เมื่อเห็นหลินหยุนไม่พูดไม่จา หลินโล่เฉินก็คิดว่าหลินหยุนคงตกใจกลัวในคำพูดของเขาแล้ว
ในใจส่วนลึกของหลินโล่เฉินก็ยิ่งรู้สึกดูถูกหลินหยุนมากขึ้น ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเพราะหลินหยุนอาศัยคารมหลอกล่อให้หวางซูเฟินเชื่อใจ โดยใช้จุดอ่อนช่องโหว่ที่หวางซูเฟินคิดถึงลูกชาย
จึงทำให้หวางซูเฟินยอมรับเขาเป็นลูกบุญธรรม
“เห็นทีจะต้องหาโอกาสไปคุยกับอาสะใภ้หวางเสียแล้ว คนแบบนี้จะไปยอมรับเป็นลูกบุญธรรมได้ยังไงกัน? ด้วยนิสัยใจคอของเขาแล้ว ต่อไปก็จะทำให้ตระกูลหลินต้องพบกับหายนะอย่างแน่นอน”
ท่าทางที่หลินหยุนเคยข่มเหงเจี่ยงเฉิงนั้น ทำให้หลินโล่เฉินมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อหลินหยุนมาโดยตลอด ดังนั้นตอนนี้ไม่ว่าหลินหยุนจะทำอะไรก็ตาม เขาก็เห็นหลินหยุนขัดหูขัดตาไปหมด
เมื่อหลินหยุนไม่พูดจาอะไร หลินโล่เฉินก็เลยไม่ไปตอแยกับเขาอีกต่อไป
ขณะนี้เอง เวทีที่อยู่ด้านหน้า มีชายหนุ่มในชุดทักซิโด้สีขาวคนหนึ่ง หยิบไมโครโฟนขึ้นมา แล้วพูดเสียงดังฟังชัดว่า “สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกคน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกคุณมาในร่วมงานสังสรรค์ยอดอัจฉริยะในครั้งนี้!”
“คนแซ่โห้ ต้องขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจกับทุกคนในที่นี้ด้วย!”
คนนี้ก็น่าจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลโห้ โห้ตงหมิง ทายาทตระกูลโห้แห่งเมืองซ่างเจียง ผู้ริเริ่มจัดงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะ
ภายในห้องโถงใหญ่ ก็ค่อยๆเงียบสงบลง
ฐานะตำแหน่งทางสังคมของโห้ตงหมิงนั้น ในตอนนี้นับว่าสูงสุดในบรรดาคนพวกนี้แล้ว
อย่างน้อย อำนาจบารมีของตระกูลโห้ที่แสดงออกมานั้น ก็แข็งแกร่งกว่าตระกูลหลินแห่งอูซูระดับหนึ่งแล้ว
โห้ตงหมิงพูดจบ ห้องโถงใหญ่ก็ดังก้องไปด้วยเสียงตบมือ
เมื่อเสียงตบมือหยุดลง โห้ตงหมิงจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “งานเลี้ยงยอดอัจฉริยะครั้งนี้ ก็ยังคงทำตามกฎกติกามารยาทเดิม ทุกคนสามารถที่จะปลดปล่อยอิสระอย่างเต็มที่ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้น ก็ขอให้ผมเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด!”
“ดี”
“คุณชายโห้ใจถึงจริงๆเลย!”
ภายในห้องโถงใหญ่ก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องดังกึกก้องไปทั่ว
ถึงแม้คนที่สามารถเข้ามาในนี้ได้ ต่างก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองก็ตาม แต่ว่าถ้าหากมีใครสักคนเป็นเจ้ามือเลี้ยงละก็ ย่อมต้องได้รับเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจากทุกคนเป็นธรรมดา
หลินโล่เฉินถอนหายใจเฮือก “ตระกูลโห้ร่ำรวยใจใหญ่จริงๆ จัดงานคราวนี้ คงต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย โห้วตงหมิงถึงกับไม่ขมวดคิ้วเลยแม้แต่นิดเดียว”
ถึงแม้ว่าหลินโล่เฉินเข้าใจดีว่า ผลประโยชน์ที่เกิดจากการจัดงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะของโห้ตงหมิงนั้น มันไม่ใช่เรื่องของเงินทองที่จะสามารถคำนวณออกมาได้
แต่ว่า ก็ต้องเหมาสถานที่ทั้งหมด แล้วยังต้องเลี้ยงแขกเหรื่ออีก ค่าใช้จ่ายคราวนี้ก็คงมโหฬารอย่างแน่นอน
เด็กหนุ่มตระกูลหลินที่มาร่วมงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะเป็นครั้งแรกคนหนึ่ง ถามด้วยความสงสัยว่า “กฎกติกามารยาทเดิมของงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะคืออะไรเหรอ? มีอะไรที่จะเป็นข้อห้ามบ้างล่ะ?”
