ณ สนามรบเทพมารบรรพกาล
หลังผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมาอย่างต่อเนื่อง ราชันเทพมารอเวจีก็พาร่างกายอันบอบช้ำ เคลื่อนย้ายมิติหลบหนีจ้าวเทียนไปท่ามกลางความมืดมิดอย่างทุลักทุเล โดยมีคลื่นพายุเปลวเพลิงสีทองสว่างเจิดจ้าระเบิดตามไล่หลัง
นี่คืออานุภาพสนามพลังของเคล็ดวิชาหมื่นตะวันขั้นสูงสุด ซึ่งเมื่อมันถูกใช้โดยจ้าวเทียนก็สามารถเผาไหม้กลิ่นอายมารและออร่าความชั่วร้ายทั้งปวงได้ในพริบตา สร้างข้อได้เปรียบในการต่อสู้เป็นอันมาก
“ แกคิดว่าจะหนีพ้นงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพยายามควบคุมรังสีกระบี่นับล้านล้อมกรอบ ทะลวงใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างดุดัน เพื่อผนึกความเคลื่อนไหว ก่อนจะใช้หมัดทลายสวรรค์หยุดเวลาเผด็จศึก
“ บัดซบ! เคล็ดวิชานี้อีกแล้ว ” ราชันเทพมารอเวจีหน้าซีดเผือด รีบละทิ้งกายเนื้อแบ่งแยกจิตวิญญาณเป็นหมอกควันสีดำกระจายตัวหลบหนีสี่ทิศแปดทาง
เปรี้ยง! ตูมมมม! วูบ!ๆ
ร่างในชุดเกราะสีดำถูกลบหายไปในความว่างเปล่า ถึงแม้ดวงจิตบางส่วนของราชันเทพมารจะหนีรอดออกไปได้และสามารถก่อตัวสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมก็ลดลงเล็กน้อย
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นับตังแต่ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่สนามรบเทพมารบรรพกาล จ้าวเทียนก็ปลดปล่อยอานุภาพที่แท้จริงของสมบัติแม่น้ำแห่งเต๋าออกมาเต็มพิกัดทันที
เนื่องจากตัวเขาไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดผลกระทบต่อพันธมิตรตัวเอง และดวงดาวของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในอาณาเขตรอบๆ ทำให้ทุกกระบวนท่า ทุกการโจมตีล้วนเป็นเคล็ดวิชาขั้นสูงสุดทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นพยุหะกระบี่ราชันสวรรค์ สามหมัดราชันจักรพรรดิ หัตถ์ดับตะวัน หรือเคล็ดกระบี่บูรพาสังหาร เมื่อมีขุมพลังอันไร้ขีดจำกัดของแม่น้ำแห่งเต๋าคอยสนับสนุน จ้าวเทียนก็สามารถระเบิดกระบวนท่าไม้ตายใส่ศัตรูได้โดยไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใด
ถึงเวลานี้ทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องพูดถึงข้อตกลงในการร่วมมืออะไรอีกแล้ว เพราะราชันเทพมารอเวจีสัมผัสได้ชัดเจน ว่าอีกฝ่ายมุ่งมั่นต้องการสังหารตนให้ได้เร็วที่สุด โดยไม่สนใจคำขู่ใดๆทั้งสิ้น
“ ราชันเทพมารผู้ยิ่งใหญ่มีดีแค่นี้เองงั้นเหรอ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างเย็นชา เอามือไพล่หลังก้าวเดินเข้าหาฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับออร่าแห่งจอมราชัน ดุจจักรพรรดิผู้กวาดพิชิตยุคสมัย
ตูม!ๆๆๆ
ทุกครั้งที่เท้าจ้าวเทียนเหยียบย่ำไปในความว่างเปล่า หมื่นกฎเกณฑ์แห่งเอกภพก็ตอบสนอง ส่งผลให้ห้วงมิติเวลารอบๆราชันเทพมารอเวจีถูกบีบอัด ร่างกายของมันโดนบดขยี้ทุกทิศทางจนต้องทรุดตัวลงไปคุกเข่าอย่างสิ้นสภาพ
ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะราชันเทพมารอเวจีอ่อนแอ แต่เป็นเพราะจ้าวเทียนที่ครอบครองสมบัติแม่น้ำแห่งเต๋าและต้นไม้เอกภพแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก ราวกับทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง
