ย้อนกลับไปก่อนที่จ้าวเทียนจะถูกดูดหายไปนอกจักรวาล ณ เทือกเขาคุนหลุนบนโลกมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยรอยแยกสีดำซึ่งเกิดจากความปั่นป่วนของพายุสายฟ้าห้วงมิติทำลายล้าง และคลื่นทะเลเปลวเพลิงสีทองที่เผาไหม้ชั้นบรรยากาศราวกับเป็นวันสิ้นโลก
ทันใดนั้น
เปรี้ยงงง! ตูมม!
มองเห็นเงาร่างที่ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงของฟ่านเจี้ยนหลง ถูกซัดปลิวกระเด็นทะลุออกมาจากห้วงมิติพังทลาย ก่อนจะหมุนตัวพลิกกลับฟันกระบี่ตอบโต้จ้าวเทียนที่กำลังไล่ล่าตามมาอย่างดุดัน
“ หมื่นกระบี่ไร้ลักษณ์! ”
ฉัวะๆๆๆๆๆๆๆๆ
ในหนึ่งลมหายใจ วีถีกระบี่ของฟ่านเจี้ยนหลงวาดเป็นเส้นโค้งตัดกันหลายร้อยหลายพันครั้งอย่างสวยงาม ราวกับเป็นตาข่ายฟ้าดินเชือดเฉือนร่างจ้าวเทียนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขนาดเท่าลูกเต๋า
เพล้ง! ตูม!ๆๆๆๆๆๆ
ม่านพลังกฎเกณฑ์ที่ป้องกันโลกมนุษย์เริ่มพังทลายจนซ่อมแซมตัวเองไม่ทัน มองเห็นแสงกระบี่ไร้ลักษณ์นับหมื่น บดขยี้ท้องฟ้าด้านหลังจ้าวเทียนจนแตกกระจายหายไปเป็นแถบ
ซึ่งหากโลกมนุษย์ ไม่ได้รับการคุ้มครองจากพลังของเทพเจ้ามังกรและสมบัติสืบทอดมหาเทพผานกู่ มันคงได้ระเบิดเป็นจุลเพราะผลกระทบจากการต่อสู้ระหว่างร่างแยกเปลวเพลิงจ้าวเทียนกับร่างอวตารเต๋าสวรรค์ฟ่านเจี้ยนหลงไปนานแล้ว
วูป!ๆๆๆๆ
น่าเสียดายที่การโจมตีทั้งหมด ส่งผลกระทบต่อร่างเปลวเพลิงอมตะของจ้าวเทียนไม่มากนัก เนื่องจากมันไม่ใช่ร่างจริง ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากต้นไม้เอกภพและเสริมพลังโดยสมบัติโกลาหลแม่น้ำเต๋า ใช้เวลาไม่กี่อึดใจก็สามารถก่อตัวขึ้นมาได้ใหม่อย่างง่ายดาย
ตราบใดที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ตัวตนระดับผู้ปกครอง หรือทรงพลังขนาดควบคุมหมื่นกฎเกณฑ์แห่งจักรวาลเพื่อตัดขาดการเชื่อมต่อกับร่างต้นโดยตรง ก็คงไม่อาจทำลายร่างแยกของจ้าวเทียนได้
“ ฆ่า! ”
ลำแสงกระบี่เปลวเพลิงอันน่าหวาดหวั่นของจ้าวเทียน ได้เฉือนตัดความว่างเปล่าแหลกกระจุย จนห้วงมิติโดยรอบหลอมละลายเป็นเศษซาก นี่คือรังสีกระบี่อันร้อนแรงที่แฝงไปด้วยจิตสังหารสะท้านฟ้าสะเทือนดินอย่างแท้จริง
“ ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้เช่นกัน! ” ฟ่านเจี้ยนพูดเสียงเย็นชา ก่อนใช้มือซ้ายวาดออกด้วยเคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายสุริยันจันทรา หนึ่งกระบวนท่าสยบสรรพสิ่ง
ครืนน!
ปรากฏภาพฝ่ามือขนาดยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นจากทะเลดวงดาวนับล้าน คว้าจับไปที่ลำแสงกระบี่จ้าวเทียนอย่างแม่นยำ ก่อนจะเบี่ยงเบนการโจมตีทั้งหมดออกไปยังทิศทางอื่น
แต่ทว่า
ราวกับจ้าวเทียนได้คำนวณทุกสิ่งทุกอยางเอาไว้หมดแล้ว เสี้ยวพริบตาที่แสงกระบี่เบี่ยงออกจากเส้นทางเดิม มันก็ได้สั่นสะเทือนด้วยความเร็วเหนือแสง แล้วเริ่มแตกตัวเป็นพยุหะค่ายกลกระบี่
จากหนึ่งเป็นสิบ…จากสิบเป็นร้อย…จากร้อยเป็นพัน…เป็นหมื่นเป็นแสน
บนท้องฟ้าเหนือเทือกเขาคุนหลุน ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยรังสีกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วน จนแทบจะมองไม่เห็นร่างฟ่านเจี้ยนหลงที่ถูกกักขังอยู่ด้านใน
“ บัดซับ! เจ้าบีบบังคับข้าเองนะ ”
เสียง ตูม! ดังสนั่น พร้อมกับมีหยดโลหิตสีทองหลุดออกมาจากกลางหน้าผากฟ่านเจี้ยนหลง มันปลดปล่อยออร่าทำลายเก้าชั้นฟ้า แผ่กลิ่นอายสยบสวรรค์ปฐพี แล้วระเบิดพลังบดขยี้เงากระบี่นับหมื่นนับแสนหายไปในคราวเดียว
โลหิตต้นกำเนิดเทพบรรพชน!! มันคือโลหิตอมตะ ที่ราชันกระบี่ฟ้าสามภพเหลือทิ้งไว้ปกป้องลูกหลานก่อนจะจากไป
เวิ้งงงง!
เสี้ยวพริบตาที่หยดโลหิตสีทองแตกสลายไป ร่างกายของฟ่านเจี้ยนหลงก็ถูกล้อมรอบด้วยวงแหวนศักดิ์สิทธิ์นับร้อย ทุกๆวงแหวนล้วนมีสุดยอดพลังไร้ขีดจำกัดในครอบครอง ส่งผลให้ตัวเขาสามารถทะลวงขอบเขตผู้ปกครองได้ชั่วคราว
“ นี่มัน…แย่แล้ว! ”
จ้าวเทียนรีบเคลื่อนย้ายมิติถอยห่างไปอย่างร้อนรน อันที่จริงทั้งเต๋ากระบี่และความแข็งแกร่งโดยรวมของฟ่านเจี้ยนหลงเหนือกว่าร่างแยกเปลวเพลิงชัดเจน
แต่ที่อีกฝ่ายสู้ไม่ได้ก็เป็นเพราะยังไม่มีพลังมากพอ ที่จะลบเจตจำนงของร่างเพลิงอมตะนี้หายไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งในปัจจุบันนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปเรียบร้อย
วูป!ๆๆๆ
เพียงฟ่านเจี้ยนหลงยื่นมือซ้ายออกไป ร่างของจ้าวเทียนก็โดนปิดผนึกด้วยกำแพงมิติทุกทิศทาง ก่อนจะเริ่มบีบอัดแล้วปะทุคลื่นพลังทำลายล้างบดขยี้สรรพสิ่งด้านใน
ตูมมมมมม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน