จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 633

สรุปบท ภาคสามบทที่่246 2IN1 ประตูนรกพังทลาย กับ ผลลัพธ์การต่อสู้: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

สรุปเนื้อหา ภาคสามบทที่่246 2IN1 ประตูนรกพังทลาย กับ ผลลัพธ์การต่อสู้ – จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ

บท ภาคสามบทที่่246 2IN1 ประตูนรกพังทลาย กับ ผลลัพธ์การต่อสู้ ของ จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ZigFheZ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน หลังราชันเทพมารอเวจีกับจ้าวเทียนเข้าไปต่อสู้กันในสนามรบบรรพกาล กองทัพเสริมอันแข็งแกร่งที่นำมาโดยอดีตสองมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ก็ได้มาถึงอาณาเขตแดนสุขาวดี และเริ่มทำการช่วยเหลือผู้คนในสำนักดาราสวรรค์รวมไปถึงเหล่าพระโพธิสัตว์ทันที

แต่ทว่า

การที่จะบุกทะลวงฝ่าม่านพลังที่ราชันเทพมารอเวจีสร้างไว้ก็ไม่ใช้เรื่องง่าย เพราะเหตุผลที่อีกฝ่ายกล้าละทิ้งสถานที่แห่งนี้ไป นั่นก็เพราะได้เตรียมการป้องกันเอาไว้แล้ว

สุดท้าย เมื่อเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ตัดสินใจใช้อาวุธระดับเทพเจ้าเปิดทางให้ และยอมสังเวยหน่วยกล้าตายทัพพันธมิตรหลายพันคน พวกเขาก็สามารถทำลายค่ายกลสังหารที่ซ่อนอยู่ด้านในได้หมด

เปรี้ยงงง ตูมมม!

“ ไม่ได้ผล เขตอาคมโลหิตนี่ทรงพลังมาก ” เทพีอามาเทราสุเก็บอาวุธเทพเจ้ากลับไป แล้วจ้องมองม่านพลังสีแดงที่ซ่อมแซมตัวเองได้ในพริบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ ให้บรรพชนลงมือเถอะ หากไม่ทำลายทั้งหมดในคราวเดียว พวกที่อยู่ด้านในคงถูกดูดกลืนพลังชีวิตจนแห้งแน่ ”

เทพโอซีริสพูดเตือนคนอื่นๆที่กำลังจะลงมืออีกครั้ง เพราะดูออกว่าเขตอาคมโลหิตนี้ใช้วิธีดูดกลืนพลังชีวิตตัวประกันอยู่ด้านในมาเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง

ซึ่งก็แน่นอนว่า ผู้ที่ได้รับเลือกให้มาทำลายเขตอาคมโลหิตในครั้งนี้ ก็คือมหาเทพอิซานางิที่มีความโดดเด่นด้านการโจมตีเป้าหมายเดี่ยวอันทรงพลัง จนได้รับสมญานาม หนึ่งง้าวทลายหมื่นโลกา

“ ถอยห่างออกไปซะ ” มหาเทพอิซานางิพูดเตือนเหล่าเทพที่ยังอยู่รอบๆอาณาเขตม่านพลังโลหิต ก่อนจะยกชูง้าวพิชิตนภาขึ้นเหนือศีรษะ โดยเล็งคมง้าวไปที่จุดศูนย์กลางเขตอาคมโลหิต

บูมมมม!

เมื่อมหาเทพอิซานางิปลกปล่อยฤทธานุภาพสูงสุด ภาพอวตารสีฟ้าขนาดใหญ่โตมหึมาที่มีศีรษะค้ำยันแดนสวรรค์ ฝ่าเท้าเหยียบย่ำผืนพสุธาก็ปรากฏขึ้นด้านหลัง

จากนั้น เจตจำนงแห่งการทำลายล้างอันเกรี้ยวกราด ก็หมุนวนอยู่รอบคมง้าวพิชิตนภาดุจคลื่นทะเลโหมกระหน่ำอันคลุ้มคลั่ง นี่คือเต๋าราชันอหังการที่เขาบรรลุได้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่

“ ทลายสิ้นสูญ! ”

ตูมมม!

