หลินหยุนซาบซึ้งปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก
หวางซูเฟินสามารถที่จะทำเพื่อบุตรบุญธรรมที่เพิ่งรับมาได้ไม่นาน โดยยอมสละแรงกายแรงใจมากขนาดนี้ เพื่อให้ได้การยอมรับจากเจ้าบ้านตระกูลหลิน
นั่นแสดงว่า ในใจของหวางซูเฟินแทบจะคิดว่าหลินหยุนเหมือนกับเป็นลูกชายแท้ ๆ ของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้จึงสามารถคาดเดาได้เลยว่า หลายปีมานี้หวางซูเฟินคิดถึงลูกชาย มากมายถึงระดับไหนแล้ว
หลินหยุนละอายใจอยู่บ้าง ถึงขนาดมีความไหวหวั่นเล็กน้อย ที่คิดจะยอมรับตามจริงว่าตนเองก็คือลูกชายแท้ ๆ ที่พลัดพรากจากหวางซูเฟินไปนานหลายปี
แต่ว่า สติสัมปชัญญะบอกกับหลินหยุนว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา อีกทั้งถ้าหากเขายอมรับออกมาแล้ว หวางซูเฟินกับหลินตงหัวอาจจะไม่เชื่อก็เป็นได้
หลินตงหัวพูดขึ้นว่า: “เตรียมพร้อมเสร็จกันแล้วใช่ไหม? หากพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเถอะ! ”
“อืม” หวางซูเฟินพยักหน้า
จากนั้น ทั้งสี่คน ก็เดินทางจากจงโจวไปยังอูซู
ในอูซูนั้นตระกูลหลิน ถือว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ มีแบ่งแยกออกเป็นหลายสาขา ในช่วงปีใหม่ของทุกปี คนของตระกูลหลินในแต่ละสาขา ต่างก็กลับมาคฤหาสน์ตระกูลหลินในอูซูเพื่อร่วมฉลองข้ามปี หรือที่เรียกว่างานเลี้ยงปีใหม่ตระกูลหลิน
แม้ว่าต่างก็เป็นคนตระกูลหลิน แต่ว่า สถานที่ที่มีคนก็จะต้องมีสังคมมีสถานะแตกต่างกันออกไป
เมื่อเหล่าญาติพี่น้องมารวมตัวกัน ก็จะมีการเปรียบเทียบซึ่งกันและกันซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ขาดไม่ได้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ แต่ละคนต่างก็มีคนที่รังเกียจไม่ชอบพอ และก็มีคนที่ต้องการจะประจบเอาใจ ดังนั้น งานเลี้ยงปีใหม่ตระกูลหลินทุกครั้ง ก็จะกลายเป็น งานเลี้ยงพบปะที่ญาติพี่น้องมีการเปรียบเทียบซึ่งกันและกัน และมีการตีสนิทสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
หลังจากที่หลินหยุนและคนอื่น ๆ มาถึงที่ตระกูลหลินแล้ว ก็ถูกหลินตงถิงลูกชายคนโตของตระกูลหลินที่เป็นผู้รับผิดชอบจัดการเรื่องราวภายในตระกูล ซึ่งก็คือพ่อของหลินโล่เฉิน จัดแจงให้ไปพักอยู่ที่ตึกอาคารหลังหนึ่ง
เจ้าบ้านหลินซื่อเฉิง ซึ่งก็คือคุณปู่ของหลินหยุน เวลานี้ได้ล่วงหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลินเพื่อเตรียมการก่อนแล้ว ดังนั้นตระกูลหลินที่อูซู ก็มีหลินตงถิงลูกชายคนโตเป็นคนคอยจัดการดูแล
หวางซูเฟินกับหลินตงหัวต่างก็เคยชินแล้ว งานเลี้ยงตระกูลหลินในทุกปีก็จะมีขั้นตอนในลักษณะนี้
หวางซูเฟินอธิบายให้หลินหยุนฟังเป็นพิเศษ โดยหลินหยุนก็ตั้งใจฟังอย่างสงบ ที่จริงแล้ว หลินหยุน ก็ทราบมาก่อนแล้วถึงขั้นตอนในลักษณะนี้
หลินหยุนพักอยู่ที่นี่กับคนในครอบครัวเป็นเวลาสองวัน โดยที่ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน
ในระหว่างนั้น หลินโร่สุ่ยได้มาหาหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละวันได้แวะมาที่นี่เพื่อเที่ยวเล่นกับพวกหลินหยุนจนมืดค่ำถึงจะกลับบ้าน
หวางซูเฟินกับหลินตงหัวก็ค่อนข้างชื่นชอบในตัวของหลินโร่สุ่ยที่เป็นหญิงสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ถึงขนาดที่ว่าหวางซูเฟินยังรู้สึกเสียดาย หากว่าฉินหลันไม่อยู่ที่นี่ ก็คงจะพิจารณาแนะนำหลินโร่สุ่ยให้กับหลินหยุนแล้ว
เพียงคำพูดเดียวถึงกับทำให้ฉินหลันหน้าตาแดงก่ำขั้นเลยทีเดียว
ส่วนหลินหยุนเองไม่เป็นอะไร เพราะว่าเขาเป็นคนชราที่ดำรงชีวิตมาหลายร้อยปีแล้ว หนังหน้าค่อนข้างที่จะหนาอยู่พอสมควร
ประเดี๋ยวเดียวก็ถึงวันที่ยี่สิบแปดเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติแล้ว
ในช่วงเช้าของวันนี้ หลินหยุนกับครอบครัวทั้งสี่คน กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก ทันใดนั้นหลินเห้าก็มาถึง
เมื่อเห็นหลินเห้า สีหน้าของหวางซูเฟินก็เย็นชาขึ้น ฉินหลันไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก ส่วนหลินหยุนก็มีสีหน้าท่าทางที่เฉยชา
หลินตงหัวในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส แม้ว่าในใจจะไม่ชื่นชอบหลินเห้า แต่ว่า ก็ยังคงให้เกียรติกันอยู่
“เสี่ยวเห้าล่ะสิ มีธุระอะไร? ”
หลินเห้าใช้สายตาอันหยิ่งยโสมองไปที่หลินหยุน พร้อมกับเผยท่าทางที่เหยียดหยามออกมา
“คุณลุงหลิน คุณป้าหวาง คุณลุงตงถิงให้ฉันมาบอกกับทุกคนว่า วันนี้ตอนเที่ยงทุกคนรวมตัวกัน แล้วตอนบ่ายเดินทางกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน”
“ตกลง เสี่ยวเห้าจะเข้ามาดื่มน้ำชาก่อนไหมล่ะ? ” หลินตงหัวถามขึ้นด้วยความยิ้มแย้ม
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะต้องไปบอกกับคนอื่นให้รับทราบอีก! ” หลินเห้าพูดจบ ก็หันหลังเดินจากไป ด้วยท่าทางที่หยิ่งยโส
“ฮึ ไอ้เด็กคนนี้ นี่คือท่าทางที่ใช้ปฏิบัติต่อผู้ใหญ่อย่างนั้นเหรอ? ” แม้ว่าหวางซูเฟินจะเคยชินกับลักษณะท่าทางของคนตระกูลหลินที่ปฏิบัติกับเธอแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องตะโกนด่าด้วยความโมโห
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...