จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 780

สรุปบท บทที่ 780 โม่เฉินแห่งสำนักโม่เหมิน: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปเนื้อหา บทที่ 780 โม่เฉินแห่งสำนักโม่เหมิน – จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บท บทที่ 780 โม่เฉินแห่งสำนักโม่เหมิน ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จูผาซู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บริเวณรอบๆคฤหาสน์ตึกว่างเยว่ที่อยู่ภายใต้ค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ถึงสองชั้น ก็อยู่ในสภาพที่ถูกปกคลุมด้วยชี่ทิพย์ที่เหมือนม่านหมอกมานานแล้ว

ไอหมอกที่หนาทึบปกคลุมไปรอบๆบริเวณคฤหาสน์นั้น ทำให้ดูเหมือนกับอยู่บนสรวงสวรรค์

ในสวนป่าที่อยู่ข้างๆบริเวณคฤหาสน์นั้น มีกระต่ายป่าตัวหนึ่งกำลังก้มลงกินหญ้าอยู่ ด้วยท่าทางที่สบายใจมีความสุข

ดวงตาทั้งคู่ของกระต่ายนั้นถึงกับหลับตาเคลิ้มเล็กน้อย ในปากก็ค่อยๆเคี้ยวหญ้าสีเขียวที่ต้นใหญ่สมบูรณ์ ด้วยสีหน้าที่ดื่มด่ำ

ต้นโอ๊กต้นหนึ่งที่อยู่ข้างๆทุ่งหญ้านั้น มีกระรอกน้อยตัวหนึ่งเดินลากหางที่ใหญ่กว่าตัว เสียอีก หยิบเอาผลลูกโอ๊กขว้างลงไปตรงข้างๆกระต่ายน้อยตัวนั้น

กระต่ายตกใจกระโดดลุกขึ้นยืน แล้วแยกเขี้ยวใส่กระรอกที่อยู่บนต้นไม้ ดูเหมือนว่าจะโกรธมาก

กระรอกที่อยู่บนต้นไม้ก็กระโดดไปมาด้วยความดีใจ รู้สึกสะใจเหลือเกิน

ส่วนพุ่มไม้ที่อยู่ข้างๆ มีงูเขียวตัวหนึ่งขดตัวอยู่ แลบลิ้นสองแฉกออกมา

ราวกับไม่สนใจไยดีอะไรกับอาหารสองตัวที่อยู่ตรงหน้าเลย

อากาศบริเวณรอบๆคฤหาสน์ตึกว่างเยว่นั้น ภายใต้ประสิทธิผลของค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ ทำให้ตลอดทั้งปีมีแค่ฤดูใบไม้ผลิเพียงฤดูเดียวเท่านั้น

ทั้งพืชพรรณและสัตว์ทั้งหลายในที่นี้ ต่างก็ได้รับการหล่อเลี้ยงจากชี่ทิพย์ฟ้าดิน จึงไม่จำเป็นจะต้องตามล่าอาหารเลย

พืชพรรณต้นไม้ก็เขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์กว่าที่อยู่เชิงเขาอีกด้วย

พวกสัตว์ทั้งหลายที่นี่ ก็มีจิตวิญญาณมากกว่าที่อื่นเช่นกัน

ทันใดนั้น ทั่วทั้งแผ่นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมา

ทั้งกระต่ายและกระรอกต่างก็ตกใจวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน งูเขียวก็รีบมุดเข้าไปอยู่ในพุ่มไม้

เมื่อผ่านไปสักครู่ เห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกสัตว์ทั้งหลายก็เริ่มโผล่หัวออกมาสังเกตดูไปบริเวณรอบๆ

ราวกับว่ากำลังค้นหาต้นตอของการสั่นสะเทือนครั้งนี้

ภายในคฤหาสน์นั้น หลินหยุนลืมตาขึ้นมา แววตาทั้งคู่ของเขาสดใสสว่างมากยิ่งขึ้น

ดวงตาทั้งสองข้างตาขาวตาดำแยกกันอย่างเห็นได้ชัด ส่องประกายแวววาวราวกับ ดวงดาวบนท้องฟ้า

กลิ่นอายของเขา บางเบากระจายมากขึ้น และยังแฝงไปด้วยความดุดันเล็กน้อยอยู่ภายในอีกด้วย

“ผ่านไปสองเดือนครึ่งแล้ว เร็วกว่าที่ฉันคาดการณ์ไว้ตั้งครึ่งเดือน”

“ดาบเฮ่าเทียน!”

เพียงแค่คิดขึ้นมา ก็ปรากฏแสงสีแดงพุ่งออกมาอย่างแรง

แสงสีแดงบนตัวดาบเฮ่าเทียนนั้น กลับยิ่งหนาทึบมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก อีกทั้งจิตวิญญาณรับรู้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วย

หลินหยุนยกมือขึ้น ก็ปรากฏมีพลังทิพย์ล้อมรอบฝ่ามือไว้ พลังทิพย์ที่เมื่อก่อนมองไม่เห็นจับต้องไม่ได้นั้น แต่ตอนนี้ถึงกับกลายเป็นหมอกชั้นบางๆ ปกคลุมไปทั่วฝ่ามือของหลินหยุน

“สามารถทำให้พลังทิพย์เพิ่มมากขึ้นขนาดนี้ ระดับของตัวอ่อนยาทองนี้ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ระดับฟ้าแล้ว อาจจะยังสูงกว่าด้วยซ้ำไป”

“คราวนี้ฉันจะต้องผลิตยาทองในระดับชั้นฟ้าให้ได้”

หลินหยุนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก

“ตอนนี้ถ้าหากได้ประมือกับเยนหนานเทียนอีกละก็ ฉันน่าจะสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายเลย”

“อึ่ม?”

ทันใดนั้น ในใจหลินหยุนก็รู้สึกสะดุ้ง

ยื่นมือออกไป กระจกแตกร้าวบานหนึ่ง ก็ถูกปล่อยออกมาจากแหวนเก็บของ

“แกถึงกับก็มีจิตวิญญาณด้วยเหรอ?” หลินหยุนตกตะลึงเล็กน้อย

ดาบเฮ่าเทียนมีจิตวิญญาณรับรู้ได้ หลินหยุนก็ไม่แปลกใจอะไร อย่างน้อยก็เป็นกระบี่เมนหลักของเซียนกระบี่

แต่นี่เป็นเพียงแค่กระจกแตกร้าวบานหนึ่งเท่านั้น ถึงกับก็ยังมีจิตวิญญาณเช่นกัน นี่มันก็แปลกประหลาดไปแล้ว

ต่อให้กระจกบานนี้เป็นของวิเศษที่แข็งแกร่งชิ้นหนึ่งก็ตาม แต่เมื่อไหร่ที่แตกร้าวแล้ว โดยทั่วไปก็ไม่แตกต่างอะไรกับสิ่งของทั่วๆไป

อย่างมาก ก็แค่มีคุณภาพที่ดีกว่าของธรรมดาทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้น

นอกเสียจากว่า จะเป็นของวิเศษระดับชั้นทิพย์พรสวรรค์ ที่เกิดจากฟ้าดิน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการผลิตของช่างฝีมือมนุษย์

ถึงแม้จะแตกหักแล้ว ก็ยังคงรักษาจิตวิญญาณส่วนหนึ่งเอาไว้ได้

แต่ว่า ในบรรดาโลกต่างๆนับหมื่นแสนดวงนั้น ของวิเศษทิพย์พรสวรรค์มีจำนวนไม่มากนัก หลินหยุนได้ยินได้ฟังมาก็มากแล้ว

แต่ไม่มีรูปร่างลักษณะเป็นกระจกเลย

ดาบเฮ่าเทียนที่ลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อได้เห็นกระจกแตกร้าวบานนี้แล้ว ก็ส่งกระแสจิตที่ตื่นเต้นไปยังหลินหยุน

หลินหยุนดวงตาวาววับ: “ตอนแรกก็เป็นเพราะการแจ้งเตือนของดาบเฮ่าเทียน ฉันจึงได้ปล่อยหยกทิพย์ชั้นยอดที่ประทับด้วยพลังธาตุน้ำนั้นไป แล้วเลือกกระจกแตกร้าวที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรชิ้นนี้มาแทน”

“เมื่อกระจกแตกร้าวบ้านนี้ปรากฏขึ้น ดาบเฮ่าเทียนก็ส่งสัญญาณเตือนที่ตื่นเต้นออกมา จะเห็นได้ว่า ดาบเฮ่าเทียนและกระจกบานนี้จะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน”

“ยิ่งไปกว่านั้น ของวิเศษสองชิ้นนี้อาจจะอยู่ด้วยกันมานานแล้วก็ได้ ดังนั้น ระหว่างของวิเศษด้วยกันก็เกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วมขึ้นมาได้เช่นกัน”

