จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 791

พ่อของเหยียนเสวเหวิน ได้ขึ้นสู่เวทีอีกครั้ง

ถือไมโครโฟนขึ้น พร้อมกับยิ้มแย้มอย่างภาคภูมิใจ: “ทุกท่าน ยินดีต้อนรับที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ทางเราได้จัดขึ้น......

หลังจากที่ได้กล่าวต้อนรับและแนะนำงานเลี้ยงเสร็จแล้ว ด้านล่างเวที ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น

ทางฝั่งของตระกูลฉิน กลับเงียบสงบอย่างผิดปกติ

มีคนหนึ่งส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาขึ้น และพูดว่า: “ทำเป็นพูดดี วันนี้ที่นายจัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไร ทุกคนต่างก็ชัดเจนเป็นอย่างดี ทำไมจะต้องมาพูดจาอะไรที่สวยงามแบบนี้ด้วย! ”

“ทำให้ผู้คนฟังแล้ว กลับรู้สึกเอือมระอา”

ภายในห้องโถง ก็พลันเงียบสงบลงอย่างน่าตกใจ

พ่อของเหยียนเสวเหวินยืนอยู่บนเวที ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไป แต่แววตาของเขา กลับแสดงความหม่นหมองขึ้นมาแวบหนึ่ง

ทางฝั่งของตระกูลฉิน ก็มีคนพูดขึ้นอีกว่า: “พูดได้ถูกต้อง ตระกูลเหยียนจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นเพื่อคิดจะทำอะไร ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาเลย อย่าได้มาทำเป็นเล่นละครตบตาอยู่แบบนี้”

ทางฝั่งของตระกูลเหยียน ก็มีคนพูดโต้แย้งขึ้นเสียงดัง: “พวกนายพูดอะไรกัน? ใครจอมปลอมหลอกลวงกันล่ะ! หากรู้สึกว่าเป็นการหลอกลวงพวกนายไม่ต้องมาก็ได้! ”

ทางฝั่งของตระกูลฉินก็มีเสียงโต้แย้งขึ้น: “นายคิดว่าพวกฉันอยากจะมาอย่างนั้นเหรอ? ถ้าหากตระกูลเหยียนไม่ใช้กำลังเข้าบีบบังคับ พวกฉันคงไม่มีทางมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้อย่างเด็ดขาด! ”

เห็นคนของทั้งสองฝั่งพูดจาไม่ลงรอยกัน ใกล้ที่จะเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นแล้ว

พ่อของเหยียนเสวเหวินที่อยู่บนเวที ก็ถือไมโครโฟนขึ้น และพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า: “ทุกคนเงียบสงบลงกันก่อน! ”

ด้านล่างเวทีไม่มีผู้ใดสนใจ ยังคงที่จะทะเลาะดุด่ากัน

พ่อของเหยียนเสวเหวินโมโหจนสีหน้าหม่นหมอง และตวาดออกมา ด้วยเสียงที่ดังขึ้น: “เงียบสงบกันเดี๋ยวนี้! ”

เสียงตะโกนในครั้งนี้ สุดท้ายก็ได้ผลแล้ว

ทั้งสองฝ่ายหยุดการทะเลาะวิวาท โดยที่ความสนใจของทุกคน ต่างจับจ้องมาที่ตัวของพ่อของเหยียนเสวเหวิน

พ่อของเหยียนเสวเหวินยังคงมีสีหน้าที่หม่นหมอง ถือไมโครโฟนขึ้น แล้วก็กวาดสายตาที่เย็นชามองไปทั่วทั้งบริเวณงาน: “ในเมื่อมีคนรู้สึกว่าข้าพูดพร่ำเพรื่อไร้สาระ อย่างนั้นพวกเราก็มาพูดกันอย่างตรงไปตรงมา”

“ถูกต้อง งานเลี้ยงครั้งนี้ ก็คืองานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง! ”

“วันนี้ ตระกูลเหยียนของฉันจะทำการบีบบังคับฝั่งของพวกนาย เพื่อให้ตกลงเต็มใจที่จะร่วมมือกับตระกูลเหยียน มานั่งรวมกันที่ฝั่งทางนี้ของข้า”

“หากไม่ได้มานั่งทางฝั่งนี้ ก็จะถือว่าเป็นศัตรูกับตระกูลเหยียนทั้งหมด”

“ทุกท่านเริ่มต้นเลือกข้างกันได้เลย! ”

เผด็จการ เด็ดขาด ตระกูลเหยียนได้ยุติการเสแสร้งจอมปลอม แล้วบีบบังคับให้ทุกคนเลือกข้าง

พวกคนเมื่อครู่ที่ตะโกนโวยวายว่าตระกูลเหยียนเสแสร้งจอมปลอม ตอนนี้ต่างก็ตะลึงงันไปกันหมด

พ่อของฉินโส่ว สีหน้าท่าทางจริงจัง: “ดูเหมือนว่าวันนี้ตระกูลเหยียน มีความมั่นใจว่าจะเป็นผู้ชนะ”

จางซือจู่พูดขึ้นอย่างตะลึงและโมโหว่า: “ตระกูลเหยียนนี่มัน ช่างเผด็จการเสียจริง! ”

ฉินโส่วพูดขึ้นอย่างจำใจว่า: “ตระกูลเหยียนมีปรมาจารย์อยู่เบื้องหลัง กล้าที่จะกระทำการโดยทุกวิถีทาง ซึ่งการข่มขู่แบบนี้ ก็ไม่นับว่าผิดแปลกอะไรเลย”

ที่นั่งฝั่งตรงข้าม เหยียนเสวเหวินกับเถียนชุ่ยชุ่ยและคนอื่น ๆ มองมาที่หลินหยุนกับพวกเพื่อน ๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง

จางซือจู่พูดขึ้นอย่างโมโห: “ดูเถียนชุ่ยชุ่ยพวกคนกลุ่มนั้นสิพากันกระหยิ่มยิ้มย่องได้ถึงขนาดนี้? เดี๋ยวหลินหยุนเอาชนะปรมาจารย์ตระกูลเหยียนได้แล้วล่ะก็ ดูสิว่าพวกเขายังจะกล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้อยู่อีกไหม? ”

พวกผู้มีชื่อเสียงและพวกเศรษฐีที่ได้พึ่งพิงมายังตระกูลเหยียนแล้วนั้น ต่างก็ทยอยมองกันมายังพวกคนที่อยู่ในฝั่งของตระกูลฉิน

ในฝั่งของตระกูลฉิน คนส่วนใหญ่ต่างก็มีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม โดยมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

แต่ว่าก็มีบางคน ที่แสดงอาการลังเลใจออกมา ซึ่งชัดเจนว่าจิตใจเกิดความไม่แน่นอนแล้ว

พ่อของเหยียนเสวเหวินพูดต่อว่า: “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้บริษัทอู๋ซื่อกรุ๊ปและบริษัทต่งซื่อกรุ๊ป เพราะว่าได้ปฏิเสธไม่ร่วมมือกับตระกูลเหยียน และยังจะดุด่าปรมาจารย์บู๊ตระกูลเหยียนของฉัน ซึ่งก็ได้ถูกปรมาจารย์ตระกูลเหยียนจัดการอย่างราบคาบไปแล้ว”

“หวังว่าทุกคนจะพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ตอนนี้ยังมีโอกาสที่จะเลือก หากอีกสักครู่ปรมาจารย์ตระกูลเหยียนของฉันออกหน้า ก็คงจะไม่มีการพูดดี ๆ กันแบบนี้อีกแล้ว”

เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทุกคนในฝั่งตระกูลฉิน ต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่หม่นหมอง

มีบริษัทขนาดเล็กหลายราย ได้วิ่งไปอยู่ทางฝั่งของตระกูลเหยียนแล้ว

มีคนเริ่มต้น ส่วนพวกที่เดิมทีกำลังสังเกตการณ์อยู่นั้น ก็ได้ตัดสินใจแล้ว

ฝั่งของตระกูลฉินที่เดิมทีก็มีคนจำนวนไม่มาก ยิ่งมีจำนวนลดน้อยลงไปอีกหนึ่งในสามส่วน

“ฮ่าฮ่า คนที่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี นี่คือการเลือกที่ฉลาดและถูกต้องที่สุด! ” พ่อของเหยียนเสวเหวินพูดขึ้นพร้อมกับกระหยิ่มยิ้มย่อง

ฉินโส่วพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า: “ไอ้พวกสารเลวที่กินบนเรือนขี้บนหลังคา โดยปกติตระกูลฉินของฉันก็ปฏิบัติกับพวกแกเป็นอย่างดี แต่ตอนที่ตระกูลฉินประสบกับวิกฤตปัญหา กลับได้ทอดทิ้งตระกูลฉินแล้วจากไป! ”

พ่อของฉินโส่วถอนหายใจและพูดว่า: “ช่างเถอะ มดแมลงยังรักตัวกลัวตาย แล้วนับประสาอะไรกับพวกนักธุรกิจเหล่านี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์