จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 885

สรุปบท บทที่ 885 หมู่บ้านตันโจว: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอน บทที่ 885 หมู่บ้านตันโจว จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 885 หมู่บ้านตันโจว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่เขียนโดย จูผาซู่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หมู่บ้านตันโจว เป็นหมู่บ้านห่างไกลความเจริญที่อยู่ใกล้ภูเขาใหญ่แห่งหนึ่ง

เป็นเพราะว่าการคมนาคมที่นี่ไม่สะดวก ผู้คนในหมู่บ้านนี้ ก็แทบจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกจนหมดแล้ว นานวันเข้า ทั้งหมู่บ้านแทบจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่อีกเลย

แต่ว่า ก็เป็นเพราะว่าที่นี่ห่างไกลความเจริญ อีกทั้งยังอยู่ใกล้ภูเขาใหญ่ ดังนั้น ที่นี่จึงกลายเป็นจุดศูนย์รวมสำหรับนักกลั่นยาทั้งหลายเข้ามาหาสมุนไพรในป่าเขา

เมื่อเวลานานเข้า ก็มีพวกนักกลั่นยาบางคนเห็นโอกาสในการทำธุรกิจที่นี่ จึงเริ่มมาวางแผงค้าขายที่นี่ แล้วจำหน่ายยาสมุนไพรที่ตัวเองหามาได้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่ตัวเองต้องการ

เมื่อเริ่มมีคนหนึ่งวางแผงค้าขาย แล้วได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ หลังจากนั้นคนอื่นๆก็เริ่มเลียนแบบ ทยอยกันมาวางแผงขายของที่นี่ด้วยเช่นกัน

ในที่สุด ที่นี่จึงกลายเป็นตลาดของโลกกลั่นยาแห่งหนึ่งไปแล้ว ชื่อเสียงก็ค่อยๆโด่งดังไปทั่วทั้งโลกกลั่นยา

หลังจากมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลแล้ว ก็มีคนเสนอว่า ให้ย้ายสถานที่จัดงานประชุมกลั่นยาของโลกกลั่นยามาจัดที่หมู่บ้านตันโจวแห่งนี้

ข้อเสนอนี้ได้รับการยอมรับจากพวกนักกลั่นยามากกว่าร้อยละเก้าสิบทีเดียว อย่างน้อยที่สุดสถานที่จัดงานประชุมกลั่นยาเดิมนั้น ยังไม่มิดชิดพอ อีกทั้งสิ่งแวดล้อมก็ไม่ดีอีกด้วย มีนักกลั่นยาจำนวนมากต่างก็บ่นเรื่องนี้เช่นกัน

ส่วนหมู่บ้านตันโจวไม่เหมือนกัน สถานที่มิดชิดพอ สิ่งแวดล้อมก็ดี อีกทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดังอีกด้วย เมื่อมาจัดงานประชุมกลั่นยาที่นี่แล้ว ก็ถือโอกาสแลกเปลี่ยนสมุนไพรที่ตัวเองต้องการได้อีกด้วย

สำนักยาตันที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดงานประชุมกลั่นยา ก็รีบตอบตกลงทันที

หลังจากที่งานประชุมกลั่นยาได้เข้ามาจัดที่นี่แล้ว ทำให้ชื่อเสียงของเมืองตันโจวโด่งดังมากยิ่งขึ้นในชั่วพริบตา

เพียงแต่ว่า เป็นเพราะสถานที่นี้ห่างไกลความเจริญมากเกินไป หลินหยุนและโม่จือมิ่งต้องเปลี่ยนรถมาหลายครั้ง จึงจะสามารถมาถึงตำบลภูเขาต้าผานที่ห่างไกลจากหมู่บ้านตันโจวหลายสิบกิโลเมตร

ส่วนระยะทางหลายสิบกิโลเมตรจากตำบลภูเขาต้าผานถึงหมู่บ้านตันโจวช่วงนี้ ก็ได้แต่อาศัยเดินเท้าเข้าไป

ยังดีที่หลินหยุนและโม่จือมิ่งต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป หลายสิบกิโลเมตรสำหรับพวกเขาแล้วก็ยังนับว่าไม่เท่าไหร่

จากการนำของโม่จือมิ่ง ในที่สุดหลินหยุนทั้งสองคนก็ได้มาถึงหมู่บ้านตันโจวก่อนที่จะมืดค่ำ

เพราะว่าหมู่บ้านตันโจวไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย จึงเป็นสถานที่เปลี่ยวมาก หลินหยุนมองดูบริเวณรอบๆล้วนแต่เป็นซากปรักหักพังทั้งนั้น บ้านเรือนพวกนั้นมองดูก็รู้ว่าไม่ได้ซ่อมแซมมานานหลายปีแล้ว

แต่ว่า สถานที่บริเวณเชิงเขาต้าผาน กลับมีคฤหาสน์ขนาดใหญ่มหึมาหลังหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับซากปรักหักพังรอบๆบริเวณนั้นแล้วก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สำหรับบ้านเรือนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นแล้ว คฤหาสน์หลังนี้ก็เหมือนกับเป็นปราสาทโบราณในสมัยยุคกลางของยุโรป ทั้งลึกลับและแปลกประหลาด

“นั่นก็คือเมืองตันโจว!” โม่จือมิ่งมองไปยังคฤหาสน์หลังนั้น สายตาเต็มไปด้วยความหวังที่รอคอย

“สถานที่แห่งนี้ สำหรับหุบเขาเทพยาแล้ว เป็นความอัปยศอดสูที่ไม่มีวันจางหายไปได้เลย”น้ำเสียงของโม่จือมิ่งแฝงด้วยความอัดอั้นตันใจ

สามารถทำให้คนอย่างโม่จือมิ่งยังไม่ยอมปล่อยวางความอัปยศอดสูครั้งนี้ได้ จะเห็นได้ว่าตอนนั้นตระกูลป๋ายหลี่แห่งโลกบู๊โบราณและเทพธิดาซูม่านม่าน ได้สร้างบาดแผลที่ปวดร้าวไว้ให้กับหุบเขาเทพยามากเพียงใด

หลินหยุนมองดูโม่จือมิ่งแวบเดียว มุ่งหน้าเดินไปยังคฤหาสน์หลังนั้น แล้วทิ้งคำพูดไว้ว่า “คราวนี้ ฉันก็จะไปทวงคืนความอัปยศที่คุณได้รับพร้อมกับดอกเบี้ยคืนมาให้หมด”

ในใจโม่จือมิ่งรู้สึกสะดุ้ง รีบวิ่งตามหลินหยุนไปด้วยความดีใจ: “ได้ยินคำพูดของปรมาจารย์หลินคำนี้แล้ว งานประชุมกลั่นยาครั้งนี้ จะต้องล้างความอับอายที่หุบเขาเทพยาได้รับมาหลายปีอย่างแน่นอน”

ในไม่ช้า ทั้งสองคนก็มาถึงหน้าประตูของคฤหาสน์

ประตูใหญ่สีดำใหญ่โตโอ่อ่ามาก ประตูด้านบนเขียนด้วยตัวอักษรตัวเต็มสามตัวว่า เมืองตันโจว

ด้านข้างของประตูทั้งสอง มีเตาเผาสีทองแดงอยู่ทั้งสองข้าง ภายในเตาเผาว่างเปล่าไม่มีเถ้าถ่านอะไรเลย

คฤหาสน์หลังหนึ่ง ถึงกับใช้ชื่อเมืองมาตั้งชื่อ แสดงให้เห็นถึงความละโมบของนักกลั่นยาพวกนี้

แต่ว่าตอนนี้ประตูก็ยังปิดสนิทอยู่ ดูแล้วไม่เหมือนกับกำลังมีการจัดงานอะไรขึ้นเลย

โม่จือมิ่งก็รีบอธิบายว่า “งานประชุมกลั่นยาไม่ต้องมีเวรยาม แต่ว่ากลับมีกฎกติกาอยู่”

“คนที่อยากจะเข้าไปในเมืองตันโจว จะต้องผ่านการทดสอบจากหน้าประตูก่อน”

พูดพลางโม่จือมิ่งก็เดินไปตรงหน้าเตาเผาสีทองแดงด้านข้างประตู แล้วยื่นมือข้างหนึ่งกดลงไปบนเตาเผานั้น

โม่จือมิ่งก็สูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็ส่งพลังออกมาทันที แล้วตะโกนพูดว่า “จุดไฟ!”