“ดูไปแล้ว เจ้าของกระจกแตกร้าวบานนี้ อาจเป็นไปได้ที่จะเป็นเจ้าของดาบเฮ่าเทียนนี้ด้วยก็ได้”

“ตระกูลหวาง สิ่งที่พวกนายติดค้างฉัน ก็ควรจะคืนได้แล้ว”

ความคิดอย่างหนึ่งแวบเข้ามา ร่างของหลินหยุนก็ไปปรากฏอยู่ตรงดาดฟ้าข้างบนของคฤหาสน์ มองไปที่ไกลแสนไกลของทะเลสาบเย่หยา สีหน้าหลินหยุนเรียบเฉยไร้ความรู้สึก

หลังจากนั้น หลินหยุนก็พุ่งตัวกระโดดลงไปอยู่ตรงประตูด้านนอก

เพียงแค่ก้าวออกไปก้าวเดียว ก้าวต่อไปก็ไปปรากฏอยู่ที่ที่ห่างไกลออกไปถึงสิบกว่าเมตรเลยทีเดียว

แต่ว่า ในขณะที่หลินหยุนเพิ่งจะก้าวพ้นจากบริเวณขอบเขตของค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ แล้วมาถึงเชิงเขา กลับพบว่าใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ริมทางข้างหน้า มีชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่

เมื่อเห็นหลินหยุนแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นก็ถามอย่างเรียบๆว่า “ปรมาจารย์หลินครับ ผมมารออยู่นานแล้ว”

ในใจหลินหยุนรู้สึกสะดุ้ง เขาถึงกับมองพลังฝึกฝนของคนนี้ไม่ชัดเลย

นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มองพลังฝึกฝนของคนอื่นได้ไม่ชัดเจน

“คุณเป็นใคร?” หลินหยุนถามอย่างเรียบๆ

“โม่เฉินแห่งสำนักโม่เหมิน!” ชายหนุ่มชุดดำตอบ

หลินหยุนถามด้วยความสงสัยว่า “สำนักโม่เหมินเหรอ?”

“เป็นสำนักในโลกบู๊หรือเปล่า?”

โม่เฉินส่ายหน้า “ไม่ใช่ สำนักโม่เหมินไม่ได้อยู่ในโลกบู๊ และก็ไม่ขึ้นอยู่กับโลกบู๊โบราณด้วย สำนักโม่เหมินก็คือสำนักโม่เหมิน”

“ฉันไม่ได้สนใจหรอกว่าพวกคุณทำอะไร แต่ฉันอยากรู้ว่าคุณมาหาฉันทำไม?” หลินหยุนถาม

โม่เฉินพูดว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิดละก็ คุณกำลังจะไปหาตระกูลหวางที่เมืองหลวงสิ!”

“ถูกต้อง” เรื่องที่จะไปทวงคืนความยุติธรรมจากตระกูลหวางนั้น หลินหยุนไม่เคยคิดจะปิดบังเลย

ดังนั้น เมื่อชายหนุ่มซักถามต่อหน้า หลินหยุนก็พูดอย่างตรงไปตรงมา

“คุณไปไม่ได้ ตระกูลหวาง ไม่ใช่คุณในเวลานี้ที่สามารถจะไปแตะต้องได้” โม่เฉินน้ำเสียงเยือกเย็น แต่กลับแฝงด้วยความแน่วแน่ที่ไม่ต้องสงสัย

หลินหยุนจ้องมองโม่เฉิน พูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเยือกเย็น “คุณมาหาฉัน ก็เพื่อมาพูดเรื่องพวกนี้เหรอ?”

“คุณน่าจะเป็นคนทางการรัฐบาลจีนสิ!”

หลินหยุนรู้สึกว่า ตอนนี้ฝ่ายที่ต้องการหยุดยั้งไม่ให้เขาเผชิญหน้ากับตระกูลหวาง ก็มีแต่ทางการรัฐบาลจีนเท่านั้น

คนที่เหลือ ไม่มีพลังอำนาจเพียงพอ และไม่คิดจะขัดขวางด้วย

“ฉันเคยพูดแล้วว่า สำนักโม่เหมินไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจอิทธิพลใดๆทั้งสิ้น สำนักโม่เหมินก็ทำตามกฎระเบียบของสำนัก ไม่ได้รับคำสั่งจากใครทั้งสิ้น” โม่เฉินสีหน้าเรียบเฉย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์