สิ้นเสียง ง้าวพิชิตนภาก็ได้พุ่งทะลวงความว่างเปล่าไปด้วยความเร็วไร้ขีดจำกัด แม้ตัวง้าวยังไปไม่ถึงเป้าหมาย แต่คลื่นพลังของมันก็บดขยี้สรรพสิ่งที่ขวางหน้า จนมองเห็นกำแพงห้วงมิติด้านหลังพังทลายตามมาเป็นชั้นๆ

ทุกคนต่างเข้าใจว่าเมื่อง้าวพิชิตนภาปักตรึงเข้าไปในเขตอาคมโลหิตแล้ว ต่อให้มันไม่ถูกทำลายทันทีก็ต้องถูกทะลวงเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ เปิดโอกาสให้ผู้ผนึกอยู่ด้านในทำลายม่านพลังหลบหนีออกมาได้

แต่ทว่า

ขณะที่กองทัพเทพสวรรค์กำลังจะโห่ร้องชื่นชมยกย่อง ในฤทธานุภาพอันเกรียงไกรแห่งมหาเทพอิซานางิ กลับมีมือที่ขาวซีดข้างหนึ่งยื่นออกมาจากบ่อมารอนธการและคว้าง้าวพิชิตนภาไว้ พร้อมกับเขวี้ยงสวนกลับไปด้วยความรุนแรงที่มากกว่าเดิมสองเท่า

เปรี้ยงงง! ตูมมม!

ถึงแม้มหาเทพอิซานางิจะรับง้าวของตนเองไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่มันก็ทำให้บัลลังก์จักรพรรดินภาสั่นสะเทือน ปรากฏเป็นพายุคลื่นพลังทำลายล้างกวาดออกไปรอบด้าน ส่งให้เหล่าขุนพลเทพหลายแสนนายปลิวกระเด็นไปไกล

“ นี่มัน… ” มหาเทพอามอนราก้าวลงจากเรือรบสุริยัน มาปรากฏกายข้างมหาเทพอิซานางิด้วยท่าทีเคร่งเครียด สายตาทั้งสองจับจ้องไปที่เงาร่างที่ค่อยๆลอยขึ้นมาจากบ่อมารอนธการ

“ ไม่มีกลิ่นอายชีวิต…ไม่มีจิตวิญญาณ…ซากศพงั้นเหรอ? ”

ที่ปรากฏอยู่บนบ่อมารอนธการคือ ร่างกายอันเปลือยเปล่าที่ดูพิกลพิการของบุรุษผู้หนึ่ง ซึ่งเกิดจากการนำชิ้นส่วนมากมายมาเย็บติดกันด้วยเส้นโลหะสีแดง

ใบหน้าซีกซ้ายและแขนขวามีลักษณะเหมือนมนุษย์ ใบหน้าซีกขวาและแขนซ้ายเป็นของเผ่าพันธุ์อสูร ลำตัวมีลักษณะของครึ่งมังกรมีเกล็ดสีดำปกคลุมผิวหนัง ส่วนขาทั้งสองข้างดูคล้ายกลุ่มเถาวัลย์มัดบิดเป็นเกลียว

ดวงตาทั้งสองข้างและริมฝีปากของร่างนี้ ถูกเย็บติดไว้ด้วยเส้นด้ายสีแดงที่เกิดจากอักขระโบราณขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนเรียงร้อยต่อกัน

“ ใบหน้านั่นเป็นของจักรพรรดิเทพโอรสราชัน กับจักรพรรดิอสูรทลายฟ้า ส่วนลำตัวเป็นของจักรพรรดิมังกรทมิฬสังหาร กับจักรพรรดิเถาวัลย์กลืนนภา ”

“ กล้าใช้ซากศพของสี่จักรพรรดิบรรพกาล ที่ตกตายในสนามรบมาสร้างเป็นผีดิบเทวะงั้นรึ ช่างเป็นวิธีการที่น่ารังเกียจและชั่วร้ายจริงๆ ”

บูมมม!