เตาเผาที่ว่างเปล่าก็เกิดเปลวไฟขึ้นมาทันที หลังจากนั้นประตูสีดำที่ปิดสนิทอยู่ก็เปิดเปิดออกทันที

สามารถมองเห็นภายในที่มีสภาพเหมือนกับตลาดสดขายผักที่ครึกครื้น

สำหรับหลินหยุนแล้ว ของที่มีชี่ทิพย์พวกนั้น ก็เหมือนกับดวงจันทร์บนท้องฟ้า

ขอเพียงเป็นของที่มีชี่ทิพย์อยู่ ก็ไม่มีทางรอดพ้นจากความรู้สึกรับรู้ของหลินหยุนไปได้เลย

เดินไปทางตามทาง โม่จือมิ่งก็เริ่มเดินช้าลงมาก เพราะว่าเขาคิดว่าหลินหยุนต้องการดูของ ความเร็วในการเดินจะต้องไม่เร็วจนเกินไป

แต่ว่า ความเร็วของหลินหยุนกลับนำหน้าเขาไปแล้ว

เขาสังเกตเห็นหลินหยุนไม่ได้ดูแผงขายของที่อยู่สองข้างทางว่าขายอะไรบ้าง ก็เดินผ่านไปเลย

ในใจของโม่จือมิ่งแอบคิดว่า “ดูเหมือนของที่นี่คง ไม่ได้อยู่ในสายตาของปรมาจารย์หลินเลย”

โม่จือมิ่งก็รีบเร่งฝีเท้าเดินตามขึ้นไป แล้วพูดเตือนหลินหยุนอยู่ข้างหลังด้วยเสียงเบาๆว่า “ปรมาจารย์หลินครับ สมุนไพรบางอย่างยากที่จะแยกออกว่าดีหรือไม่ด้วยการมองผ่านผิวเผิน คุณสามารถเดินช้าหน่อย เพื่อจะดูให้ละเอียดขึ้นนะ”

หลินหยุนไม่ได้หันหลังและไม่ได้หยุดเดิน พูดอย่างเงียบๆว่า “ไม่ต้องหรอก คุณตามฉันมาก็ได้แล้ว”

ในใจโม่จือมิ่งถึงแม้ไม่เข้าใจก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าถาม ได้แต่เดินตามหลังหลินหยุนไป

ในไม่ช้า หลินหยุนก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าแผงขายของแผงหนึ่งที่อยู่หัวมุม

โม่จือมิ่งมองไปยังแผงลอยนั้น มีพวกโสมป่าที่พบเห็นบ่อยๆจำนวนหนึ่ง มีอยู่ต้นหนึ่งน่าจะมีอายุเก่าแก่เกินร้อยปีแล้ว

หรือว่าปรมาจารย์หลินก็ถูกใจโสมป่าต้นนี้เหรอ?

โสมป่าเก่าแก่ที่มีอายุเกินร้อยปีถึงแม้มีไม่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นของล้ำค่าอะไร ปรมาจารย์หลินคงไม่ใช่ถูกใจโสมป่าต้นนี้หรอกนะ!

ระหว่างทางที่เดินมานั้น โม่จือมิ่งก็ได้เห็นสมุนไพรบางอย่างไม่เลวเลย ในตลาดก็หาได้ยากด้วย ยังไงก็ล้ำค่ากว่าโสมป่านี้มาก

แต่ว่าหลินหยุนกลับไม่มองก็เดินหนีไปแล้ว

ทำไมตอนนี้ถึงกับถูกใจโสมป่าต้นหนึ่งล่ะ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์