หวางซูเฟินสะบัดหน้าแล้วเดินจากไป
หานเจียวเจียวโกรธจนสีหน้าเขียวไปหมด
สวี่เหม่ยเย้นที่อยู่ด้านข้างก็ปลอบใจว่า “อย่าโกรธไปเลย การประเมินผลงานของตระกูลในวันนี้ เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเล็กน้อยเท่านั้นเอง งานเลี้ยงปีใหม่พรุ่งนี้จึงจะเป็นไฮไลท์ของงานต่างหากล่ะ”
“ด้วยเครือข่ายความสัมพันธ์ของหลินตงหัวแล้ว ปีนี้ไม่ต้องพูดก็คงต้องรั้งท้ายเหมือนเดิม เป็นได้แต่ตัวตลกให้คนหัวเราะเยาะเท่นนั้นเอง วันพรุ่งนี้คุณก็ได้ระบายอารมณ์ความแค้นในใจออกมาแล้ว”
หานเจียวเจียวเดิมทีหน้าบึ้งตึงก็ค่อยๆผ่อนคลายลง พูดเยาะเย้ยด้วยสีหน้าชั่วร้ายว่า “ถูกต้อง ในเมื่อหลินตงหัวอยู่แต่ข้างนอกตลอดทั้งปี ไหนเลยจะมีพวกเครือข่ายความสัมพันธ์ของตัวเองล่ะ? ต่อให้เจ้าเด็กนั่นเก่งกาจขนาดไหน แต่ถ้าอยู่ในเขตอิทธิพลของตระกูลหลินแห่งอูซูแล้วละก็ เขาแทบจะไม่เป็นอะไรสักอย่างเลย”
“พรุ่งนี้ พวกเราคอยดูครอบครัวหลินตงหัวว่า จะขายขี้หน้ากันยังไงดีกว่านะ!”
หลินหยุนเดินตามหลังหลินซื่อเฉิง มาถึงตึกหลังเล็กที่สูงที่สุดภายในลานบ้านเก่าแก่
เมื่อยืนอยู่ในห้องที่อยู่ชั้นสูงสุด มองผ่านทะลุหน้าต่างออกไป สามารถมองเห็นทัศนียภาพของคฤหาสน์หลังเก่าแก่ทั้งหมดของตระกูลหลินได้อย่างชัดเจน
หลินซื่อเฉิงสีหน้าอบอุ่นเป็นกันเอง “นั่งสิ ไม่ต้องเกร็งหรอก”
หลินหยุนไม่ได้เกร็ง เพียงแต่ว่าเวลาผ่านไป 800 ปีแล้ว ได้มาพบกับคุณปู่ที่รักเอ็นดูตัวเองอีกครั้ง ทำให้ในใจรู้สึกหวั่นไหวบ้าง
หลินซื่อเฉิงก็มองดูหลินหยุน สำรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผ่านไปสักครู่จึงเอ่ยปากพูดว่า “หน้าตานายดูเหมือนตงหัวมากเลย ความจริงแล้วตอนที่ได้เห็นหน้านายครั้งแรก ฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่านายจะเป็นลูกของเขาที่พลาดพรากจากไปหรือเปล่า”
“คิดไม่ถึงว่า ฉันเดาถูกแล้ว”
หลินหยุนไม่ได้พูดอะไร ฟังหลินซื่อเฉิงพูดระบายความตื้นตันในใจอย่างเงียบๆ
“ช่วงเวลาที่ผ่านมา นายอยู่ข้างนอกคงลำบากไม่น้อยเลยสิ! ถ้าไม่เคยผ่านความลำบากมาก็ไม่มีทางที่จะสร้างความร่ำรวยมากมายขนาดนั้นได้อย่างแน่นอน”
“ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จอะไรก็ตาม ล้วนขึ้นอยู่กับความพยายามที่ตัวเองทุ่มเทออกมาทั้งนั้น ในโลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ได้มาโดยไม่ลงทุนลงแรงอะไรเลย”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ก็ยังพอไหวครับ”
เขาย่อมไม่สามารถพูดออกมาว่า เงินพวกนี้เป็นเพียงของนอกกายเท่านั้น ทั้งหมดที่ได้มาเขาไม่ได้ลงมือลงแรงอะไรเลย
หลินซื่อเฉิงพยักหน้า พูดอย่างชื่นชมว่า “คำตอบของนายง่ายดายเด็ดเดี่ยวมาก แสดงให้เห็นว่าสภาพจิตใจของนายได้บรรลุถึงระดับหนึ่งแล้ว ไม่ได้เป็นเพราะความลำบากที่ได้รับมาทำให้จิตใจอารมณ์ว้าวุ่นเลย ยอดเยี่ยมมาก!”
