หลินโร่หลันเดินกลับไปที่นั่งของตัวเอง สีหน้าบูดบึ้งทันที
สวี่เหม่ยเย้นถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? เจ้าเด็กนั่นพูดอะไรกับลูกเหรอ?”
หลินโร่หลันกำหมัดไว้แน่น พูดด้วยความโกรธแค้นว่า “เขาทำเหมือนลูกไม่มีตัวตนเลย”
สวี่เหม่ยเย้นรู้สึกโกรธมาก “ฮื่อ เจ้าเด็กนี่เหิมเกริมเกินไปแล้ว! เขานึกว่าตัวเองถือหุ้นในน้ำแห่งชีวิต แล้วก็รู้สึกตัวเองเจ๋งมาก.......”
พูดไปพูดมา สวี่เหม่ยเย้นเองก็พูดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
มีหุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ในน้ำแห่งชีวิต มันย่อมต้องเจ๋งเป็นธรรมดา ไม่เช่นนั้นหลินโร่หลันก็ไม่ถึงกับต้องลงทุนไปขอโทษหลินหยุนด้วยตัวเองเช่นนี้ แม้กระทั่งถูกหลินหยุนหยามเกียรติ ก็ยังไม่ยอมรามืออีก
“ฮื่อ โร่หลันไม่ต้องใจร้อน นี่เป็นแค่การประเมินผลงานตระกูลเท่านั้น ก็ปล่อยให้เจ้าเด็กนั้นได้ใจไปก่อน ต่อจากนี้ไป พวกเราจะแข่งกันทางเครือข่ายความสัมพันธ์ ด้วยความสามารถของหลินตงหัวแล้ว ปีนี้เขาจะต้องรั้งท้ายอย่างแน่นอน ต่อให้เจ้าเด็กนั่นเก่งกาจไม่ธรรมดายังไงก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางจะช่วยให้หลินตงหัวพลิกเกมกลับมาได้หรอก”
สวี่เหม่ยเย้นสีพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
หลินโร่หลันไม่ได้พูดอะไร สายตายังคงจ้องไปยังหลินหยุน โดยไม่ละสายตาเลย
นายท่านหลินซื่อเฉิงก็ยืนขึ้นมาพูดว่า “ทุกคนโปรดเงียบสักครู่!”
หลังจากนั้น สายตาของเขาก็หันไปมองผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสอง “ตอนนี้ประกาศผลได้แล้วหรือยัง?”
ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองพยักหน้า “ได้แล้วครับ”
หลินซื่อเฉิงพูดว่า “ถ้างั้นก็ประกาศผลเลยสิ!”
ทันใดนั้นภายในห้องโถงใหญ่ก็เงียบสงัด จนแม้แต่เข็มสักเล่มตกลงพื้นก็ยังได้ยิน
สายตาของผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองก็กวาดไปยังลูกหลานที่เข้าร่วมประเมินผลงานทั้งหลาย พร้อมด้วยส่งเสียงประกาศ
“ฉันขอประกาศว่า คนที่ได้ที่หนึ่งในการประเมินผลงานของตระกูลครั้งนี้ได้แก่ หลินหยุน!”
“ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น ไม่สามารถประเมินค่าได้!”
ในใจทุกคนต่างก็รู้สึกช็อกอีกครั้งหนึ่ง
ตามประวัติการประเมินผลงานของตระกูลที่ผ่านมาทุกครั้ง ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดก็ไม่เกินแปดสิบเท่าซึ่งเป็นสถิติของหลินเหยียนอัจฉริยะสุดยอดของตระกูลหลินที่ทำไว้เมื่อห้าสิบปีที่แล้ว
แต่ว่า ตอนนี้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นของหลินหยุนนั้น ไม่ใช่หนึ่งพันเท่า และไม่ใช่หนึ่งหมื่นเท่า แต่เป็นไม่สามารถประเมินค่าได้!
นี่คือผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาตั้งแต่ที่ตระกูลหลินเริ่มใช้ระบบประเมินผลงานของตระกูล นับว่าเป็นผลงานสุดยอดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย
“ด้วยความแข็งแกร่งของน้ำแห่งชีวิตแล้ว ทรัพย์สินที่สามารถหามาได้ก็ไม่สามารถจะคาดคะเนออกมาได้ ดังนั้นผลงานของหลินหยุนก็ไม่สามารถประเมินค่าได้เช่นกัน!”
