หลินโร่สุ่ยพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืน
“ขอโทษนะ ฉันคุยเรื่องในใจที่แย่ๆมากมายขนาดนั้น ต้องมีผลต่อสภาพจิตใจของคุณแน่เลย!”
“ขอบคุณมากที่คุณยอมรับฟัง หาคนมาระบายความอัดอั้นตันใจได้ ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจมากขึ้นมากเลย” หลินโร่สุ่ยยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย
หลินหยุนยิ้มอย่างเรียบๆ สายตาที่มองดูหลินโร่สุ่ยเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ไม่เป็นไร ขอให้คุณสบายใจก็พอแล้ว”
หลินโร่สุ่ยยิ้ม ดวงตาที่กลมโตสวยงามโค้งงอเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว “คนอย่างคุณนี่ถูกใจฉันจริงๆเลย คุณคงไม่ได้คิดมิดีมิร้ายกับฉันใช่มั๊ย?”
หลินหยุนพูดอย่างเชื่องช้าว่า “คุณคิดมากไปแล้ว”
สำหรับคำพูดที่ทำให้คนฟังแล้วตกใจบ่อยครั้งของหลินโร่สุ่ยนั้น หลินหยุนก็รู้สึกคุ้นชินมานานแล้ว
“เอาเถอะ งั้นฉันกลับก่อนแล้วล่ะ สองวันนี้ฉันยังต้องหาทางไปชักชวนคนเพิ่มเต็มให้มากขึ้น เพื่อจะทำให้งานพิธีเปิดบริษัทของฉันมีหน้ามีตามากยิ่งขึ้น”
“ต่อให้แพ้ ก็ไม่ควรแพ้จนดูน่าเกลียดมากเกินไป” หลินโร่สุ่ยสีหน้าเต็มไปด้วยความจนใจ
หลินหยุนพูดว่า “วางใจไปเถอะ คุณไม่แพ้หรอก”
“คุณไม่ต้องมาปลอบในฉันหรอก เวลาก็ผ่านมาตั้งนานหลายปีแล้ว ฉันก็คุ้นชินไปนานแล้วล่ะ” หลินโร่สุ่ยช่างรู้จักวิธีปลอบใจตัวเองดีเสียจริง
“เชื่อฉันสิ คราวนี้คุณจะต้องไม่แพ้” ในตัวของหลินหยุนเปล่งประกายความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งออกมา
หลินโร่สุ่ยอึ้งไปสักครู่ ไม่รู้ว่าหลินหยุนเอาความเชื่อมั่นในตัวเองที่แข็งแกร่งขนาดนั้นมาจากไหน ต่อให้หลินหยุนเป็นเพื่อนกับประธานหลันของบริษัทหวนตี้ก็จริง แต่ความสัมพันธ์ก็ยังไม่ได้สนิทกันมากเท่าไรนัก
หรือว่าเขายังสามารถเชิญประธานหลันมาได้หรืออย่างไร?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินโร่สุ่ยก็รีบส่ายหัวกับตัวเองก่อน ปฏิเสธความคิดเช่นนี้ไปเลย
ถึงแม้ว่าหลินโร่สุ่ยยังคงไม่เชื่อมั่นหลินหยุนเช่นเดิม แต่ว่า ก็ไม่อยากจะทำลายความเชื่อมั่นตัวเองของหลินหยุน
“พวกเรากลับกันเถอะ!”