หลินเห้าหัวเราะแฮ่ๆ “กฎกติกามารยาทเดิมก็คือไม่มีกฎกติกาอะไร เพียงแต่คุณอย่าได้ก่อความวุ่นวายก็พอแล้ว เรื่องอย่างอื่นก็แล้วแต่คุณเลย”
“กฎกติกานี้ดีจริงๆเลย!”
เดิมทีการจัดงานสังสรรค์ยอดอัจฉริยะก็เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมให้ทุกคนได้มีความสะดวกสบายในการพบปะสังสรรค์ จึงไม่ต้องใช้กฎกติกาอะไรมาควบคุมเลย
นี่ก็เป็นความล้ำเลิศอย่างหนึ่งของโห่ตงหมิง
อยู่ที่นี่ สามารถที่จะดื่มกินได้เต็มที่ แล้วยังสามารถคบหาสมาคมกับพวกลูกหลานตระกูลใหญ่อีกด้วย ชื่อเสียงของงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะ จึงร่ำลือไปทั่วจนเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
โห่ตงหมิงก็ใจกว้างมาก พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมก็ไม่ขอพูดเรื่องไร้สาระแล้ว ทุกคนเชิญตามสบายเลยครับ!”
หลินโล่เฉินหันไปมองพวกลูกหลานตระกูลหลินทั้งหลาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า “ถึงแม้ที่นี่ไม่มีกฎกติกาอะไรก็จริง แต่ว่าตอนที่ทุกคนสนุกสนานนั้น ก็ขอให้รักษาภาพลักษณ์ของตระกูลหลินพวกเราไว้ด้วย”
“พี่โล่เฉินวางใจเถอะ พวกเราจะไม่ทำให้ตระกูลหลินต้องเสียหน้าอย่างแน่นอน” หลินเห้าพูดให้สัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“งั้นก็ดีแล้ว ทุกคนไปสนุกสนานกันเถอะ!” หลินโล่เฉินพูด
กลุ่มคนตระกูลหลินทั้งหมด ก็ตะโกนโห่ร้องขึ้นมาทันที แล้วต่างคนต่างก็สลายตัวกันไป
หลินโร่สุ่ยพูดกับหลินหยุนว่า “พวกเราจะไปไหนกันดี? ฉันก็มาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่รู้ที่นี่มีอะไรน่าสนุกบ้าง?”
“งั้นก็ไปเดินดูรอบๆก่อนเถอะ!” หลินหยุนพูด
“ได้”
หลินโร่สุ่ยทั้งสองคนก็เดินตรงไปยังแหล่งบันเทิงที่อยู่ชั้นล่าง
คลับเทียนหยาสมแล้วที่เป็นศูนย์รวมแหล่งบันเทิงระดับชั้นนำของเมืองซ่างเจียง ภายในสถานบันเทิงมีเครื่องเล่นอยู่มากมายหลากหลายทีเดียว
ยิงปืน เกมคอมพิวเตอร์ กอล์ฟ การพนันต่างๆ เป็นต้น
หลินโร่สุ่ยพูดด้วยความโกรธว่า “ใครเป็นคู่หมั้นคุณ? งานหมั้นระหว่างเราสองคนก็ถูกคุณยกเลิกไปแล้ว ตอนนี้ฉันกับคุณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว!”
หลิ่วจื่อเฉิงหัวเราะแฮๆ “เรื่องนั้นผมก็แค่ล้อเล่น คู่หมั้นที่ดีอย่างคุณ ผมจะไปยกเลิกงานหมั้นได้ยังไงล่ะ!”
หลินโร่สุ่ยพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “เมื่อก่อนคุณบอกว่าฉันเป็นแค่เศษสวะ บอกว่าฉันไม่คู่ควรกับคุณ แล้วยังยกเลิกงานหมั่นด้วยตัวเอง ตอนนี้คุณกลับมาบอกว่าเป็นการล้อเล่นเหรอ? คุณยังมียางอายอยู่อีกหรือเปล่า?”
หลินหยุนพอนึกออกมาได้บ้างแล้ว เมื่อตอนเด็กหลินโร่สุ่ยเคยได้หมั้นหมายจริง แต่นั่นเป็นการตัดสินใจของปู่หลินโร่สุ่ย
อีกฝ่ายหนึ่งดูเหมือนจะเป็นลูกชายคนเล็กของนายท่านหลิ่วแห่งอูซู
แต่ว่า เมื่อชาติที่แล้วหลินโร่สุ่ยและหลินหยุน ก็เป็นคนที่ถูกดูถูกดูแคลนจากคนตระกูลหลินมาโดยตลอด ขึ้นชื่อว่าเป็นเศษสวะทั้งสามของตระกูลหลิน พวกเขาก็เป็นสองในจำนวนนั้นแล้ว
ดังนั้น ลูกชายคนเล็กของนายท่านหลิ่วจึงได้ปฏิเสธการหมั้นหมายครั้งนี้
บอกว่าเป็นการต่อต้านการแต่งงานแบบคลุมถุงชน เขาต้องการความรักที่อิสรเสรี
แท้ที่จริงแล้ว ก็คือรังเกียจที่หลินโร่สุ่ยไม่มีความสามารถมากกว่า
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นหลินโร่หลันแล้ว หลิ่วจื่อเฉิงไม่มีทางที่จะยกเลิกงานหมั้นอย่างแน่นอน
ตอนนี้ หลิ่วจื่อเฉิงมาหาหลินโร่สุ่ยถึงที่นี่อย่างกะทันหันเช่นนี้ ดูเหมือนว่าอยากจะขอคืนดีด้วย ก็คาดเดาได้ว่าคงเป็นเพราะได้ข่าวเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเปิดตัวบริษัทของหลินโร่สุ่ยไม่กี่วันก่อนนั้น
เศษสวะอย่างหลินโร่สุ่ยนั้น หลิ่วจื่อเฉิงคงไม่อยากได้แน่นอน แต่ว่าถ้าเป็นหลินโร่สุ่ยที่เป็นอัจฉริยะแล้วล่ะก็ หลิ่วจื่อเฉิงจะปฏิเสธได้ยังไง!
หลิ่วจื่อเฉิงไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว ยังคงทำหน้าทะเล้นแล้วพูดต่อไปว่า “ขอเพียงแต่ให้คุณหายโกรธผม ผมจะมียางอายหรือไม่ก็ไม่เป็นไร”
หลินโร่สุ่ยโกรธจนแทบจะไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูดแล้ว “คุณนี่ ไร้ยางอาย!”
“ฉันก็มียางอยู่นะ!” หลิ่วจื่อเฉิงชี้ไปบนใบหน้าตัวเอง
“คุณวุ่นวายตื๊อไม่เลิก!” หลินโร่สุ่ยรู้สึกหมดหนทางที่จะรับมือได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าหลิ่วจื่อเฉิงเตรียมตัวมาอย่างดี
“หลินหยุน พวกเราไปกันเถอะ!” หลินโร่สุ่ยตัดสินใจหลบหน้าหลิ่วจื่อเฉิง
น้ำที่ใสบริสุทธิ์เกินไปปลาย่อมไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ คนที่จิตใจคับแคบเกินไปก็ย่อมไม่มีใครอยากอยู่เคียงข้างเป็นธรรมดา
“จะไปไหนกันล่ะ?” หลิ่วจื่อเฉิงยื่นมือไปขวางหลินโร่สุ่ยไว้ “ผมได้ยินข่าวว่าคุณมาในงานเลี้ยงยอดอัจฉริยะ อุตส่าห์เดินทางมาจากแดนไกลเพื่อมาหาคุณ คุณทำอย่างนี้กับผมได้ยังไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...