พริบตานั้นเอง กลิ่นอายแห่งจอมราชันผู้กวาดพิชิตยุคสมัยก็ระเบิดออกมาจากซากศพ พร้อมกับผนึกที่ริมฝีปากและดวงตาแตกสลายหายไป ส่งผลให้ผู้ฝึกตนเกือบทั้งหมดบังเกิดความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ

มันเป็นความหวั่นเกรงที่แม้กระทั่งตัวตนระดับผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจควบคุมได้ พวกเขาพากันรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงไปทั่วร่าง จนต้องคุกเข่าลงกราบกรานโดยไม่รู้ตัว

โฮกกกก!

สิ้นเสียงคำรามของซากศพจักรพรรดิเทพ หมื่นดวงดาราดับแสง ความมืดมิดกลืนกินสรรพสิ่ง ปรากฏวงเวทย์เครือข่ายเขตอาคมขนาดใหญ่ครอบคลุมสวรรค์และปฐพี มันได้เชื่อมต่อกับบ่อมารอนธการ กักขังกองทัพพันธมิตรแดนสวรรค์ทั้งหมดไว้ด้านใน

วูบบบบ!

ช่วงเวลานี้สรรพชีวิตล้วนถูกตีตราประทับสัญลักษณ์ดอกบัวสีดำที่กลางหน้าผาก นอกจากสองมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่แล้ว แม้แต่ตัวตนระดับเทพีอามาเทราสุและเทพโอซีริสก็ยังไม่อาจหลบพ้นไปได้

“ แย่แล้ว…รีบสร้างผนึกป้องกันจิตวิญญาณตนเองไว้ นี่คือคำสาปมรณะราชันทวงแค้นจากยุคบรรพกาล ”

เทพธอธซึ่งเป็นเทพแห่งปัญญาร้องตะโกนขึ้นด้วยความหวาดกลัว พร้อมทั้งพยายามลบตราประทับที่กลางหน้าผากตนเองอย่างร้อนรน

“ อยู่นิ่งๆ อย่าตื่นตระหนก! ”

ไวเท่าความคิด ทั้งมหาเทพอามอนราและมหาเทพอิซานางิก็ได้วาดฝ่ามือออกไป เกิดเป็นรัศมีวงแสงศักดิ์สิทธิ์สีแดงและสีเขียว กวาดออกไปสลายตราประทับคำสาปให้กองทัพพันธมิตร

ทว่าถึงแม้พวกเขาจะลงมืออย่างรวดเร็ว แต่ก็สามารถช่วยเหลือได้เพียงแค่ราชวงศ์เทพของตนเองและกองทัพพันธมิตรฝ่ายอื่นๆแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนพวกที่เหลือก็ร่างกายแข็งทื่อสูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าไปอย่างสิ้นเชิง

สังเวยชีพ แค้นดับมลายสูญ!!

เมื่อซากศพจักรพรรดิเทพเสร็จสิ้นพิธีกรรมปลดปล่อยคำสาปมรณะ ผู้ที่ยังมีตราประทับอยู่บนหน้าผากก็หลั่งโลหิตออกมาจากทวารทั้งเจ็ด จิตวิญญาณของพวกเขาถูกความโกรธเกลียด คลั่งแค้นของจักรพรรดิยุคบรรพกาลกลืนกินลากจมดิ่งสู่นรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด

บูมมม!ๆๆๆๆๆๆ

พริบตานั้นเอง ดวงวิญญาณหลายพันล้านที่สูญสิ้นไป รวมทั้งแกนพลังเทพและเลือดอายุวัฒนะ ก็ได้ถูกดูดกลืนโดยเจดีย์นรกสิบแปดชั้น เพื่อคลายพันธนาการที่ถูกกฎเกณฑ์สูงสุดแห่งจักรวาลผนึกตัวมันเอาไว้

ตูม! ๆๆๆๆๆๆๆ

ประตูนรกชั้นแรกพังทลาย!!

ประตูนรกชั้นสองพังทลาย!!

