การโต้แย้งของเจี่ยงหลินหลิน ก็เท่ากับว่าเป็นการยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
ถึงขนาดที่ว่า คำพูดของหลินหยุนเกินกว่าครึ่งล้วนเป็นความจริง โดยที่เจี่ยงหลินหลินต้องการที่จะช่วยเหลือนายท่านเจี่ยง จึงได้ตอบตกลงกับเงื่อนไขของเขา
เพียงแต่ว่า จากนิสัยของเจี่ยงหลินหลินแล้ว สำหรับคำมั่นสัญญาในตอนนั้น ชัดเจนว่าเธอไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
โดยถือว่าสัญญาระหว่างเธอกับหลินหยุน เป็นเพียงเช็คเงินสดที่ว่างเปล่าใบหนึ่งเท่านั้น
เจี่ยงจิงเทียนมีสีหน้าท่าทางย่ำแย่อยู่บ้าง: “ทำไมตอนนั้นไม่เคยได้ยินหนูพูดถึงเรื่องนี้เลย”
เจี่ยงเฉิงได้โอกาสซ้ำเติม พลันยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “ตอนนั้นคุณหนูบอกว่าได้พบกับยอดฝีมือท่านหนึ่ง โดยได้ใช้ความจริงใจของตัวเธอเองเอาชนะจิตใจของยอดฝีมือนั้นแล้ว จึงได้ขอโอสถมาหนึ่งเม็ด”
“ในตอนนั้น คุณหนูได้รักษาอาการป่วยของนายท่านจนหายเป็นปกติ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เชิดหน้าชูตาอย่างที่สุด แล้วจะมาพูดถึงเรื่องที่อับอายขายหน้าได้อย่างไรกัน”
“ที่จริงแล้วโอสถเม็ดนั้นของคุณหนู ไม่ใช่ได้มาเพราะการร้องขอ แต่ได้ใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงของพวกเราแลกมันมา”
“คุณหนูเจี่ยง ใครเป็นผู้ให้สิทธิคุณในการใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงเพื่อแลกกับโอสถเม็ดนั้น”
คำถามที่ซักไซ้ไล่เลียงจากเจี่ยงเฉิง ทำให้เจี่ยงหลินหลินถึงกลับเงียบกริบพูดอะไรไม่ออก
คนของตระกูลเจี่ยงคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องโถง ต่างก็ไม่ชอบที่เจี่ยงหลินหลินอาศัยว่าตัวเธอเองได้ช่วยรักษาให้นายท่านเจี่ยงหายจากอาการป่วยแล้ว อวดอ้างภาคภูมิใจถึงความดีความชอบมาโดยตลอด
ตอนนี้ ได้ทราบว่าเจี่ยงหลินหลินใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงไปแลกกับโอสถ ทันใดนั้น ทุกคนต่างก็เกิดการว่ากล่าวโจมตีขึ้น
“ที่จริงแล้วความจริงใจของคุณหนูเจี่ยง คิดไม่ถึงว่าจะมีมูลค่าเท่ากับขนาดทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงเลย! หากว่านายท่านเจี่ยงรับทราบแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
“พวกคุณเคยคิดกันไหมว่าเหตุการณ์นี้บ่งบอกถึงอะไรบ้าง? ”
“คุณหนูเจี่ยงยังไม่ได้เป็นเจ้าบ้านตระกูลเจี่ยงของพวกเราสักหน่อย แต่ก็ได้ถือเอาตระกูลเจี่ยงทั้งหมดเป็นของเธอไปแล้ว โดยที่นำตระกูลเจี่ยงไปทำการแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นตามอำเภอใจ”
“ถ้าหากต่อไปเธอขึ้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลเจี่ยงของพวกเรา คุณคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น? ”
อีกคนหนึ่งพูดว่า: “ยังจะต้องคิดอีกเหรอ? ถึงเวลานั้นตระกูลเจี่ยงคงจะต้องเป็นของเธอเพียงคนเดียว แล้วยังจะมีอะไรที่หลงเหลือสำหรับพวกเราเหล่านี้อยู่อีกล่ะ! ”
เจี่ยงหลินหลินพูดโต้แย้งเสียงดังด้วยความโมโห: “พวกคุณอย่าได้มาตอกย้ำซ้ำเติมกันอีกเลย ในตอนนั้นฉันเพียงแค่ต้องการโอสถเพื่อช่วยคุณปู่ ดังนั้นจึงตอบตกลงเขาไป โดยที่ฉันไม่เคยคิดที่จะทำตามคำตกลงที่ให้ไว้ แล้วฉันจะมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงให้กับคนอื่นได้อย่างไรกันล่ะ! ”
