แท้จริงแล้ว ผลกระทบจากการต่อสู้ระหว่างราชันเทพมารอเวจีกับจ้าวเทียนรุนแรงยิ่งกว่ามหาศึกบรรพกาลมากนัก โดยเฉพาะการปะทะกันครั้งสุดท้าย ที่ทำให้กำแพงจักรวาลพังทลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่
ซึ่งถ้าเหตุการณ์เหล่านี้ มาเกิดด้านนอกสนามรบเทพมารบรรพกาลซึ่งอยู่ในห้วงมิติที่เป็นเอกเทศ ทั้งโลกมนุษย์ แดนสวรรค์และทุกสิ่งทุกอย่างคงถูกทำลายไม่มีเหลือแน่นอน
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าผู้นำขุมกำลังในกองทัพพันธมิตรแดนสวรรค์ จะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างแล้วหันไปมองทิศทางหนึ่งด้วยความหนักใจ เพราะทั้งออร่าเจตจำนงและกลิ่นอายพลังวิญญาณของจ้าวเทียนได้จางหายไปเรียบร้อยแล้ว
“ อย่าตื่นตระหนก เชื่อมั่นในตัวมหาเทพจ้าวเทียนเถอะ เขาไม่มีทางพ่ายแพ้ให้ศัตรูหรอก สิ่งสำคัญตอนนี้พวกเจ้าควรสนใจศัตรูที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่า ”
พูดจบ เทพีอามาเทราสุจ้องมองฝูงมารร้ายที่กำลังถาโถมออกมาจากขุมนรกสิบเจ็ดชั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะนี่คือกองทัพอันไร้เทียมทานที่เคยทำลายแดนสวรรค์ยุคบรรพกาลมาแล้วในอดีต
โฮกกก ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
เหล่ามารร้ายที่เป็นอิสระ ก็ไม่ต้องให้ใครมาสั่งการ ต่างพากันควงอาวุธบุกตะลุยเข้าใส่กองทัพเทพสวรรค์ดุจฝูงฉลามได้กลิ่นโลหิต ราชันมารทั้งหมดเริ่มปลดปล่อยร่างอวตารขนาดยักษ์ เปล่งเสียงขู่คำรามสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“ ฮ่า ฮา ในที่สุดได้เป็นอิสระ ในยุคซึ่งปราศจากสิบจักรพรรดิเทพเช่นนี้ ทัพมารอเวจีของพวกข้าจะเหยียบย่ำแดนสวรรค์ให้ราบเรียบเป็นหน้ากลอง ”
ราชันมารที่เป็นผู้ควบคุมนรกแต่ละขุมได้นำพากองทัพเข้าต่อสู้กับกองทัพพันธมิตรแดนสวรรค์อย่างดุเดือด เพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมาก็มีเหล่าเทพถูกสังหารไปมากมายสุดคณานับ โลหิตท่วมฟ้า ซากศพหลายล้านทับถมกองเป็นภูเขา
“ ท่านบรรพบุรุษ! ”
“ องค์มหาเทพ! ”
เวลานี้กองทัพพันธมิตรแดนสวรรค์ที่ตกหลุมพรางถูกกักอยู่ในเขตอาคม ทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่อดีตมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองเท่านั้น
เนื่องจากฝ่ายศัตรูเหนือกว่าทั้งปริมาณและคุณภาพ หากปะทะกันแบบซึ่งๆหน้า พวกตนคงพ่ายอย่างย่อยยับไม่เหลือซากแน่นอน
“ ท่านพี่อามอนรา ซากศพพิกลพิการตนนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้น้องเอง ” มหาเทพอิซานางิกล่าวขึ้นอย่างให้เกียรติ เพราะหากนับตามลำดับอาวุโสแล้ว ตัวเขาเกิดหลังอีกฝ่ายถึงสามรุ่น
ทั่วทั้งสามภพภูมิต่างรู้ดีว่า ถึงแม้ราชวงศ์เทพไอยคุปต์จะเคยมีมหาเทพแค่องค์เดียว แต่ก็เป็นผู้ซึ่งได้ชื่อว่าแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของมหาเทพทั้งหมด นับตั้งแต่ได้มีการสร้างแดนสวรรค์ใหม่ขึ้นมา
เนื่องจาก…มหาเทพอามอนราคือผู้ได้รับชัยชนะในศึกช่วงชิงบัญชาสวรรค์ครั้งแรก ซึ่งมีคู่ต่อสู้เป็นเหล่าเทพเจ้าและอสูรเทวะจากยุคสมัยบรรพกาลมากมาย
“ ตกลง ” มหาเทพอามอนราตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนจะกลับไปยืนอยู่บนเรือรบสุริยันอย่างสง่างาม แล้วออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูตามลำพัง
“ ด้วยบัญชาแห่งข้า สุสานวีรชนจงเปิดออก ”
วูป!
