จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 741

สรุปบท บทที่ 741 รักษาชีวิตรอดไว้ก่อน: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปเนื้อหา บทที่ 741 รักษาชีวิตรอดไว้ก่อน – จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บท บทที่ 741 รักษาชีวิตรอดไว้ก่อน ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จูผาซู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บนเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่ง

หงซานเหอได้พาคณะจำนวนห้าคน โบยบินอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่ไพศาล

หงซานเหอสีหน้าท่าทางจริงจัง และกวาดสายตามองไปที่ห้าคนนั้น

“เมื่อเครื่องบินลงจอดแล้ว พวกนายเตรียมเข้าสู่สนามล่าเจ็ดเผ่าอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ ข้าจะ แจ้งแผนการสู้รบอย่างละเอียดให้กับพวกนาย”

“หลังจากที่เข้าสู่สนามล่าเจ็ดเผ่าแล้ว หลินหยุนทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ เฉินโก๋ซ่งทำหน้าที่เป็นรองผู้บัญชาการ”

“ในตอนแรก ต้องตามหาสมาชิกรัสเซียให้พบ แล้วก็สร้างความสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างกัน ถ้าหากสามารถที่จะตีสนิทกับญี่ปุ่นได้ โดยลืมประวัติความขัดแย้งลงไปก่อนชั่วคราว ก็ให้สร้างพันธมิตรกับญี่ปุ่น”

เมื่อพูดคำนี้ออกไป นอกจากหลินหยุนแล้ว สี่คนที่เหลือต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่รังเกียจเหยียดหยาม

เจียงเจิ้งฉีได้ตะโกนพูดขึ้นว่า: “จะเป็นไปได้อย่างไร! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่ข้าจะไปสร้างพันธมิตรกับไอ้พวกคนเหล่านั้น ในตอนนั้นพวกเขารุกรานประเทศจีนของพวกเราอย่างไร หรือว่านายลืมมันไปแล้ว? ”

พวกคนที่เหลือแม้จะไม่ได้พูดขึ้น แต่ใบหน้าก็แสดงท่าทีที่เห็นด้วยทั้งหมด

หงซานเหอพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า: “ระหว่างสองประเทศแล้ว ไม่มีทางที่จะเป็นศัตรูกันตลอดไป มีแต่เพียงผลประโยชน์ร่วมกันตลอดไป อีกทั้ง ต่อให้พวกนายจะสามารถร่วมมือกับรัสเซียได้แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะถึงขั้นที่จะไปเป็นคู่ต่อสู้กับเผ่าอื่นที่เหลือได้ โดยที่อเมริกา อังกฤษ อินเดีย ฝรั่งเศสทั้งสี่เผ่านี้ คงจะรวมตัวกันเป็นพันธมิตรอย่างแน่นอน ซึ่งหากร่วมมือกับญี่ปุ่น พวกเราก็จะมีโอกาสชนะได้มากขึ้น”

เห็นกี่คนนั้นยังคงมีท่าทางที่ไม่ค่อยเห็นด้วยเหมือนเดิม หงซานเหอจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า: “หรือว่า พวกนายลืมจุดจบของทีมฉินมู่หยางในครั้งนั้นกันไปแล้วใช่ไหม! ”

ยิ่งตงไหลและคนอื่น ๆ ตกใจขึ้นพร้อมกัน สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ

ฉินมู่หยาง นี่คือชื่อเรียกแทนของคนอัจฉริยะมากความสามารถ แต่ก็เป็นชื่อเรียกแทนความโศกเศร้าด้วยเช่นกัน

ในตอนนั้นฉินมู่หยางได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์บู๊ที่มีอายุน้อยที่สุด โดยที่มีความสามารถโดดเด่นยิ่งกว่าเทพกระบี่เยนหนานเทียน และเทพแห่งสงครามเจียงร่อโจ๋ ซึ่งเป็นบุคคลอัจฉริยะที่ทางการจีนให้การอบรมบ่มเพาะอย่างเต็มที่

แต่ว่าคนอัจฉริยะส่วนใหญ่ก็มักจะหยิ่งยโส ฉินมู่หยางก็เช่นกัน ท่ามกลางสนามล่าเจ็ดเผ่าในครั้งนั้น เขาเป็นผู้นำทีม และได้ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับรัสเซีย โดยพยายามที่จะใช้เพียงกำลังของตนเอง เพื่อหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่โหดร้ายนั้น

ผลลัพธ์ก็คือ ฉินมู่หยางและสมาชิกรวมห้าคน โดยสี่คนในจำนวนนั้น ยังไม่ทันได้ใช้ยันต์หยก ก็ถูกสมาชิกของเผ่าอื่น ร่วมกันลงมือสังหารแล้ว

แม้แต่คนสุดท้าย ได้อาศัยกำลังที่เหลือหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส บีบยันต์หยกจนแตกละเอียด โดยหลังจากที่ออกมา ก็ทำได้เพียงบอกแจ้งเหตุการณ์กับจีเจ๋อกั๋วผู้รับผิดชอบ แล้วก็เสียชีวิตลง!

ครั้งนั้น ประเทศจีนอยู่ในอันดับสุดท้าย พ่ายแพ้ไปหลายสิ่งหลายอย่าง

ทำให้เศรษฐกิจของจีน ถอยหลังกลับไปสิบปี

จีเจ๋อกั๋วผู้รับผิดชอบ จึงได้ลาออกเพราะเหตุนี้ เพื่อที่จะขออภัยโทษ ตนเองจึงยอมสมัครเป็นผู้พิทักษ์รักษาสนามล่าเจ็ดเผ่า โดยจะพิทักษ์รักษาสนามล่าเจ็ดเผ่าไปตลอดชีวิต

แม้ว่าสมาชิกของจีนที่เข้าร่วมสนามล่าเจ็ดเผ่า จะเสียชีวิตในสนามรบเป็นจำนวนมาก แต่ที่ต้องเสียชีวิตทุกคนก็มีเพียงแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว

หงซานเหอพูดอย่างหนักแน่นต่อว่า: “หนึ่งประเทศ หนึ่งเผ่าพันธุ์ สามารถที่จะยืนตระหง่านอยู่บนยอดสูงสุดของโลกได้ ไม่ใช่จะอาศัยความกล้าหาญองอาจ ไม่ใช่จะอาศัยความหยิ่งยโสและอคติ แต่อาศัยความสามารถในการอดทนในเรื่องที่คนทั่วไปไม่สามารถอดทนได้! ”

“มีเพียงอดทนต่อความดูถูกเหยียดหยาม แบกรับต่อความกดดัน เข้าใจคู่ต่อสู้ท่ามกลางอุปสรรคปัญหา ศึกษาเรียนรู้คู่ต่อสู้ คัดเลือกเอาส่วนที่โดดเด่น ละทิ้งส่วนที่ย่ำแย่ สุดท้ายก็จะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้”

“ประเทศจีนของเราในตอนที่ก่อตั้งประเทศขึ้นนั้น เรียกได้ว่ายากจนค้นแค้นอย่างที่สุด แต่ว่าภายใต้มาตรการปิดล้อมอย่างแน่นหนาของประเทศตะวันตก ก็ยังสามารถที่จะบุกเบิกพัฒนามาจนถึงระดับนี้ได้ในปัจจุบัน ซึ่งนี่ก็คือข้อยืนยันอย่างดีที่สุด”

“ชนชาติที่อนุรักษ์นิยม หยิ่งยโสโอ้อวด ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง และไม่ยอมรับต่อข้อบกพร่องของตนเอง ก็จะค่อย ๆ ถูกคัดออกจากจักรวาลที่มีกฎเกณฑ์ว่าปลาใหญ่กินปลาเล็ก! ”

เฉินโก๋ซ่งมีสีหน้าท่าทางที่ละอายใจ: “แม่ทัพหง พวกข้าสำนึกผิดแล้ว”

ห่าวจ้านก็ตะโกนพูดเสียงดังขึ้นว่า: “ข้าผิดไปแล้ว ท่านอย่าได้พูดอีกเลย พูดจนข้าอับอายไปหมดแล้ว! ”

ยิ่งตงไหลก็ถอนหายใจ: “ท่านหงพูดได้ถูกต้อง เป็นพวกเราเองที่สายตาคับแคบจนเกินไป! ”

เจียงเจิ้งฉีกลับยังคงมีท่าทีที่ไม่ค่อยจะเห็นด้วยอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าจะไม่พูดคัดค้าน แต่มองออกได้ว่า ในใจของเขาก็ยังคงไม่ยอมอ่อนข้อ

หลินหยุนตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ว่า คำพูดของหงซานเหอนั้น เขาเองก็เห็นด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่แค่คนเท่านั้น ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเซียน ก็ต้องเข้าใจถึงการอดทนอดกลั้นและเก็บตัวกบดาน มิเช่นนั้น จะต้องตายก่อนเวลาอันควร

เห็นกี่คนนี้สำนึกในความผิด หงซานเหอก็มีสีหน้าท่าทางที่ผ่อนคลายลง: “อย่างอื่นข้าก็จะไม่พูดพร่ำเพรื่อแล้ว ในสนามต่อสู้ เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว ถ้าหากประสบกับเหตุการณ์ที่ยากลำบาก ห้ามดึงดันเด็ดขาด จะต้องรักษาชีวิตรอดไว้ก่อนเป็นสำคัญ! ”

“จดจำไว้แล้ว! ”

“พวกเราไปกันเถอะ ไปพบกับผู้พิทักษ์รักษาชาวจีนสองคนของพวกเราที่สนามล่าเจ็ดเผ่ากันก่อนดีกว่า ไปฟังว่าพวกเขามีอะไรที่จะกำชับพวกเราบ้างไหม? ” หงซานเหอพูดขึ้น

พวกเขาทั้งหมดเดินออกมาจากบริเวณเสียงที่ดังโหวกเหวกของชายผิวขาวร่างใหญ่เหล่านั้น แล้วก็เดินไปตามถนนซีเมนต์ ทะลุผ่านป่าไม้ ในที่สุดก็มาถึงด้านหน้าของบ้านหินหลังหนึ่ง

บ้านหินหลังนี้ มีลักษณะการก่อสร้างในรูปแบบจีนโบราณ โดยหลังอื่นที่อยู่โดยรอบ ล้วนเป็นรูปแบบตะวันตก

หงซานเหอกำลังจะพาทุกคนเดินเข้าไป ขณะเดียวกันชายชราในชุดคลุมสีดำสองคนที่อยู่ในบ้านหินนั้น ก็เดินออกมาพอดี

“ขอคารวะผู้อาวุโสทั้งสองท่าน! ” สถานะที่สูงศักดิ์ระดับหงซานเหอ ยังต้องโค้งคำนับทำความเคารพสองคนนั้น ด้วยท่าทางที่นอบน้อม

“ไม่ต้องคารวะทักทายขนาดนี้ก็ได้! ” คนหนึ่งในนั้นพูดขึ้น

ส่วนอีกคนหนึ่งก็กวาดสายตามองไปที่หลินหยุนและคณะทั้งห้าคน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่เฉยเมยว่า: “พวกนายก็คือผู้ที่ลงแข่งขันเข้าร่วมสนามล่าเจ็ดเผ่าในครั้งนี้ล่ะสิ! ”

ยิ่งตงไหลและคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้า

สายตาของชายชราผู้นั้น หยุดอยู่ที่ตัวของหลินหยุน ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย: “ผู้แข่งขันคนนี้ น่าจะยังเด็กอายุน้อยเกินไปหน่อย! ”

หงซานเหอมองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นว่า: “เขาคือผู้บัญชาการในการล่าสัตว์ครั้งนี้ ชื่อว่า หลินหยุน”

“พวกนายกล้าที่จะให้เด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้บัญชาการเลยเหรอ? ล้อเล่นกันเกินไปเหรอเปล่า? ” ชายชราผู้นั้นเป็นกังวลเล็กน้อย

“ครั้งนี้ท่านประธานาธิบดีจีนเป็นผู้กำหนดเอง ข้าเชื่อมั่นในสายตาของท่านประธานาธิบดีจีน” หงซานเหอพูดขึ้นด้วยท่าทางที่เด็ดขาด

ชายชราผู้นั้นพยักหน้า: “ในเมื่อเป็นคนที่ท่านประธานาธิบดีจีนเลือกแล้ว คิดว่าคงจะมีอะไรที่พิเศษเหนือกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน”

จากนั้น ก็มองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นอย่างจริงใจว่า: “หวังว่าครั้งนี้นายสามารถที่จะมีผลงานที่ดีให้สำหรับประเทศจีนของพวกเรา เพื่อลบล้างความอับอายที่ได้อันดับสุดท้ายในช่วงหลายปีมานี้! ”

หลินหยุนตะลึงงัน: “อันดับสุดท้าย? ”

“ดูเหมือนว่า ในอดีตที่ผ่านมาผลงานของจีนในสนามล่าเจ็ดเผ่านั้น ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรเลย! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์