ผู้จัดการจางและประธานเหยียนที่ถูกไล่ออกไปแล้วนั้น ถึงกับยุแยงรองประธานหลิวของสำนักงานใหญ่หัวหยา กรุ๊ป ออกหน้ามาช่วยแก้ปัญหาให้กับพวกเขา
ถ้าพูดถึงอำนาจสิทธิ์ขาดแล้ว ถึงแม้บริษัทหวนตี้จะขึ้นอยู่กับหัวหยา กรุ๊ปก็จริง แต่ในบริษัทหวนตี้นั้น ประธานที่แท้จริงก็ยังเป็นหลันโร่หลิน
รองประธานหลิวถึงแม้มีตำแหน่งสูงกว่าหลันโร่หลินอยู่ระดับหนึ่งก็จริง แต่ว่าถ้าอยู่ในบริษัทหวนตี้แล้ว เขายังไม่มีอำนาจสิทธิ์ขาดอะไรเลย
แต่ว่า อย่างน้อยหลันโร่หลินก็เพิ่งจะมารับตำแหน่งใหม่ได้ไม่นานนัก ยังไม่ทันได้สร้างทีมงานของตัวเองขึ้นมาเลย
ดังนั้น ถ้าหากรองประธานหลิวจะมาหาเรื่องกะทันหันเช่นนี้ อีกทั้งยังมีประธานเหยียนและผู้จัดการจางทั้งสองคนนี้คอยสนับสนุนอยู่ข้างๆด้วยแล้ว หลันโร่หลินคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาจริงๆ
ถึงแม้หลินหยุนเป็นเจ้านายใหญ่ของหัวหยา กรุ๊ปก็จริง แต่เขาก็แค่รับช่วงถือหุ้นทั้งหมดที่มีของนายท่านเสี้ยงมาเท่านั้นเอง
ส่วนรองประธานหลิวคนนี้ อยู่ในหัวหยา กรุ๊ป ก็ยังถือหุ้นอยู่ในมืออีกด้วย เพียงแต่มีจำนวนหุ้นที่ถืออยู่สู้ของหลินหยุนไม่ได้เท่านั้นเอง
เป็นเพราะสาเหตุเช่นนี้ รองประธานหลิวจึงกล้าที่จะมาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ที่บริษัทหวนตี้
ถ้าหากหลินหยุนยังไม่ปรากฏตัวแล้ว ต่อให้เป็นทีมงานบริหารมืออาชีพของจ้าวซูเหาก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น รองประธานหลิวก็แต่งองค์ทรงเครื่องหวีผมเรียบจนเงาแวววับ ใส่ชุดสูทสีขาวทั้งตัว ภายใต้การนำทางของประธานเหยียนและผู้จัดการจางทั้งสองคนนี้ ก็ได้มาถึงบริษัทหวนตี้สาขาย่อยจงโจวแล้ว
ยามรักษาความปลอดภัยเมื่อเห็นประธานเหยียนและผู้จัดการจางมาถึง ก็ระแวดระวังภัยเต็มที่ทันที
“หยุดนะ พวกคุณไม่ใช่พนักงานของบริษัทอีกต่อไปแล้ว มาที่นี่ทำอะไร?” ยามรักษาความปลอดภัยตะคอกถาม
ผู้จัดการจางตะโกนด่าทอว่า “พวกแกใจกล้ามากเลยนะ กล้าพูดจาอย่างนี้กับฉัน! ฉันจะบอกพวกแกให้นะ วันนี้พวกฉันกลับมา ก็เพื่อที่จะจัดการกับหลันโร่หลิน รอให้พวกฉันได้กลับมาทำงานใหม่ก่อน แล้วฉันจะจัดการพวกแกเป็นอันดับแรกเลย!”
ยามรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนก็ถูกข่มขู่จนตกใจกลัว รีบอ่อนข้อลงไปทันที
ผู้จัดการจางเห็นเช่นนั้นแล้ว ก็พูดเยาะเย้ยว่า “รู้ไหมว่าคนข้างหลังฉันคนนี้เป็นใคร?”
“นี่คือประธานสำนักงานใหญ่หัวหยา กรุ๊ป ท่านประธานหลิว!”
“ยังไม่รีบทำความเคารพอีก!”
ยามรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนไม่ได้รู้จักประธานหลิวอะไรเลย แต่ว่าในเมื่อผู้จัดการจางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจเช่นนั้น คิดดูแล้วไม่น่าจะเป็นตัวปลอม
“สวัสดีครับ! ท่านประธานหลิว”
ยามรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนก็รีบยืนตรงทำความเคารพ
“ค่อยยังชั่วหน่อย” ผู้จัดการจางพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ
จากนั้นก็หันหลังกลับไป พูดกับประธานหลิวด้วยสีหน้าประจบเอาใจว่า “ประธานหลิว เชิญท่านก่อนครับ!”
รองประธานหลิวเดินเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง แล้วค่อยๆเดินตรงไปยังลิฟต์
ยามรักษาความปลอดภัยก็รีบกระซิบบอกพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ว่า “รีบโทรศัพท์ไปบอกผู้จัดการหลันเร็ว”
หลันโร่หลินกำลังตรวจดูบัญชีของบริษัทย่อยอยู่ภายในห้องทำงาน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หลังจากรับสายโทรศัพท์แล้ว หลันโร่หลินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ประธานหลิว? หรือว่าจะเป็นรองประธานหลิวของสำนักงานใหญ่หัวหยา กรุ๊ป?”
“ได้ ฉันรู้แล้ว”
เพิ่งจะวางหูโทรศัพท์ลง ประตูของห้องทำงานก็ถูกผลักออกอย่างแรงทันที ประธานเหยียนและผู้จัดการจางรวมทั้งรองประธานหลิว ก็ก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้องทำงาน
“ประธานหลันครับ นึกไม่ถึงล่ะสิ พวกเราก็ได้มาพบหน้าอีกครั้งเร็วขนาดนี้” ผู้จัดการจางพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
หลันโร่หลินไม่ได้ไปสนใจเขา แต่สายตาหยุดมองไปที่ตัวของรองประธานหลิวที่ยืนยิ้มอยู่
“ท่านก็คือรองประธานหลิวเหรอคะ?” หลันโร่หลินก็เคยได้เห็นหน้ารองประธานหลิวเพียงครั้งหนึ่งในที่การประชุมของสำนักงานใหญ่เท่านั้น จึงไม่ค่อยแน่ใจนัก
รองประธานหลิวยิ้มอย่างเสแสร้งแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าประธานหลันยังจำผมได้ ผมคิดว่าตัวเองเป็นแค่รองประธาน คงถูกคนอื่นลืมไปหมดแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...