พ่อของเหยียนเสวเหวิน ได้ขึ้นสู่เวทีอีกครั้ง
ถือไมโครโฟนขึ้น พร้อมกับยิ้มแย้มอย่างภาคภูมิใจ: “ทุกท่าน ยินดีต้อนรับที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ทางเราได้จัดขึ้น......
หลังจากที่ได้กล่าวต้อนรับและแนะนำงานเลี้ยงเสร็จแล้ว ด้านล่างเวที ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น
ทางฝั่งของตระกูลฉิน กลับเงียบสงบอย่างผิดปกติ
มีคนหนึ่งส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาขึ้น และพูดว่า: “ทำเป็นพูดดี วันนี้ที่นายจัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไร ทุกคนต่างก็ชัดเจนเป็นอย่างดี ทำไมจะต้องมาพูดจาอะไรที่สวยงามแบบนี้ด้วย! ”
“ทำให้ผู้คนฟังแล้ว กลับรู้สึกเอือมระอา”
ภายในห้องโถง ก็พลันเงียบสงบลงอย่างน่าตกใจ
พ่อของเหยียนเสวเหวินยืนอยู่บนเวที ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไป แต่แววตาของเขา กลับแสดงความหม่นหมองขึ้นมาแวบหนึ่ง
ทางฝั่งของตระกูลฉิน ก็มีคนพูดขึ้นอีกว่า: “พูดได้ถูกต้อง ตระกูลเหยียนจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นเพื่อคิดจะทำอะไร ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาเลย อย่าได้มาทำเป็นเล่นละครตบตาอยู่แบบนี้”
ทางฝั่งของตระกูลเหยียน ก็มีคนพูดโต้แย้งขึ้นเสียงดัง: “พวกนายพูดอะไรกัน? ใครจอมปลอมหลอกลวงกันล่ะ! หากรู้สึกว่าเป็นการหลอกลวงพวกนายไม่ต้องมาก็ได้! ”
ทางฝั่งของตระกูลฉินก็มีเสียงโต้แย้งขึ้น: “นายคิดว่าพวกฉันอยากจะมาอย่างนั้นเหรอ? ถ้าหากตระกูลเหยียนไม่ใช้กำลังเข้าบีบบังคับ พวกฉันคงไม่มีทางมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้อย่างเด็ดขาด! ”
เห็นคนของทั้งสองฝั่งพูดจาไม่ลงรอยกัน ใกล้ที่จะเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นแล้ว
พ่อของเหยียนเสวเหวินที่อยู่บนเวที ก็ถือไมโครโฟนขึ้น และพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า: “ทุกคนเงียบสงบลงกันก่อน! ”
ด้านล่างเวทีไม่มีผู้ใดสนใจ ยังคงที่จะทะเลาะดุด่ากัน
พ่อของเหยียนเสวเหวินโมโหจนสีหน้าหม่นหมอง และตวาดออกมา ด้วยเสียงที่ดังขึ้น: “เงียบสงบกันเดี๋ยวนี้! ”
เสียงตะโกนในครั้งนี้ สุดท้ายก็ได้ผลแล้ว
ทั้งสองฝ่ายหยุดการทะเลาะวิวาท โดยที่ความสนใจของทุกคน ต่างจับจ้องมาที่ตัวของพ่อของเหยียนเสวเหวิน
พ่อของเหยียนเสวเหวินยังคงมีสีหน้าที่หม่นหมอง ถือไมโครโฟนขึ้น แล้วก็กวาดสายตาที่เย็นชามองไปทั่วทั้งบริเวณงาน: “ในเมื่อมีคนรู้สึกว่าข้าพูดพร่ำเพรื่อไร้สาระ อย่างนั้นพวกเราก็มาพูดกันอย่างตรงไปตรงมา”
“ถูกต้อง งานเลี้ยงครั้งนี้ ก็คืองานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง! ”
“วันนี้ ตระกูลเหยียนของฉันจะทำการบีบบังคับฝั่งของพวกนาย เพื่อให้ตกลงเต็มใจที่จะร่วมมือกับตระกูลเหยียน มานั่งรวมกันที่ฝั่งทางนี้ของข้า”
“หากไม่ได้มานั่งทางฝั่งนี้ ก็จะถือว่าเป็นศัตรูกับตระกูลเหยียนทั้งหมด”
“ทุกท่านเริ่มต้นเลือกข้างกันได้เลย! ”
เผด็จการ เด็ดขาด ตระกูลเหยียนได้ยุติการเสแสร้งจอมปลอม แล้วบีบบังคับให้ทุกคนเลือกข้าง
