คฤหาสน์ตระกูลหลิน สร้างขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน คือสถานที่กำเนิดตระกูลหลิน
เดิมที เป็นเพียงแค่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตอนนี้ได้ผ่านการบูรณะซ่อมบำรุงมาหลายครั้ง จนกลายเป็นคฤหาสน์ที่โดดเด่นหลังหนึ่ง
เจ้าบ้านหลินซื่อเฉิง ได้พาผู้บริหารระดับสูงของตระกูลหลินบางส่วน ล่วงหน้ากลับไปที่คฤหาสน์ก่อนเพื่อเตรียมงาน
ตอนนี้ คฤหาสน์ตระกูลหลินประดับด้วยโคมไฟและตกแต่งด้วยผ้าไหมหลากสีสัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่นเบิกบานใจ
หลินตงถิงกับคนตระกูลหลินทั้งหมด เมื่อคืนวานได้ออกเดินทางจากตระกูลหลินที่อูซูมาถึงคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว
วันนี้ตอนเช้า ทุกคนต่างก็สลับหมุนเวียนกันมาเข้าเยี่ยมคารวะนายท่านหลินซื่อเฉิง
หลินหยุนได้ติดตามพ่อแม่มา แล้วพบกับคุณปู่ของตนที่ห้องรับแขก
เวลาล่วงเลยไปกว่าแปดร้อยปี จนได้มาพบกับคุณปู่ที่รักและเอ็นดูเขาอีกครั้ง หลินหยุนรู้สึกเหมือนว่าเป็นภาพลวงตาที่อยู่ในอีกโลกหนึ่ง
หลินซื่อเฉิงมีลักษณะท่าทางที่ใจดีมีเมตตาเหมือนกับความทรงจำของหลินหยุน แต่ว่าหลินซื่อเฉิงในตอนนี้จะดูหนุ่มกว่าในความทรงจำของหลินหยุนบ้างเล็กน้อย
วันนี้ ทุกคนเพียงแค่มาเข้าเยี่ยมคารวะผู้อาวุโสตระกูลหลินก่อนล่วงหน้า เพื่อพบปะพูดคุย สนทนาจิปาถะ
หลินหยุนก็ได้พบเห็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคยจำนวนมาก และยังมีพี่น้องที่มีมิตรภาพที่ดีกับเขาอีกหลายคน
แต่ว่า ตอนนี้หลินหยุนยังไม่สามารถที่จะไปทักทายกับพวกเขาได้ เพราะว่าตอนนี้สถานะของเขายังเป็นแค่คนนอก
หลินโล่เฉินกับหลินเห้าและคนอื่น ๆ ยังคงไม่ได้หาเรื่องกับหลินหยุน ซึ่งไม่รู้ว่าจะอดทนไปถึงเมื่อไหร่กัน
ปัจจุบันตระกูลหลินมีผู้อาวุโสที่มีความอาวุโสที่สุดอยู่ห้าท่าน ล้วนเป็นพี่น้องของหลินซื่อเฉิง
ทุกคนของตระกูลหลินในตอนนี้ โดยส่วนใหญ่ต่างก็เป็นลูกหลานของผู้อาวุโสทั้งห้าท่านนี้
วันนี้พูดคุยกันในเรื่องจิปาถะ ไม่พูดคุยเรื่องที่เป็นทางการ
ขณะอยู่ต่อหน้าของผู้อาวุโสทั้งห้าท่าน ทุกคนต่างก็รักใคร่ปรองดองกันเป็นอย่างดี
แต่ว่า ครอบครัวของหลินตงหัวก็ยังคงถูกปล่อยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นเคย
หวางซูเฟินได้หาโอกาส พาหลินหยุนมายังด้านหน้าของหลินซื่อเฉิง
“ท่านพ่อ เขาก็คือหลินหยุน”
“หลินหยุน เรียกคุณปู่สิ! ”
“คุณปู่! ” น้ำเสียงของหลินหยุนแฝงไปด้วยความสั่นไหวที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้
หลินซื่อเฉิงเองก็สังเกตไม่เห็น โดยมองไปที่หลินหยุน แล้วพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม: “ไม่เลวทีเดียว! ”
หลินหยุนสามารถรับรู้ได้ว่า คำพูดของหลินซื่อเฉิงไม่ได้เป็นแบบขอไปที แต่เห็นว่าหลินหยุนไม่เลวจริง ๆ
ดูเหมือนว่า ในใจของหลินซื่อเฉิง น่าจะยอมรับในตัวของหลินหยุนแล้ว
หวางซูเฟินได้แสดงท่าทางดีอกดีใจขึ้น: “ขอบคุณท่านพ่อ! ”
หลินตงถิงที่อยู่ด้านข้าง กลับขมวดคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะว่าวันนี้ไม่พูดคุยเรื่องทางการ
ช่วงกี่วันนี้ กล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวของหลินตงหัวอยู่กันอย่างสุขสบายที่สุด
แม้ว่า ครอบครัวของพวกเขาจะยังคงถูกคนของตระกูลส่วนใหญ่ปล่อยให้อยู่อย่างโดดเดียว แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกผู้อาวุโสเหล่านี้ พวกคนเหล่านั้นก็ไม่กล้าจะทำอะไรที่เกินเลย
ดังนั้น ช่วงกี่วันนี้ก่อนที่จะถึงงานเลี้ยงปีใหม่ ต่างก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวของหลินตงหัวมีความสุขสบายใจอย่างที่สุด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มาถึงวันตรุษจีนแล้ว
งานเลี้ยงปีใหม่ตระกูลหลิน ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
ท่ามกลางเสียงกลองและเสียงฆ้อง ผู้อาวุโสตระกูลหลินทั้งห้าท่าน ต่างก็อยู่ในชุดคลุมยาวสีแดงที่เป็นมงคล และนั่งรวมกันอยู่ที่ห้องโถง
ด้านนอกประตู ทุกคนของตระกูลหลินกำลังยืนเข้าแถวเพื่อรอเข้าอวยพรวันปีใหม่ต่อผู้อาวุโสทั้ง ห้าท่าน
ทุกคนเข้าสู่ภายในห้องโถงตามลำดับ เพื่ออวยพรปีใหม่ให้กับผู้อาวุโสทั้งห้าท่าน
จากนั้น ก็นั่งลงที่ในห้องโถง
แน่นอนว่า ห้องรับแขกของคฤหาสน์ตระกูลหลิน ได้ผ่านการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพียงพอที่จะให้คนตระกูลหลินที่มีจำนวนมากขนาดนี้ มีที่นั่งกันครบทุกคน
การจัดลำดับที่นั่ง ก็ค่อนข้างพิถีพิถัน ไม่ใช่จัดตามระดับความสามารถ แต่จัดลำดับตามความใกล้ชิดและห่างไกลกันทางสายเลือด
หลินตงหัวเป็นลูกชายคนรองของนายท่านหลินซื่อเฉิง นั่งอยู่ติดกับหลินตงถิง
จนกว่าทุกคนจะนั่งลงกันเรียบร้อย ก็ใช้เวลาไปกว่าสองชั่วโมง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...