ผู้คนตระกูลหลินทั้งหลาย ต่างก็รู้สึกช็อกและอิจฉา
ผู้ตรวจสอบอาวุโสอ่านต่อไปว่า “ลำดับที่ 2 หลินเห้า”
“ลำดับที่ 3 หลินโร่สุ่ย.......”
คราวนี้ ผู้ตรวจสอบอาวุโสก็อ่านรวดเดียวจบเลย
มีแต่ในช่วงเวลาที่อ่านของหลินหยุนนั้น เจตนาที่หยุดเว้นวรรคสักครู่
จะเห็นได้ว่า ปฏิบัติต่อหลินหยุนเป็นกรณีพิเศษ
หลังจากอ่านจบแล้ว ผู้ตรวจสอบอาวุโสก็หันหน้าไปยังหลินซื่อเฉิงยกมือคารวะแล้วพูดว่า “เจ้าบ้านครับ การตรวจสอบครั้งนี้ได้จบสิ้นลงแล้ว ขอคำชี้แนะด้วย!”
หลินซื่อเฉิงพูดอย่างเกรงใจว่า “ทั้งสองท่านลำบากแล้ว ขอเชิญกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
“ขอบคุณเจ้าบ้านครับ!” ผู้ตรวจสอบอาวุโสทั้งสองก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
หลินซื่อเฉิงมองไปยังหลินหยุน ยิ้มด้วยสีหน้าที่อบอุ่น “หลินหยุน นายยังไม่ได้รับเงินทุนตั้งต้นของตระกูลเลย แต่ว่า นายกลับสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา ทำให้ทุกคนในตระกูลทั้งหมดต่างก็รู้สึกละอายใจ!”
“ในฐานะที่ได้ที่หนึ่งในการเข้าร่วมประเมินของตระกูลครั้งนี้ บอกมาได้เลยว่า นายอยากได้อะไร? ขอเพียงให้นายพูดออกมา ฉันก็ยอมตกลงให้ได้ทั้งนั้น”
ทุกคนต่างก็ตกใจ!
ท่าทีของหลินซื่อเฉิงเช่นนี้เจตนาเข้าข้างหลินหยุนอย่างเห็นได้ชัดเลย!
รางวัลที่หนึ่งของการประเมินผลงานตระกูลเป็นเงินรางวัลสามสิบล้าน โดยมอบให้กับคนที่ได้ที่หนึ่งเอาไปใช้จ่ายอย่างอิสระ
แต่ว่า รางวัลของหลินซื่อเฉิงนี้ กลับยิ่งล้ำค่ามากกว่าเงินรางวัล 30 ล้านเสียอีก
“เจ้าบ้านครับ ทำเช่นนี้ไม่เหมาะแล้วล่ะ! กฎกติกาไม่ควรจะเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่ได้ที่หนึ่งในอดีตที่ผ่านมาจะต้องรู้สึกไม่พอใจอย่างแน่นอน” หลินตงถิงลุกขึ้นพูดเป็นคนแรก
อีกทั้ง หลินตงถิงก็มีสิทธิ์ที่จะพูดเช่นนี้ด้วย เพราะว่าหลินโล่เฉินก็เคยได้ที่หนึ่งในการประเมินผลงานตระกูลเหมือนกัน รางวัลของเขาก็มีเพียงแค่เงินจำนวน 30 ล้านเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นหลินหยุนแล้ว หลินซื่อเฉิงก็จะเปลี่ยนเป็นรางวัลที่ล้ำค่าเช่นนี้ ในใจของหลินตงถิงย่อมไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
หลินซื่อเฉิงพูดว่า “หลินหยุนยังไม่เคยได้รับเงินทุนจากตระกูลเลยแม้แต่แดงเดียว แต่กลับสร้างผลงานร่ำรวยมหาศาลน่าตกใจขนาดนี้ ถ้าหากยังคงใช้หลักเกณฑ์การให้รางวัลแบบเดิมนั้น สำหรับเขาแล้วจะมีหรือไม่มีก็ไม่มีความหมายอะไร”
“หลินหยุน นายตามฉันมา! ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับนายหน่อย” หลินซื่อเฉิงมองไปยังหลินหยุน แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับ คุณปู่!” สีหน้าหลินหยุนเรียบเฉย เดินตามหลังหลินซื่อเฉิงออกไป
ผู้คนต่างก็หันมามองหน้ากัน นายท่านไม่ค่อยจะเรียกใครต่อหน้าคนจำนวนมากเข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัว อย่างน้อยเขาเป็นถึงเจ้าบ้าน ทำเช่นนี้อาจทำให้ผู้คนเกิดการเข้าใจผิดก็ได้
แต่วันนี้นายท่านกลับไม่สนใจความเห็นของคนส่วนใหญ่เลย เรียกหลินหยุนตามไป
นี่เป็นการได้รับเกียรติที่ยิ่งใหญ่มากเลย!