พวกคนเมื่อครู่ที่ตะโกนโวยวายว่าตระกูลเหยียนเสแสร้งจอมปลอม ตอนนี้ต่างก็ตะลึงงันไปกันหมด
พ่อของฉินโส่ว สีหน้าท่าทางจริงจัง: “ดูเหมือนว่าวันนี้ตระกูลเหยียน มีความมั่นใจว่าจะเป็นผู้ชนะ”
จางซือจู่พูดขึ้นอย่างตะลึงและโมโหว่า: “ตระกูลเหยียนนี่มัน ช่างเผด็จการเสียจริง! ”
ฉินโส่วพูดขึ้นอย่างจำใจว่า: “ตระกูลเหยียนมีปรมาจารย์อยู่เบื้องหลัง กล้าที่จะกระทำการโดยทุกวิถีทาง ซึ่งการข่มขู่แบบนี้ ก็ไม่นับว่าผิดแปลกอะไรเลย”
ที่นั่งฝั่งตรงข้าม เหยียนเสวเหวินกับเถียนชุ่ยชุ่ยและคนอื่น ๆ มองมาที่หลินหยุนกับพวกเพื่อน ๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
จางซือจู่พูดขึ้นอย่างโมโห: “ดูเถียนชุ่ยชุ่ยพวกคนกลุ่มนั้นสิพากันกระหยิ่มยิ้มย่องได้ถึงขนาดนี้? เดี๋ยวหลินหยุนเอาชนะปรมาจารย์ตระกูลเหยียนได้แล้วล่ะก็ ดูสิว่าพวกเขายังจะกล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้อยู่อีกไหม? ”
พวกผู้มีชื่อเสียงและพวกเศรษฐีที่ได้พึ่งพิงมายังตระกูลเหยียนแล้วนั้น ต่างก็ทยอยมองกันมายังพวกคนที่อยู่ในฝั่งของตระกูลฉิน
ในฝั่งของตระกูลฉิน คนส่วนใหญ่ต่างก็มีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม โดยมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
แต่ว่าก็มีบางคน ที่แสดงอาการลังเลใจออกมา ซึ่งชัดเจนว่าจิตใจเกิดความไม่แน่นอนแล้ว
พ่อของเหยียนเสวเหวินพูดต่อว่า: “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้บริษัทอู๋ซื่อกรุ๊ปและบริษัทต่งซื่อกรุ๊ป เพราะว่าได้ปฏิเสธไม่ร่วมมือกับตระกูลเหยียน และยังจะดุด่าปรมาจารย์บู๊ตระกูลเหยียนของฉัน ซึ่งก็ได้ถูกปรมาจารย์ตระกูลเหยียนจัดการอย่างราบคาบไปแล้ว”
“หวังว่าทุกคนจะพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ตอนนี้ยังมีโอกาสที่จะเลือก หากอีกสักครู่ปรมาจารย์ตระกูลเหยียนของฉันออกหน้า ก็คงจะไม่มีการพูดดี ๆ กันแบบนี้อีกแล้ว”
เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทุกคนในฝั่งตระกูลฉิน ต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่หม่นหมอง
มีบริษัทขนาดเล็กหลายราย ได้วิ่งไปอยู่ทางฝั่งของตระกูลเหยียนแล้ว
มีคนเริ่มต้น ส่วนพวกที่เดิมทีกำลังสังเกตการณ์อยู่นั้น ก็ได้ตัดสินใจแล้ว
ฝั่งของตระกูลฉินที่เดิมทีก็มีคนจำนวนไม่มาก ยิ่งมีจำนวนลดน้อยลงไปอีกหนึ่งในสามส่วน
“ฮ่าฮ่า คนที่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี นี่คือการเลือกที่ฉลาดและถูกต้องที่สุด! ” พ่อของเหยียนเสวเหวินพูดขึ้นพร้อมกับกระหยิ่มยิ้มย่อง
ฉินโส่วพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า: “ไอ้พวกสารเลวที่กินบนเรือนขี้บนหลังคา โดยปกติตระกูลฉินของฉันก็ปฏิบัติกับพวกแกเป็นอย่างดี แต่ตอนที่ตระกูลฉินประสบกับวิกฤตปัญหา กลับได้ทอดทิ้งตระกูลฉินแล้วจากไป! ”
พ่อของฉินโส่วถอนหายใจและพูดว่า: “ช่างเถอะ มดแมลงยังรักตัวกลัวตาย แล้วนับประสาอะไรกับพวกนักธุรกิจเหล่านี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...