ประตูนรกชั้นที่สามพังทลาย!!

“………………………… ”

ประตูนรกชั้นที่สิบเจ็ดพังทลาย!!

ยกเว้นชั้นสุดท้าย ที่กักขังเหล่าจักรพรรดิอสูรแห่งเผ่าพันธุ์อเวจีในตำนานแล้ว ประตูนรกอื่นๆล้วนถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น ส่งผลให้หนึ่งพันราชันและหมื่นล้านหมู่มารเป็นอิสระในทันที

“ นี่สินะ…เป้าหมายที่แท้จริงของราชันเทพมารอเวจี เหตุผลที่มันกล้าละทิ้งตัวประกัน แล้วไปต่อสู้กับมหาเทพจ้าวเทียนในสนามรบบรรพกาล ก็เพื่ออาศัยคำสาปราชันทวงแค้น เซ่นสังเวยกองทัพพันธมิตรสวรรค์ปลดปล่อยนรกสิบแปดชั้น ”

ในเวลาเดียวกัน

ณ จุดศูนย์กลางสนามรบบรรพกาล มองเห็นอวตารเปลวเพลิงสีทองขนาดใหญ่โตมโหฬารของจ้าวเทียน ใช้สองมือค้ำยันม่านผนึกอาคมเก้าอเวจีที่มีลักษณะคล้ายดวงตะวันสีดำไว้ ซึ่งคล้ายกับตอนมหาเทพผานกู่เบิกฟ้าแยกปฐพีไม่มีผิด

ฉัวะ!

จากนั้น ก็มีแสงกระบี่อันเลิศล้ำพิสดารแทงทะลุม่านผนึกอาคมออกมา บดขยี้หนึ่งในสามเศียรของราชันเทพมารเป็นผุยผง

นี่คือกระบี่สัจธรรมสูงสุดแห่งสามพันเต๋า ซึ่งสามารถตัดธรรมและลบเลือนเหตุและผลของอดีต ปัจจุบัน อนาคต มันได้สังหารดวงวิญญาณหนึ่งในสามของราชันเทพมารอเวจีโดยตรง ทั้งยังระเบิดพายุรังสีกระบี่เพื่อกวาดทำลายอีกสองเศียรที่เหลืออีกด้วย

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็ได้บั่นทอนความมั่นใจและสั่นสะเทือนเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของจ้าวเทียนเป็นอย่างมาก จนเขาสูญเสียสมาธิไปครู่หนึ่ง ทำให้ร่างอวตารเปลวเพลิงถูกม่านพลังบดขยี้จนแตกสลายไปทันที

“ จงตายซะ!! ”

ราชันเทพมารอเวจีตวาดสียงเย็นชา เดิมทีมันต้องการใช้นรกเก้าขุมทรมานจิตวิญญาณจ้าวเทียนให้แตกสลาย เพื่อหาโอกาสช่วงชิงสองสุดยอดสมบัติโกลาหลแรกเริ่มที่เขาครอบครองอยู่

แต่ในตอนนี้มันไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว สิ่งของเหล่านั้นจะได้มา หรือไม่ได้มาก็ช่าง ขอเพียงได้สังหารฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นเรื่องสิ้นราวก็พอ

ตูมม!ๆๆๆๆๆๆๆๆ

เก้าขุมนรกที่กำลังฉีกกระชากดวงวิญญาณจ้าวเทียนระเบิดขึ้นพร้อมกัน ส่งผลให้ภาพจักรวาลแม่น้ำเต๋าที่ลอยอยู่เหนือศีรษะจ้าวเทียนพังทลาย คลื่นพลังทำลายล้างที่ปะทุออกมายังทำลายกายเนื้ออันแข็งแกร่งของเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“ เคล็ดกายาเพลิงอมตะ ”

พริบตานั้นเอง เจตจำนงที่เหลืออยู่ของจ้าวเทียนได้แปรเปลี่ยนเปลวเพลิงสุริยันเป็นเปลวเพลิงแห่งนิพพาน แล้วปลดปล่อยทั้งหมดระเบิดออกมาในคราวเดียว

เขาต้องการใช้เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เผาไหม้พลังชั่วร้ายของนรกทั้งเก้าขุมที่เกาะกินดวงวิญญาณตนเอง เพื่อคืนชีพใหม่จากกองเถ้าถ่านเหมือนนกฟีนิกซ์

“ อย่าได้หวังไป ” ราชันเทพมารอเวจีใช้แขนทั้งหกข้าง เหวี่ยงง้าวจักรพรรดิทมิฬฟาดฟันใส่ร่างแสงที่กำลังถือกำเนิดขึ้นใหม่ของจ้าวเทียนอย่างดุดัน

เปรี้ยงง!ๆๆๆๆๆ

หมื่นกฎเกณฑ์ก็ดี พลังแห่งสวรรค์ปฐพีก็ช่าง แม้กระทั่งห้วงมิติ กาลเวลา หรือสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิดใหม่ ล้วนแล้วถูกคมง้าวทั้งหกฉีกกระชากจนขาดกระจุย

นี่คือกระบวนท่าสังหารที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง สามารถลบเลือนทั้งชีวิตและตัวตนของศัตรูหายไปจากอดีต ปัจจุบัน อนาคต ตลอดกาล

แต่ทว่า

แว้งค์!!

ไวเท่าความคิด เมื่อรับรู้ว่าเจ้าของตกอยู่ในอันตราย ที่ด้านหลังจ้าวเทียนเสมือนมีประตูบานหนึ่งเปิดออก

มันได้ระเบิดพลังจำนวนมหาศาล สร้างเป็นเกราะป้องกันสีทองหลายหมื่นหลายพันชั้น ต้านทานการโจมตีทั้งหมดไว้หนึ่งลมหายใจ

ครืนนน!

และภายในห้วงมิติดาราจักรที่กว้างใหญ่สุดเปรียบปาน ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของประตู นั้นเอง ได้ปรากฏเงาของต้นไม้ขนาดยักษ์แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมฟ้าดินฟื้นตื่นขึ้น มันมีขนาดใหญ่โตจนสุดจะประเมินได้

ใบไม้แต่ละใบรองรับดวงดาวแต่ละดวงไว้ ทางช้างเผือกแต่ละสายพันล้อมรอบระหว่างกิ่งไม้แต่ละกิ่ง เหนือสุดของยอดไม้คือเก้าท้องฟ้าสิบแผ่นดินเสมือนเป็นตัวแทนของจักรวาล

ฉัวะ!

กิ่งใหญ่ของต้นไม้เอกภพที่ค้ำชูยอดสัจธรรมแห่งชะตาฟ้าดิน ได้แทงทะลวงผ่านกำแพงมิติและห้วงกาลเวลาไร้จุดสิ้นสุด

มันได้ข้ามผ่านระยะไกลสุดขอบจักรวาล มาปะทะกับคมง้าวทั้งหกของราชันเทพมารอเวจี ที่เพิ่งจะทำลายเกราะป้องกันทั้งหมดซึ่งขวางกั้นอยู่ด้านหน้า

แวบ!

ซึ่งในเสี้ยววินาทีนั้น จ้าวเทียนก็ใช้พลังที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด ปลดปล่อยร่างเจตจำนงเทพยุทธออกมาโจมตีฝ่ายตรงข้ามเช่นเดียวกัน

เปรี้ยงงง! ตูมมมมมม!

เวลานี้ แม้แต่สนามรบเทพมารบรรพกาลก็ไม่อาจรองรับความเสียหายที่เกิดจากขุมพลังทำลายล้างทั้งสองได้ ส่งผลให้กำแพงที่ห่อหุ้มจักรวาลพังทลายเป็นหลุมกว้างขนาดยักษ์

ทั้งเทพมารอเวจีและจ้าวเทียนถูกแรงดึงดูดมหาศาลของห้วงมิติโกลาหล กระชากตัวออกไปท่ามกลางความมืดมิดด้านนอกจักรวาล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน