จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 647

หลินโร่สุ่ยและหลินหยุน ก็ไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

ทั้งสองคนก็ได้จองห้องพิเศษไว้ หลินโร่สุ่ยก็เริ่มระบายความอัดอั้นในใจกับหลินหยุนทันที

หลินโร่สุ่ยเป็นลูกสาวของน้องคนที่สามของพ่อหลินหยุน จึงต้องเรียกหลินหยุนว่าพี่ชาย คุณอาสามของหลินหยุนคนนี้ชื่อว่าหลินตงเย่ว มีนิสัยแข็งกร้าวมาก

แต่ว่า เขาเป็นคนทะเยอทะยานแต่ไร้ความสามารถ คิดอยากจะก่อร่างสร้างตัวแต่จนปัญญาที่ตัวเองไม่มีความสามารถเพียงพอ

หลังจากเจออุปสรรคมาหลายครั้งแล้ว จึงเลิกล้มความตั้งใจ

ดังนั้น เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาที่จะบ่มเพาะคนรุ่นหลังต่อไป

แต่ว่า เขาก็มีแต่ลูกสาวเพียงสองคนเท่านั้น

ดังนั้น จึงทุ่มเทความหวังทั้งหมดไปที่ตัวลูกสาวคนโตหลินโร่หลัน

ส่วนหลินโร่หลันก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มีความสามารถเก่งกาจทุกด้าน กลายเป็นคนรุ่นใหม่ของตระกูลหลิน ที่รองลงมาจากหลินโล่เฉินเพียงคนเดียวเท่านั้น

ดังนั้น หลินตงเย่วสองคนสามีภรรยาก็ดีใจเป็นอย่างมาก ยิ่งรักและทะนุถนอมหลินโร่หลันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำให้หลินโร่สุ่ยที่เกิดหลังหลินโร่หลันหนึ่งปี จึงโชคร้ายมากยิ่งขึ้น

เมื่อมีลูกสาวคนโตหลินโร่หลันเป็นดั่งแก้วตาดวงใจแล้ว ไม่ว่าหลินโร่สุ่ยจะทำอะไรก็ตาม ก็จะต้องถูกเอามาเปรียบเทียบกับหลินโร่หลันเสมอ

เมื่อไรที่สู้หลินโร่หลันไม่ได้ ก็จะต้องถูกพ่อแม่รังเกียจ

อีกทั้งไม่ว่าจะทำอะไรก็จะต้องเอาพี่สาวเป็นเยี่ยงอย่างเสมอ

แม้แต่เสื้อผ้าที่ชอบ ของกินเล่นที่ชอบ ก็จะต้องให้เหมือนกับพี่สาวตลอดเวลา

หลินโร่สุ่ยไม่เคยชอบช็อกโกแลตเลย แต่ว่าหลินโร่หลันชอบมาก สุดท้ายแล้วหลินโร่สุ่ยก็ถูกบังคับต้องให้ชอบตามไปด้วย

ของกินเล่นทุกอย่าง ก็ล้วนเป็นของที่หลินโร่หลันชอบทั้งนั้น แบบเสื้อผ้าทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นที่ชอบของหลินโร่หลันทั้งนั้น

ตั้งแต่เล็กจนโต หลินโร่สุ่ยก็เหมือนเป็นแค่เงาของหลินโร่หลันเท่านั้นเอง

ภายในครอบครัวนั้น ไม่เคยเห็นความสำคัญของเธอเลย

ดังนั้น จึงทำให้หลินโร่สุ่ยมีนิสัยก้าวร้าวต่อต้าน

และเป็นเพราะสาเหตุนี้เอง ดังนั้น เมื่อหลินโร่สุ่ยได้พบกับหลินหยุนแล้ว จึงเกิดความรู้สึกเหมือนหัวอกเดียวกันขึ้นมาทันที

ทำให้เธอสนิทสนมกับหลินหยุนมากขึ้น เป็นหนึ่งในจำนวนคนที่ใกล้ชิดที่สุดเพียงไม่กี่คนในตระกูลหลินของหลินหยุนในชาติที่แล้ว

หลินโร่สุ่ยก็เหมือนเปิดวิทยุ ที่พูดตลอดไม่หยุดพักเลย แทบจะอยากพูดระบายความอัดอั้นในใจตั้งแต่เด็กจนโตทั้งหมดออกมา ให้หลินหยุนฟังทีเดียวเลย

ส่วนหลินหยุนก็ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว นั่งฟังอย่างตั้งใจ บางครั้งก็พยักหน้า บางครั้งก็ส่งยิ้มให้ เพื่อแสดงความรู้สึกรับรู้

นับว่าเป็นผู้ฟังที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยทีเดียว

จนเวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว หลินโร่สุ่ยถึงกับพูดติดต่อกันสองชั่วโมงแล้ว จนกระทั่งรู้สึกคอแห้งจึงได้รู้ตัว

"โอ๊ย ฉันพูดมากไปหน่อยแล้ว คุณคงไม่รังเกียจที่ฉันขี้บ่นจู้จี้นะ?"

หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า "ไม่หรอก คุณพูดต่อไปสิ"

หลินโร่สุ่ยเอียงคอมองหน้าหลินหยุน ทันใดนั้นก็พูดด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่า "ฉันก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร พวกเราแค่เคยพบหน้ากันเพียงสองครั้งเท่านั้น แต่ว่าฉันกลับคิดอยากจะเล่าเรื่องในใจทุกอย่างให้คุณฟังทั้งหมดเลย"

"แม้แต่พ่อแม่และพี่สาวฉัน ฉันก็ไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้ให้พวกเขาฟังเลย"

หลินหยุนไม่พูดอะไร เขารู้ว่า ในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ ย่อมจะต้องมีสักคนหนึ่งที่พิเศษกว่าคนอื่น มีความรู้สึกที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป

ก็เหมือนกับเพื่อนรักของเขา ซูเย่นหนิง

หลินโร่สุ่ยก็ตบหน้าผากตัวเองอย่างกะทันหัน แล้วพูดว่า "โอ๊ยตายแล้ว มัวแต่ปรับทุกข์กับคุณจนลืมเรื่องสำคัญไปเลย"

"ที่ฉันไปบริษัทหวนตี้สาขาย่อยคราวนี้ แท้จริงแล้วก็เพียงแค่อยากให้พวกเขาช่วยโปรโมทบริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ของฉันหน่อย"

พอพูดถึงบริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ของฉัน เสียงของหลินโร่สุ่ยก็เบามากราวกับเสียงยุงบิน

"แน่นอน ฉันก็ไม่ใช่ให้พวกเขาช่วยฟรีๆ ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนให้พวกเขาด้วย"

"ฮึ่ม คิดไม่ถึงว่าไอ้เวรตะไลนั่นถึงกับกล้าดูถูกลวนลามฉัน!"

หลินหยุนถามว่า "คุณเปิดบริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เป็นของตัวเองแล้ว แต่ว่าทำไมต้องไปหาบริษัทหวนตี้ เพื่อให้เขาช่วยโปรโมทล่ะ ? คุณไม่เคยได้ยินหรือว่าคนอาชีพเดียวกันย่อมเป็นคู่แข่งกัน?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์