“อีกทั้ง ต่อให้ฉันใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงเพื่อแลกกับโอสถ แล้วยังไงล่ะ? หรือว่าในใจของพวกคุณ ชีวิตของคุณปู่ยังสำคัญไม่เท่ากับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงอย่างนั้นเหรอ? ”
เผชิญกับการซักถามของเจี่ยงหลินหลิน ซึ่งไม่มีใครสักคนของตระกูลเจี่ยงที่กล้าโต้แย้งขึ้น
ทุกสิ่งทั้งหมดของตระกูลเจี่ยง แทบจะเป็นนายท่านเจี่ยงเพียงคนเดียวที่ก่อร่างสร้างขึ้น โดยสถานะของนายท่านเจี่ยงในตระกูลเจี่ยง ก็คือเทพ
ไม่ต้องพูดถึงทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง ต่อให้นำทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลเจี่ยงไปแลกกับชีวิตของนายท่านเจี่ยง ก็ไม่มีใครที่จะกล้าพูดโต้แย้งอะไร
เจี่ยงเฉิงสีหน้าย่ำแย่ คิดไม่ถึงว่าใกล้ที่จะทำให้เจี่ยงหลินหลินกลายเป็นเป้าหมายโจมตีของทุกคนแล้ว แต่กลับถูกเธอใช้คำพูดเพียงคำเดียวแก้ไขสถานการณ์ไปได้
ต่อให้ในจิตใจของทุกคนต่างก็ไม่เห็นด้วยที่จะใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งไปแลกกับชีวิตอีกไม่กี่ปีของนายท่าน แต่คำพูดแบบนี้ก็คงไม่มีใครที่จะกล้าพูดออกมา
ในตระกูลเจี่ยงหากมีใครกล้าที่จะไม่เคารพนายท่าน ผู้นั้นก็คือคนทรยศ ซึ่งจะถูกขับไล่ออกไปจากตระกูลเจี่ยง
เจี่ยงจิงเทียนตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา: “พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว”
ได้ยินเจ้าบ้านเอ่ยปากพูดขึ้น ทุกคนก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกในทันที
เจี่ยงจิงเทียนมองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “คุณท่าน ถ้านายเป็นคนที่ให้โอสถกับ ลูกสาวของฉันจริง ฉันขอเป็นตัวแทนตระกูลเจี่ยงขอบคุณบุญคุณของนาย”
เจี่ยงจิงเทียนเปลี่ยนน้ำเสียงพูดทันที: “แต่ว่า ถ้าหากนายจะอาศัยเพียงแค่โอสถธรรมดาเม็ดเดียว แล้วคิดที่จะนำเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยงไป แบบนี้มันคงน่าขำขันไปหน่อย”
เจี่ยงเฉิงยิ้มเยาะอยู่ด้านข้างและพูดขึ้นว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย นายรู้ไหมว่าทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยง มันมีจำนวนเทียบเท่ากับอะไรไหม? ”
“เทียบเท่ากับภาษีหนึ่งปีของทั่วทั้งจีน! ”
“นายคิดจะใช้โอสถธรรมดาเม็ดเดียวเพื่อแลกกับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยง ช่างคิดเพ้อเจ้อเกินไปหน่อยแล้ว! ”
เจี่ยงจิงเทียนไม่พูดไม่จา และก็ไม่ได้ขัดขวางเจี่ยงเฉิงที่กำลังเหยียดหยามหลินหยุน ซึ่งคำพูดของเจี่ยงเฉิงนั้น ก็คือความหมายของเขาเช่นกัน
หลินหยุนสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก ซึ่งเขาคาดเดาเอาไว้ก่อนแล้วว่าคนของตระกูลเจี่ยงไม่มีทางที่จะยอมทำตามคำตกลงโดยง่ายอย่างแน่นอน
“หากเป็นเช่นนี้ ตระกูลเจี่ยงก็คงคิดที่จะเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้าน ๆ แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...