พวกเด็กรุ่นหลังของคนตระกูลหลิน สีหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชมและอิจฉา
หลินโล่เฉินและหลินโร่หลันสีหน้าบึ้งตึง ต่อให้พวกเขาทั้งสองคนเป็นถึงอัจฉริยะของตระกูลหลินก็ตาม ก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่พิเศษเช่นนี้เลย
เฉินเห้าแอบกำหมัดไว้แน่น สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก “หลินหยุน ทุกสิ่งทุกอย่างมันควรจะเป็นของฉันคนเดียว! เป็นเพราะแกแย่งชิงไปหมด แกคอยดูนะ ฉันจะต้องเอาเกียรติยศชื่อเสียงที่ควรจะเป็นของฉันกลับคืนมาให้ได้!”
หลังจากที่หลินซื่อเฉิงพาหลินหยุนออกไปแล้ว พี่ใหญ่ตระกูลหลินก็ยืนขึ้นมาประกาศว่า “ทุกคนเชิญไปที่ห้องอาหารรับประทานอาหารกันก่อน!”
หานเจียวเจียวมองหน้าหวางซูเฟิน แล้วพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า “พี่สะใภ้ คุณให้กำเนิดลูกชายที่แสนดีจริงๆเลยนะ!”
“ต่อจากนี้ไป ครอบครัวพวกคุณก็คงไม่เห็นพวกเราตระกูลหลินอยู่ในสายตาแล้วสิ!”
คนตระกูลหลินคนอื่นที่เหลือทั้งหลาย ต่างก็จ้องมองหวางซูเฟินด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร
หวางซูเฟินไม่เข้าใจจิตใจคนพวกนี้จริงๆ เมื่อก่อนคนพวกนี้โจมตีเธอว่าไม่สามารถมีลูกได้ แต่ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่ได้พบกับลูกชายที่ไม่เย่อหยิ่งเช่นนี้แล้ว อีกทั้งยังเป็นถึงอัจฉริยะที่ดีที่สุดในตระกูลหลินอีกด้วย
แต่ว่า คนพวกนี้ก็ยังคงพูดจาไม่หวังดีกับต่อเธอเช่นเคย
สรุปแล้วก็คือ เป็นเพราะหวางซูเฟินใจดีมีเมตตาเกินไป
หวางซูเฟินกวาดสายตามองไปยังหานเจียวเจียว แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “เป็นยังไงเหรอ? อิจฉาเหรอ? คุณพูดถูกแล้ว ฉันก็ไม่เคยเห็นพวกคุณอยู่ในสายตาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“หลังจากกลับไปแล้ว ฉันจะให้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปตัดขาดธุรกิจทุกอย่างกับบริษัทของคุณให้หมดเลย”
หานเจียวเจียวหน้าถอดสี พูดด้วยความโมโหว่า “คุณกล้าเหรอ? พวกเราได้เซ็นสัญญากันไว้แล้วนะ!”
“งั้นก็จ่ายค่าผิดสัญญาให้คุณไปก็แล้วกัน เงินแค่นั้นบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปฉันไม่เคยแยแสอยู่แล้ว!”
“คุณ.........” หานเจียวเจียวพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...