“ได้!” หลินหยุนลุกขึ้นยืน ทั้งสองคนก็เดินออกไปข้างนอก
ในขณะที่เดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าร้านกาแฟนั้น ทันใดนั้นก็มีคนสองคนเดินตรงเข้ามา
หนึ่งในนั้นก็คือพี่สาวของหลินโร่สุ่ย หลินโร่หลันนั่นเอง
ข้างกายของหลินโร่หลันยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตามมาด้วย ดูไปแล้วหน้าตาก็ธรรมดา แต่ว่าบุคลิกท่าทางสุขุมหนักแน่นมาก ไม่เหมือนพวกลูกเศรษฐีที่มีท่าทางหยิ่งผยองไม่สำรวมเช่นนั้น
ชายหนุ่มคนนี้ หลินหยุนก็รู้จัก
เขาก็คือหวางเหวินหย่วนแห่งตระกูลหวางนั่นเอง
หลินโร่หลันก็มองเห็นหลินโร่สุ่ยและหลินหยุนแล้ว ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็จะจางหายไปทันที
“หลินโร่สุ่ย คำพูดที่ฉันเคยพูดกับแกไว้ ทำไมแกถึงลืมได้เร็วขนาดนี้?”
“ฉันไม่ให้แกไปคบกับคนแบบนี้ แกไม่ยอมเชื่อก็แล้วไป แต่แกถึงกับมานัดเดทกับเขาสองต่อสองเชียวเหรอ? แกจงใจที่จะยั่วโมโหฉันใช่ไหม?”
หลินโร่หลันมองหน้าหลินหยุน พูดด้วยสีหน้ารังเกียจว่า “เจ้าเด็กน้อย ฉันขอเตือนแกก่อนนะ อย่าคิดว่าน้องสาวฉันยังอ่อนหัดไม่ประสีประสา แกก็จะมาคิดหลอกลวงน้องสาวฉัน”
“คนอย่างแกฉันเห็นมามากแล้ว ตัวเองไม่มีปัญญา ก็คิดจะเกาะผู้หญิงกิน หลอกทั้งเงินหลอกทั้งตัว”
“ฉันขอเตือนให้แกล้มเลิกความคิดนี้ไปเสีย พวกเราเป็นคนที่อยู่กันคนละโลก แกเป็นแค่ยามรักษาความปลอดภัย ต่อให้ขยันต่อสู้ตลอดทั้งชีวิต ก็อย่าคิดมาทำให้น้องสาวฉันต้องแปดเปื้อนเลย”
หลินโร่สุ่ยรีบอธิบายว่า “พี่ พี่เข้าใจผิดแล้ว เขาไม่ใช่ยามรักษาความปลอดภัยนะ!”
หลินโร่หลันตะคอกด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “ไม่ใช่ยามรักษาความปลอดภัยแล้วเป็นอะไร? ไหนแกพูดมาซิ แกจะรู้ได้ยังไง? แกรู้จักเขาดีพอแล้วเหรอ?”
“แกไม่มีมันสมองคิดสักนิดเลย น่าเป็นห่วงเสียจริงเชียว!”
เมื่อถูกหลินโร่หลันพูดต่อว่าเป็นชุด หลินโร่สุ่ยก็ร้อนใจจนหน้าแดงไปหมด แต่ว่าพูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว
สำหรับหลินหยุนแล้วเธอยังรู้จักไม่ดีพอ มิหนำซ้ำฐานะและอาชีพของหลินหยุนเป็นอย่างไร เธอก็ยังไม่รู้เลย
แต่ว่า ขอเพียงเธอรู้ไว้อย่างเดียวก็พอแล้ว นั่นก็คือเมื่อได้พูดคุยกับหลินหยุนแล้ว ทำให้เธอมีความสุข
หลินโร่สุ่ยพูดประท้วงว่า “พี่ เวลาที่พี่มองคน อย่ามองแต่พื้นเพฐานะอาชีพเพียงอย่างเดียวจะได้มั๊ย หลินหยุนเป็นคนยังไงนั้น พี่ก็อย่าเอาสายตาที่มีอคติไปตัดสินเขาสิ”
“ถึงแม้ฉันไม่ได้รู้จักเขาดีพอ แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่า เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง”
หลินโร่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ตั้งแต่เล็กจนโต น้องสาวคนนี้ไม่เคยกล้าที่จะพูดเถียงเธอเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...