สิ้นเสียง ด้านหลังมหาเทพอามอนราก็ปรากฏภาพอาณาจักรทะเลทรายโบราณ ที่มีดวงอาทิตย์สีทองลอยเด่นอยู่กลางนภาขึ้น
จากนั้น ก็มีสำแสงเก้าสีก่อตัวขึ้นเป็นสะพานศักดิ์สิทธิ์ แล้วเชื่อมต่อไปยังแดนสวรรค์ที่อยู่ห่างไกลหลายล้านปีแสง
ทำให้หมื่นเผ่าพันธุ์สามารถมองเห็นสะพานแสงตัดข้ามขอบฟ้าไปสู่อาณาเขตหวงห้าม ที่อยู่ลึกสุดในพระราชวังเทพไอยคุปต์อย่างชัดเจน
“ ตื่นขึ้นเถอะ กองทัพอันเกรียงไกรของข้า หนึ่งล้านปีผ่านไปที่พวกเจ้าผนึกดวงวิญญาณตนเองไว้ ถึงเวลาให้ชนรุ่นหลังได้ประจักษ์ถึงตำนานอันไร้เทียมทานของพวกเจ้าแล้ว ”
แว้งงง! ครืนนน!
สุสานวีรชนเทพไอยคุปต์ได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนที่แผ่นดินด้านหน้าปิรามิดขนาดใหญ่จะแยกออกเป็นสองฝั่ง เปิดเผยเส้นทางลับทอดยาวลงไปใต้ดิน
บูม!ๆๆๆ
ทันใดนั้น ก็ได้ปรากฏกองทัพนับล้านก้าวเดินออกมาอย่างพร้อมเพียง ทุกการก้าวเท้าของพวกเขา ราวกับเป็นการเคลื่อนย้ายผ่ามิติ
พริบตาเดียว ก็ข้ามสะพานศักดิ์สิทธิ์มาอยู่เบื้องหน้ามหาเทพอามอนรา แล้วตั้งขบวนรบเตรียมทำสงครามกับศัตรูในหนึ่งลมหายใจ
“ นี่มัน…หรือจะเป็น กองทัพสยบฟ้า ที่เคยกวาดพิชิตสามภพภูมิและเก้าท้องฟ้าสิบแผ่นดินในอดีต ”
“ ฟังว่า หลังจากที่มหาเทพอามอนราได้ครอบครองแดนสวรรค์แล้ว เพราะหวั่นเกรงกองทัพมารอเวจีจะหวนกลับมาอีก จึงได้ทุ่มทรัพยากรทั้งหมดที่ช่วงชิงมาจากศัตรูให้เหล่าหัวกระทิในกองทัพหนึ่งล้านคน เพื่อสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ขึ้น ”
“ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ที่มหาเทพอามอนราสามารถรักษาขุมกำลังของตนเองไว้ แล้วหลบเลี่ยงสายตาของทุกคนมาได้นับล้านปี ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน