ข้อเสนอให้แบ่งจักรวาลปกครองกันคนละครึ่ง มันทั้งเป็นคำพูดที่ดูอุกอาจและอหังการมาก แต่ราชันเทพมารอเวจีก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพูดเช่นนั้น
เพราะพลังของเขาในเวลานี้ สามารถเมินเฉยต่อขุมกำลังมหาอำนาจทั้งหมดได้อย่างแท้จริง นอกจากจ้าวเทียนแล้วก็คงไม่มีใครต่อกรกับเขาได้อีก
“ ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับดาราจักรทางช้างเผือกและอาณาเขตปกครองของกองกำลังพันธมิตรที่เข้าร่วมกับเจ้าแน่นอน ”
“ เป้าหมายของข้าคือ เหล่าพันธมิตรของวังสวรรค์และนครแอสการ์ด รวมไปถึงดาราจักรแดนเถื่อนของพวกโจรสลัดอวกาศรอบๆสุสานดวงดาว ซึ่งไอเศษสวะพวกนี้ก็เป็นศัตรูของเจ้าอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องไปสนใจใยดีพวกมันเลย จริงไหม ”
ราชันเทพมารอเวจีพูดเน้นย้ำไปอีกครั้ง เมื่อเห็นจ้าวเทียนเริ่มนิ่งเงียบไป โดยไม่ได้รู้เลยว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบวาจา
ก็เป็นเพราะกำลังสนทนาลับผ่านแผ่นหยกสื่อสาร เพื่อวางแผนการบางอย่างกับพวกคังหลินที่ถูกกักขังอยู่ในเขตอาคมโลหิตต่างหาก
ทว่า การที่จ้าวเทียนไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธเงื่อนไขของราชันเทพมารให้ชัดเจน มันก็ได้กระตุ้นให้กองกำลังมหาอำนาจที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่รอบๆ เริ่มรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมา โดยเฉพาะพวกที่เคยเข้าร่วมกับมหาเทพอวี่หวงและเป็นศัตรูกับจ้าวเทียนมาก่อน
“ หยุดใช้อุบายได้แล้ว มหาเทพจ้าวเทียนไม่มีทางหลงกลแผนการชั่วร้ายของเจ้าหรอก ”
“ เหอะ! นี่เหรอราชันเทพมารอเวจีผู้ยิ่งใหญ่ในตำนาน พอรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ ก็มาขอเป็นพวก ช่างไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี ”
คำพูดเหล่านี้ มีเจตนากระตุ้นโทสะราชันเทพมารอเวจีอย่างชัดเจน พวกเขาใช้วิธีหลบซ่อนตัวในช่องว่างมิติเพื่อปลุกปั่นให้เกิดการต่อสู้ขึ้นโดยเร็ว ไม่ให้จ้าวเทียนมีเวลาทบทวนเงื่อนไขของศัตรู
แต่ทว่า
ป๊อก! ตูม!ๆๆๆๆๆ
เพียงแค่ราชันเทพมารดีดนิ้วเบาๆ กฎเกณฑ์มิติในอาณาเขตโดยรอบก็ถูกบิดเบือน ส่งผลให้ผู้หลบซ่อนกายอยู่ในนั้นทั้งหมดถูกบดขยี้เป็นเศษซากทันที
“ ดูเหมือนมดปลวกอย่างพวกเจ้า ยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเองสินะ คิดจะกระตุ้นให้ข้ากับจ้าวเทียนต่อสู้กัน เพื่อรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในท้ายที่สุดงั้นรึ ”
“ ช่างเป็นวิธีการที่โง่เขลาจริงๆ…. ”
สิ้นเสียง ราชันเทพมารอเวจีก็วาดฝ่ามือกลับไปด้านหลัง พร้อมปลดปล่อยเปลวเพลิงสีดำเป็นสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกกลับหัว พุ่งไปประทับบนบัลลังก์โครงกระดูก
แวบ! ครืนนน!
บัลลังก์โครงกระดูกได้จมหายลงไปในความมืดมิด ก่อนที่จะปรากฏบึงน้ำสีดำที่มีขนาดกว้างใหญ่ยิ่งกว่าระบบสุริยะขึ้นมาแทนที่ มันคือบ่อมารอนธการต้นกำเนิดแห่งบาปกรรมและพลังงานด้านลบทั้งมวลในสามภูมิ
ทันใดนั้น
บูมมม!
บ่อมารอนธการ ก็ได้ระเบิดพายุห้วงมิติพวยพุ่งทะยานขึ้นสูงไร้จุดสิ้นสุด ราวกับกำแพงแสงสีดำที่แบ่งแยกจักรวาลออกเป็นสองส่วน พร้อมกับมีคลื่นหมอกทมิฬอันน่าสะพรึงกลัว แผ่ขยายออกมาปกคลุมทะเลดวงดาวกลืนกินสรรพสิ่ง
“ นี่มัน กลิ่นอายชั่วร้ายที่สามารถหลอมละลายดวงวิญญาณเช่นนี้ หรือตำนานจะเป็นเรื่องจริง ”
“ บัดซบ แต่ของสิ่งนี้มันถูกสิบจักรพรรดิบรรพกาล ทำลายไปตั้งแต่มหาสงครามเมื่อหนึ่งล้านปีก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ มันจะปรากฏขึ้นในยุคสมัยของพวกเราได้อย่างไร ”
เหล่าตัวตนมหาอำนาจต่างพากันหนาวสะท้าน รู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงขั้วหัวใจ เมื่อได้เห็นภาพเจดีย์สิบแปดชั้นสีแดงฉานดุจโลหิต ลอยกลับหัวอยู่ด้านในพายุห้วงมิติ เหนือบ่อมารอนธการ
มันคือ หนึ่งในมหาสมบัติสูงสุดแห่งเอกภพในยุคราชันเทพมารอเวจี ซึ่งเป็นอวตารที่แท้จริงของนรกสิบแปดขุม มีชื่อว่า…สิบแปดภพโลกาสิ้นสูญ
โฮกกก! ก๊าซซซซ
พริบตาที่เจดีย์โลหิตปรากฏขึ้น สิ่งมีชีวิตที่ถูกผนึกอยู่ด้านในก็กู่ร้องคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง เหมือนต้องการทำลายสถานที่จองจำออกมาสู่โลกภายนอก จนประตูมิติของเจดีย์แต่ละชั้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะชั้นสิบแปดซึ่งอยู่ด้านล่างสุด ที่มีเส้นรยางค์สีดำหลายสิบเส้นฉีกแหวกรอยแยกมิติออกมา ทำให้มองเห็นดวงตาอสูรกายขนาดยักษ์กำลังจับจ้องพวกเขาอยู่ด้านใน
สิ่งนี้คือ…อนันตกาลเสื่อมสลาย อสูรร้ายบรรพกาลแห่งการสิ้นสูญ ที่เคยสังหารจักรพรรดิเทพขั้นสูงไปถึงสององค์ในมหาสงครามครั้งอดีต
เพียงแต่ นี่เป็นตัวตนที่แท้จริงของมัน ไม่ใช่ร่างจำแลงที่เฉินจิ้งเคยเรียกออกมา ซึ่งมีพลังเพียงหนึ่งในหมื่นของร่างจริงเท่านั้น
นอกจากนี้ ตัวตนที่ถูกผนึกคุมขังไว้ในนรกชั้นสิบแปด ก็ไม่ใช่แค่อนันตกาลเสื่อมสลายเพียงตนเดียว มันยังมีอสูรมารร้ายที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกันอีกสี่ตน
เรียกได้ว่า ถ้าพวกมันสามารถฝ่าผนึกหลุดออกมาได้แล้ว กองทัพมหาอำนาจทั้งหมดก็คงเผชิญกับนรกบนดินแน่นอน
“ เหอะๆ ตลอดเวลาหนึ่งล้านปีที่ผ่านมา ในขณะที่พวกเจ้ามัวแต่ทำสงครามแย่งชิงอำนาจฆ่าฟันกันเองทุกยุคสมัย ”
“ ข้าก็ได้แอบรวบรวมซากศพและเชลยศึกของฝ่ายที่พ่ายแพ้ มาทำพิธีกรรมเช่นสังเวยให้เทพมารต่างภพ เพื่อปลุกชีพกองทัพมารอเวจีอันยิ่งใหญ่กลับคืนมาอีกครั้ง ”
ราชันเทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สายตาอันเย็นชาของเขากวาดมองไปยังกองทัพมหาอำนาจแห่งแดนสวรรค์อย่างดูแคลน
เพราะหากอีกฝ่ายไม่ได้ทำสงครามกันเอง จนมีผู้แข็งแกร่งมากมายล้มตายลง ก็อาจจะยังพอรักษาขุมกำลังรบไว้พอต่อต้านกองทัพของตนได้บ้าง ไม่ได้ตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชเหมือนเวลานี้
“ ห้าจักรพรรดิอสูร หนึ่งพันราชันมาร หมื่นล้านไพร่พล นี่สินะ กองทัพอเวจีที่เคยทำลายแดนสวรรค์บรรพกาลในอดีต ” จ้าวเทียนกวาดตามองเหล่ามารที่ถูกคุมขังในเจดีย์โลหิตอย่างใช้ความคิด
“ หึหึ เริ่มสนใจข้อเสนอของข้าขึ้นมารึยัง ขอเพียงเจ้าตอบตกลง ด้วยแสนยานุภาพของกองทัพข้า จะไม่มีผู้ใดในจักรวาลแห่งนี้ต้านทานพวกเราได้แน่นอน ” ราชันเทพมารฉีกยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“ ในทางกลับกัน หากเจ้าปฏิเสธ ข้าจะส่งพวกมันไปเดินเล่นบนโลกมนุษย์ ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นเจ้าก็ลองคาดเดาดูเองแล้วกัน ”
!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน