ลมภูเขาพัดผ่านมา เสียงลมดังหวีดหวิวราวกับเสียงผีร้องครวญคราง
ลมภูเขาที่พัดโหมกระหน่ำมากะทันหันนี้รุนแรงมาก จนทำให้ผู้คนทั่วไปต้องรีบใช้มือปิดตาไว้
แต่ว่า ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนที่ราบ กลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่เส้นผม เหมือนสายลมนั้นพัดข้ามพวกเขาไป
เมื่อทุกคนได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เทพสงครามที่อยู่ในสนามได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
“วัชรไวโรจนะ!”
เสียงใสกังวานราวกับเสียงเพลง คล้ายเสียงสวดภาษาสันกสฤตได้ดังขึ้นอย่างกะทันหันที่บนยอดเขา
ทุกคนรีบแหงนหน้าไปมอง
เห็นมีพระอาทิตย์ดวงน้อยสีทองลอยอยู่กลางอากาศ แผ่ความร้อนออกมาจนร้อนระอุไปทั่ว
แน่นอนว่า นี่ไม่ได้พระอาทิตย์ดวงน้อยที่ไหน แต่เป็นเจียงร่อโจ๋นั่นเอง
ตอนนี้ ทั่วตัวของเขาไปเปล่งแสงสีทองเรืองรอง มีพลังที่แกร่งกล้าราวกับแดดที่แผดเผาออกมา
ถึงแม้วันนี้เขาอยู่ในระดับปรมาจารย์ชั้นสูงสุดเท่านั้น แต่พลังของเขาเทียบได้กับแดนเทพแล้ว
“ถูกเรียกว่าเป็นเทพสงครามได้ ก็ต้องมีวิชาอยู่บ้างแหละนะ” หลินหยุนมองเขา แล้วเอ่ยพูดอย่างราบเรียบ
วัชรไวโรจนะ มาจากพระไวโรจนพุทธะ
ตอนนี้ ไวโรจนปรากฏขึ้นแล้ว แต่วัชระยังไม่ปรากฏออกมา
แต่ในชั่วพริบตาเดียว แสงสีทองที่อยู่กลางอากาศก็ได้เปลี่ยนไป
เจียงร่อโจ๋ที่มีแสงสีทองอยู่รอบตัว ได้กระแทกหมัดเข้าใส่หลินหยุน
ตอนนี้ ร่างที่มีสีทองนั้น เหมือนวัชระที่ลงมาสู่พื้นโลก มาพร้อมพลังที่ยิ่งใหญ่ ราวกับจะสังหารปีศาจทุกตนที่อยู่บนโลกใบนี้
ทหารระดับสูงทุกคน ต่างตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา : “สมกับที่เป็นเทพสงครามจริง ๆ พลังอย่างนี้ เกินขีดจำกัดความเป็นมนุษย์ไปแล้ว!”
“คำว่าเทพสงครามนี้ เขาสมควรได้รับมัน!”
“ฉันคิดว่า เมื่อครู่นี้ที่เทพสงครามพูดว่าตัวเองสู้ปรมาจารย์หลินไม่ได้ คงเป็นการถ่อมตัวเท่านั้น หมัดนี้ คงทำลายรถยนต์คันหนึ่งได้เลย ปรมาจารย์หลินจะรับมือได้หรือเปล่านะ?”
“จริงด้วย เทพสงครามถ่อมตัวมาตลอด ในทางกลับกัน ปรมาจารย์หลินอายุน้อยอย่างนั้น กลับโอหังอวดดีไม่มีใครเกิน”
“หวังว่าครั้งนี้เทพสงครามจะเอาชนะเขาได้ ทำให้เขาได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน”
หวางเซิ่งเฉียนกอดอก มองดูเทพสงครามที่มีแสงสีทองเรืองรองราวกับวัชรไวโรจนะ ที่อยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าสนุก : “แดนปรมาจารย์ แต่สามารถแสดงพลังแดนเทพได้ สมกับที่เป็นเทพสงครามแล้วจริง ๆ”
“แต่น่าเสียดาย ถึงสามารถแสดงพลังแดนเทพได้ แต่คุณก็ไม่ใช่แดนเทพอยู่ดี”
ถึงแม้หวางเซิ่งเฉียนไม่ได้พูดออกมาว่าแพ้หรือชนะ แต่ ความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว
นักบู๊ทั้งหลายที่มาชมการต่อสู้ครั้งนี้ เห็นพลังของเจียงร่อโจ๋ ต่างรู้สึกยกย่องเป็นอย่างมาก
ถึงขนาดที่มีหลายคนคิดว่า ปรมาจารย์หลินต้านทานหมัดนี้ไว้ไม่ไหว
ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมมองเหตุการณ์นี้ ก็พึมพำด้วยความตกตะลึง : “ไอ้หมอนี่ก้าวหน้าเร็วชะมัดเลย ถ้าหากฉันสู้กับเขา คงสู้เขาไม่ได้แล้ว”
“แต่ว่า หลินหยุนต้องสู้ได้แน่นอน”
หลินหยุนมองไปที่เจียงร่อโจ๋อย่างนิ่ง ๆ สองมือไขว้หลัง สีหน้านิ่งเฉย
ดูไปแล้ว ทำให้รู้สึกว่าเขาเย่อหยิ่งจองหองเสียเหลือเกิน เหมือนกับดูถูกศัตรูของตัวเองไม่มีผิด
แต่เจียงร่อโจ๋ไม่ได้โมโหอะไร เขาได้ปล่อยพลังทั้งหมดออกมาจนไม่เหลือ
เพราะเขารู้ดีแก่ใจว่า โอกาสที่ตัวเองได้ลงมือ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
รอให้การโจมตีของเจียงร่อโจ๋มาถึงตรงหน้า หลินหยุนถึงค่อย ๆ ยื่นมือออกมา รับหมัดของเจียงร่อโจ๋ไว้ตรง ๆ
“บางครั้ง ยึดติดกับรูปลักษณ์มากเกินไป จะทำให้ตกต่ำได้”
“การฝึกตน ไม่เพียงแต่ฝึกพลังเท่านั้น แต่ต้องฝึกจิตใจด้วย”
“แกปล่อยวางไม่ได้ เช่น เกียรติยศของแก ความดื้อรั้นของแก”
“ฉะนั้น ต่อให้ผ่านไปอีกร้อยปี แกก็ยังผ่านไปแดนเทพได้ยาก”
หลินหยุนพูดอย่างราบเรียบ คำพูดที่ราบเรียบนั้นดังขึ้นในหูของเจียงร่อโจ๋ เหมือนกับระฆังแจ้งเตือน
เจียงร่อโจ๋มีสีหน้าเคร่งขรึม พลังทั้งหมดได้รวบรวมอยู่ที่หมัดนี้แล้ว แต่ว่า ยังคงยากที่จะเดินหน้าต่อ
มือข้างนั้นของหลินหยุน เหมือนดั่งคูเมืองธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
ใบหน้าของเจียงร่อโจ๋ค่อย ๆ เหยเกขึ้นมา เขากระหน่ำปล่อยพลังออกไป เพื่อจะข้ามผ่านคูเมืองขนาดใหญ่นั้นไปให้ได้
แต่น่าเสียดาย ที่ทั้งหมดกลับเสียแรงเปล่า ไม่ว่าเขาจะปล่อยพลังมากแค่ไหน มือข้างนั้นของหลินหยุนก็เป็นเหมือนสปริง ที่เจอสิ่งอ่อนนุ่มก็หย่อนตัว เจอสิ่งที่แข็งแกร่งก็แข็งตัว
“จบเถอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...