เถ้าแก่แผงลอยคนนั้น เป็นชายวัยกลางคนสวมชุดยีนส์และหมวกปากเป็ด
ดูไปแล้วไม่เหมือนนักกลั่นยาเลยสักนิด เหมือนนักล่าสัตว์มากกว่า
หลินหยุนเอ่ยถามอย่างเรียบ ๆ : “โสมป่านี้ขายยังไง?”
เถ้าแก่เงยหน้ามองหลินหยุน แววตาแฝงด้วยความดูถูกเล็กน้อย
“ของของฉันไม่ขาย แลกเปลี่ยนเท่านั้น ดูนายอายุยังน้อย คงไม่มีของที่ฉันต้องการหรอก นายไปถามที่อื่นดูเถอะ!” เถ้าแก่เห็นหลินหยุนอายุยังน้อย จึงรู้สึกดูถูกเขาอยู่บ้าง
โม่จือมิ่งไม่ค่อยพอใจขึ้นมา เอ่ยพูดด้วยเสียงขรึมว่า : “เถ้าแก่ คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตา น้ำทะเลไม่อาจตวงวัดได้ บอกแค่ของที่ต้องการให้นำมาแลกก็พอ”
เมื่อเถ้าแก่เห็นโม่จือมิ่ง ก็ไม่กล้าดูถูกทันที แล้วเอ่ยพูดว่า : “ฉันเข้าไปหายาในเขาบ่อย ๆ จึงได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ฉันจึงไม่ต้องการสมุนไพรปรุงยา แต่ต้องการโอสถสำเร็จรูป”
“ถ้าหากนายต้องการโสมป่าเหล่านี้ของฉัน ก็เอายารักษาบาดแผลมาแลกเปลี่ยน ยารักษาบาดแผลหนึ่งเม็ด แลกกับโสมป่าหนึ่งต้น”
โม่จือมิ่งแสยะยิ้ม : “ถึงแม้ยารักษาบาดแผลจะพบเห็นได้บ่อย ๆ แต่มูลค่าสูงกว่าโสมป่านี้เยอะเลย นายต้องการของที่มีราคาสูงเกินไปหรือเปล่า?”
เถ้าแก่หัวเราะแหะแหะ : “เมื่อครู่นี้นายให้ฉันบอกสิ่งของที่ต้องการให้นำมาแลกเปลี่ยน ตอนนี้ฉันก็บอกแล้วไง แต่นายกลับไม่พอใจที่ราคามันสูงไป ฉันว่าพวกนายไม่มีปัญญานำมาแลกมากกว่า อย่ามาคุยโวโอ้อวดอยู่ที่นี่เลย รีบไปซะ!”
โม่จือมิ่งแค่นเสียงหึออกมาอย่างไม่พอใจ และไม่ได้สนใจเถ้าแก่คนนั้นอีก แต่ได้เข้าไปกระซิบข้างหูของหลินหยุนด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “ปรมาจารย์หลิน เถ้าแก่คนนี้เห็นว่าคุณอายุน้อย เลยจงใจพูดยั่วโมโหคุณ”
“คุณอย่าตกหลุมพรางนะ โสมป่านี้พบเห็นได้ง่าย แผงลอยอื่น ๆ ต้องมีอีกแน่นอน พวกเราไปหาดูเถอะ”
หลินหยุนเอ่ยอย่างเรียบ ๆ : “ไม่ต้องหรอก”
“ฉันใช้ไอ้นี่แลกกับโสมป่าพวกนี้ของนาย เป็นไง?”
หลินหยุนหยิบเอายาเสริมจิตออกมาจากแหวนเก็บของ เมื่อยาปรากฏออกมา ก็ได้มีกลิ่นหอมสดชื่นโชยออกมา
คนที่สามารถเข้ามาในเมืองตันโจวได้ ล้วนเป็นนักกลั่นยาทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่คนนั้นเป็นคนรู้จักมูลค่าสิ่งของเป็นอย่างดี เมื่อเห็นหลินหยุนหยิบยาเสริมจิตเม็ดนั้นออกมา ก็ร้องอย่างตกตะลึงทันที : “โอสถชั้นยอด!”
“ถ้าหากนายใช้โอสถเม็ดนี้แลกเปลี่ยนกับฉัน ฉันต้องเต็มใจแลกอยู่แล้ว”
“แต่ว่า ฉันไม่มีสิ่งของอย่างอื่นให้นายอีก แน่นอนว่าโสมป่าเหล่านี้นายสามารถเอาไปหมดได้เลย”
พูดจบ เถ้าแก่คนนั้นกลับค่อย ๆ เอาโสมป่าที่อายุแก่สุดต้นนั้น แอบซ่อนเอาไว้
โม่จือมิ่งแค่นเสียงหึออกมา : “คนอย่างแกนี่มันโลภมากจริง ๆ โอสถชั้นยอดเม็ดนี้ มีมูลค่าพอที่จะแลกกับโสมป่าของแกได้ตั้งมากมาย แต่แกกลับแอบเอาต้นที่มีอายุแก่สุดต้นนั้นไปซ่อน”
“แหะแหะ ถูกนายจับได้ซะแล้ว เอาล่ะเอาล่ะ ให้พวกนายก็ได้” เถ้าแก่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน แล้วเอาโสมป่าต้นนั้นออกมา
“ไม่ต้องหรอก ฉันต้องการแค่พวกนี้ก็พอแล้ว” หลินหยุนไม่ได้ต้องการโสมป่าอายุแก่สุดต้นนั้น เพียงแต่เก็บเอาโสมป่าที่ต้นยังอ่อน และมีสีแดงเล็กน้อยเหล่านั้นมา
โม่จือมิ่งขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน : “ปรมาจารย์หลิน โสมป่านี้ ยิ่งอายุแก่ก็ยิ่งมีประสิทธิ์ดี โสมป่าที่มีสีแดงเหล่านั้น มีอายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น ใช้หลายต้นก็ยังเทียบกับต้นที่มีอายุนับร้อยปีต้นเดียวไม่ได้”
หลินหยุนจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกันล่ะ?
เพียงแต่ว่า โสมป่าที่เริ่มมีสีแดงเหล่านั้น ไม่ใช่เพราะมันมีอายุที่สั้น เป็นเพราะมันไม่ใช่โสมป่า แต่มันคือโสมเลือดต่างหาก
ที่โม่จือมิ่งพูดมาก็ไม่ผิด แต่เขากลับไม่รู้ว่า ยังมีโสมเลือดอีกด้วย
มูลค่าของโสมเลือด แพงกว่าโสมป่าเป็นร้อยเท่า
ดังนั้นตั้งแต่แรกที่หลินหยุนรู้สึกสนใจ ไม่ใช่โสมป่าอายุร้อยปีต้นนั่น แต่เป็นโสมเลือดเหล่านั้นที่ในสายตาของนักกลั่นยาเป็นเพียงโสมป่าที่อายุสิบกว่าปี
“วางใจเถอะ ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ” หลินหยุนเอ่ยพูดกับโม่จือมิ่งอย่างราบเรียบ
ด้วยความเชื่อมั่นใจตัวหลินหยุน โม่จือมิ่งจึงรู้สึกว่าการที่หลินหยุนทำเช่นนี้ เขาต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน จึงไม่ได้พูดโน้มน้าวอะไรอีก
เถ้าแก่เอายาเสริมจิตที่หลินหยุนให้เขามาจับดูแล้วพูดด้วยสีหน้าดีใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก : “รวยแล้ว รวยแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะโชคดี ที่ได้พบกับไอ้โง่สองคน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...