“ เป็นไปไม่ได้ เจ้ายังไม่ได้บรรลุขอบเขตผู้ปกครองไม่ใช่เหรอ เป็นเพียงขอบเขตจักรพรรดิจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร ” ราชันเทพมารอเวจีรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
เดิมทีจากการคำนวณของมัน ต่อให้จ้าวเทียนจะแข็งแกร่งจนผิดมนุษย์ขนาดไหน มันก็ควรเป็นการต่อสู้ที่สูสีดุเดือดไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบใคร เนื่องจากอีกฝ่ายมีขอบเขตต่ำกว่าตนเองครึ่งขั้น
‘ สรุปข้าหรืออีกฝ่ายกันแน่…ที่เป็นผู้ปกครองเอกภพที่แท้จริง ทำไมสถานการณ์มันถึงได้อยู่นอกเหนือการควบคุมแบบนี้ ’
การที่ราชันเทพมารจะคิดเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนับตั้งแต่จักรวาลได้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ก็ไม่เคยมีจักรพรรดิเทพองค์ใดสามารถต่อกรกับผู้ปกครองเอกภพได้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสะกดข่มอย่างสิ้นเชิงเลย
ไม่อย่างนั้น…แดนสวรรค์ยุคบรรพกาลก็คงไม่ถูกทำลายไปในสงครามครั้งนั้นแล้ว
เปรี้ยงง! ตูมมมม!
และก็เป็นอีกครั้ง ที่ร่างกายของราชันเทพมารอเวจีถูกบดขยี้เป็นฝุ่น ทว่าก่อนที่มันจะแบ่งแยกดวงวิญญาณเพื่อหลบหนี จ้าวเทียนก็รีบใช้เต๋ากระบี่ตรึงอีกฝ่ายไว้ท่ามกลางความว่างเปล่า
“ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าร่างอมตะของแกจะคืนชีพได้อีกซักกี่หน ” พูดจบ จ้าวเทียนก็หงายฝ่ามือทั้งสองขึ้นแล้วดันไปเบื้องหน้า ทำให้เกิดภาพลวงตากระถางสำริดขนาดยักษ์กักขังราชันเทพมารอเวจีไว้ด้านใน
“ เพลิงสุริยันผลาญเก้าภพ! ”
ฮูมมมมม!
พริบตานั้น ก็ปรากฏพายุเปลวเพลิงสีทองปะทุขึ้นในกระถางอย่างรุนแรง ราวกับมีดวงอาทิตย์หลายสิบดวงระเบิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งยังถูกบีบอัดให้อยู่ในวงพื้นที่จำกัด เพื่อปลดปล่อยพลังงานทำลายล้างขั้นสูงสุดอีกด้วย
นี่คือเคล็ดวิชาไม้ตายของจักรพรรดิหมื่นตะวันรุ่นแรก ซึ่งมีเพียงผู้บรรลุเคล็ดวิชาหมื่นตะวันขั้นสมบูรณ์ และบรรลุขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะสามารถควบคุมอานุภาพที่แท้จริงของมันได้
อ้ากกกก!
ราชันเทพมารเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาต่อเนื่อง มันต้องทนทุกข์ทรมานกับการแหลกสลายเป็นจุลและถือกำเกิดขึ้นมาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้ดวงวิญญาณของมันจะสามารถฟื้นคืนร่างกายได้เรื่อยๆ แต่ก็หมดสิ้นหนทางหลบหนีโดยสิ้นเชิง คล้ายกับเป็นกุ้งที่อยู่ในหม้อต้มไม่มีผิด
จนเมื่อเวลาผ่านไป…
!!
“ หืม มีบางอย่างผิดปกติ ” จ้าวเทียนเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามยังไม่มีท่าทีจะสูญสลายไปซักที อีกทั้งระยะเวลาที่อีกฝ่ายสามารถต้านทานเปลวเพลิงก่อนจะตกตายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากตอนแรกเพียงแค่สามลมหายใจก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ผ่านไปไม่นานก็ทนได้ถึงห้าลมหายใจ เจ็ดลมหายใจ และสิบลมหายใจตามลำดับ คล้ายกับอีกฝ่ายสามารถสร้างภูมิต้านทานต่อเปลวเพลิงของเขาได้ก็ไม่ปาน
ทันใดนั้น
ครืนนน!ๆๆๆๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน