้ไหนกันแน่”
ชายหนุ่มหันหลัง แล้วมองไปที่หลินหยุนด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา: “ปรมาจารย์หลินบ้าระห่ำตรงตามที่ร่ำลือกันไว้ไม่ผิดเลย จากนี้ หวังว่านายจะไม่เสียใจในภายหลัง! ”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ยิ้มอย่างประหลาด หันหลังแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่เงาร่างของชายหนุ่มนั้นหายตัวไป ทันใดนั้น ท้องฟ้าที่สว่างสดใสก็เกิดฟ้าผ่า เกิดฟ้าร้องดังลั่นขึ้น อยู่บนศีรษะของหลินหยุนกับซูหนัน
จากนั้น ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆดำลอยมาปกคลุมมืดมิด ทิวทัศน์ด้านหน้าของหลินหยุนกับซูหนัน เปลี่ยนแปลงเป็นภาพที่เลือนลาง
“เกิดอะไรขึ้น! ” ซูหนันสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด
หลินหยุนมองไปที่ท้องฟ้า สีหน้าเฉยเมย: “ค่ายกล! ”
ซูหนันพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า: “คุณพูดว่า พวกเราได้เข้ามาสู่ภายในค่ายกลของฝ่ายตรงข้ามแล้วงั้นเหรอ! ”
“ใช่” หลินหยุนหันหน้า มองไปยังสี่ทิศ สังเกตค่ายกลอย่างละเอียด แต่ว่า ต่อให้ใช้พลังดวงตาและจิตสมาธิของเขาแล้ว ก็ยังสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลออกไปแค่สิบเมตรเท่านั้น
พลังมวลรวมบริเวณโดยรอบของฟ้าดิน ส่งเสียงดังอึกทึกติดต่อกันไม่หยุด เงาดำจำนวนมากเคลื่อนไหวแวบไปมา มองไม่ชัดตกลงว่าคืออะไร ราวกับเป็นวันสิ้นสุดของโลกอย่างไรอย่างนั้น
“นี่คือค่ายกลอะไรกัน? ที่มีพลังอานุภาพมากถึงขนาดนี้! ” ซูหนันสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก ร่างกายที่อยู่ท่ามกลางค่ายกล ก็เหมือนกับเรือลำหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ซูหนันรู้สึกว่าตนเองมีขนาดเล็กนิดเดียวราวกับเม็ดทราย
“ค่ายกลนี้ไม่ธรรมดา ไม่เหมือนกับนักบู๊ในปัจจุบันที่สามารถจัดวางขึ้นมาได้ ถ้าหากข้าทายไม่ผิด นี่น่าจะเป็นค่ายกลโบราณกาล” หลินหยุนพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“สามารถทำลายลงได้ไหม? ” ซูหนันถามขึ้น
“คงต้องลองดู” หลินหยุนสีหน้าไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก
เวลานี้ ตำหนักสำนักบู๊แท้ที่อยู่ด้านหลังภูเขา ซึ่งที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ต้องห้ามของสำนักบู๊แท้
แต่ในเวลานี้ ประตูเขาบริเวณพื้นที่ต้องห้ามได้เปิดขึ้น ทุกคนของสำนักบู๊แท้ทั้งลูกศิษย์และรวมถึงเจ้าสำนักจำนวนทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบหกคน ต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่ โดยนั่งขัดสมาธิโอบล้อมแท่นหินก้อนหนึ่ง
แท่นหินที่อยู่ท่ามกลางของทุกคนนั้น มีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของสนามบาสเกตบอล มีความสูงประมาณหนึ่งคนทั่วไป มองไม่ออกว่าทำจากวัสดุอะไร ซึ่งโดยรอบมีลวดลายการแกะสลักที่ลึกลับซับซ้อน เผยให้เห็นกลิ่นอายอันเลือนลางของความเก่าแก่โบราณ
ด้านบนของแท่นหินนั้น มีเสาหินหยกขาวที่สูงประมาณคนทั่วไปเก้าแท่งตั้งตระหง่านอยู่ บนเสาหินทุกแท่ง ก็มีลวดลายการแกะสลักที่ลึกลับซับซ้อน ลวดลายเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับฟ้าดิน เหมือนกับว่าได้ทอดยาวลงลึกไปยังพื้นดิน โดยไม่รู้ว่าสุดท้ายไปเชื่อมต่อกับที่ไหน
สมาชิกจำนวนหนึ่งร้อยสามสิบหกคนของสำนักบู๊แท้ ได้ถ่ายทอดชี่แท้ในร่างกายเข้าสู่เสาหินทั้งเก้าแท่งนั้นอย่างไม่หยุด เสาหินหยกขาวเก้าแท่งนั้นค่อย ๆ สว่างขึ้น และมีแสงสว่างห้อมล้อมอยู่โดยรอบ
หลี่สุนเฟิงเจ้าสำนักบู๊แท้ ได้ปล่อยชี่แท้ออกมาโดยพลัน พร้อมกับตะโกนขึ้นเสียงดัง
“เริ่มขึ้นได้! ”
ทันใดนั้น กลางอากาศด้านบนของแท่นหิน สะท้อนขึ้นเป็นม่านจอ บนม่านจอนั้น ก็คือแผนที่ตามจริงของเก้ายอดภูเขาเย่นต้าน โดยในตอนกลางของเก้ายอดภูเขาเย่นต้าน มีเงาร่างชายหนุ่มสองคน นั่นก็คือหลินหยุนกับซูหนัน
หลี่สุนเฟิงยิ้มเยาะอย่างภาคภูมิใจ: “ฮึ ปรมาจารย์หลิน นายสามารถฆ่าเทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋ได้ แต่นายกลับทำลายค่ายกลจิ่วเจ๋นี่ของข้าไม่ได้”
“ความหลงระเริงของนาย ในที่สุดก็ทำให้นายจบชีวิตลงที่ตรงนี้! ”
“สังหาร! ”
หลี่สุนเฟิงชี้ไปยังเสาหินหยกขาวบนแท่นหินนั้นทันที แล้วก็ปล่อยพลังทิพย์ออกมา เสาหินหยกขาวนั้นก็ได้เปล่งประกายแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...