หลินหยุนรู้สึกจนใจเล็กน้อย สภาพจิตใจอารมณ์ของเขาบรรลุถึงระดับหนึ่งแล้วก็จริง แต่ว่าไม่ใช่อย่างที่หลินซื่อเฉิงคิดไว้เลย
ทรัพย์สินเงินทองพวกนี้ในสายตาเขาแล้ว มันเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้นเอง
แน่นอน หลินหยุนย่อมไม่พูดคำพูดพวกนี้ออกมาอย่างแน่นอน
หลินซื่อเฉิงถอนหายใจขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วพูดว่า “ความจริงแล้ว ฉันรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ของนายมาโดยตลอด ในฐานะเจ้าบ้านตระกูลหลิน ฉันถึงกับไม่สามารถจัดการเรื่องคู่ครองของลูกได้ แต่กลับทำให้ลูกต้องออกไปผจญภัยอยู่ข้างนอก ก็เพราะสาเหตุที่มาจากตระกูล”
“มิหนำซ้ำ แม้แต่หลานของตัวเองก็ยังปกป้องไว้ไม่ได้เลย!”
“หลานเอ๊ย หวังว่าหลานคงไม่ถือโทษโกรธปู่ที่ไม่เอาไหนคนนี้นะ!”
หลินหยุนพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณปู่ครับ ท่านพูดเกินไปแล้วครับ! ท่านดูแลครอบครัวพวกเราทั้งบ้านได้ดีที่สุดแล้ว”
หลินซื่อเฉิงส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ที่จริงแล้วนายไม่รู้หรอกในบรรดาลูกหลานตระกูลหลินรุ่นที่สองพวกนี้ คนที่ฉันเห็นว่าดีที่สุดก็คือพ่อของนายนั่นแหละ!”
“เสียดายจริงๆ เพราะว่าถูกข่มขู่จากตระกูลหวาง เขาจึงจำเป็นต้องออกไปจากตระกูลหลิน แบกรับความกดดันทุกอย่างไว้กับตัวเองเพียงคนเดียว”
หลินหยุนในใจรู้สึกหวั่นไหว “คิดไม่ถึงว่าที่แท้คุณปู่ถึงกับเห็นพ่อเป็นคนที่ดีที่สุด!”
“หลินหยุนเอ๊ย ความจริงที่เรียกหลานมา ก็มีบางเรื่องอยากจะพูดกำชับหลานเป็นการส่วนตัว”
“ตามหลักแล้วนายก็พึ่งจะพบกับพ่อแม่ตัวเองเมื่อครู่นี้เอง คำพูดพวกนี้ฉันไม่ควรจะพูดกับนายเลย แต่ว่าฉันกลัวว่าเกิดวันใดวันหนึ่งฉันล้มลงแล้ว คำพูดที่อยากจะพูดกับนายพวกนี้ก็อาจไม่ทันการเสียแล้ว”
หลินหยุนพูดว่า “คุณปู่พูดอะไรอย่างนั้น ร่างกายของท่านยังแข็งแรงดีอยู่เลย”
หลินซื่อเฉิงส่ายหน้า “หลานเอ๊ย หลานฟังปู่พูดนะ”
“นายเห็นตระกูลหลินพวกเรา ตอนนี้ดูเหมือนว่ายังรุ่งเรืองมาก แต่ว่า ตระกูลหลินพวกเราไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี้ ได้แต่เดินถอยหลังลงคลองมาโดยตลอด”
ตอนนั้นตระกูลหลินพวกเรา เป็นตระกูลสูงศักดิ์อันดับหนึ่งในอูซู แต่ว่าตอนนี้ กลับต้องคอยซื้อใจพวกตระกูลเล็กๆทั้งหลายมาเป็นพวก เพื่อจะได้รักษาตำแหน่งฐานะตระกูลสูงศักดิ์อันดับหนึ่งเอาไว้”
“ฐานะของตระกูลหลิน ตกอยู่ในสภาวะที่อันตราย เป็นไปได้ที่จะตกต่ำจนลดระดับกลายเป็นตระกูลระดับสองได้ทุกเมื่อ”
“แต่ว่า มองทั้งตระกูลหลินตามแนวดิ่งแล้ว ในบรรดาลูกหลานรุ่นที่สองนั้น แทบจะไม่มีคนที่โดดเด่นอะไรเลย ลูกหลานรุ่นที่สามนั้น ก็มีแต่หลินโล่เฉินที่นับว่าโดดเด่นอยู่บ้าง”
“อนาคตของตระกูลหลินนั้น น่าเป็นห่วงมากเลย!”
หลินหยุนพูดว่า “คุณลุงใหญ่หลินตงถิงไม่ใช่ดูดีอยู่เหรอ? ได้ข่าวว่าตอนนี้เขาก็เป็นคนมีตำแหน่งใหญ่โตในเมืองแล้วด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...