การปรากฏตัวของจ้าวเทียนครั้งนี้ ไม่ได้ส่งสัญญาณแจ้งเตือนต่อฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด ร่างกายเขาเหมือนผสานเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่า ต่อให้เป็นตัวตนระดับผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์หรือขอบเขตจักรพรรดิทั่วไป ก็ไม่สัมผัสการมาถึงของเขาได้
‘ หืม มีการตอบสนองจากแผ่นป้ายสำนักใกล้ๆบริเวณนี้ พวกศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่นโดนกักตัวอยู่ด้านในงั้นเหรอ ’
จ้าวเทียนจ้องมองไปที่หลุมดำเบื้องหน้าอย่างเคร่งเครียด ดูเหมือนราชันเทพมารอเวจีจะต่อกรด้วยไม่ง่ายอย่างที่คิด อีกฝ่ายคงกำลังหาเบี้ยไว้ใช้ต่อรองกับเขาแน่นอน
แต่ทว่า
ยังไม่ทันที่จ้าวเทียนจะได้บุกเข้าไปในอาณาเขตศัตรู ก็ได้มีกลุ่มก้อนความมืดขนาดใหญ่ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของดวงวิญญาณหลายล้าน พุ่งทะลวงถาโถมออกมาจากใจกลางหลุมดำเหมือนฝูงผึ้งได้กลิ่นน้ำหวาน
เพียงพริบตาเดียว พวกมันก็เข้าไปสิงสู่ยึดครองซากศพแล้วฟื้นคืนชีพเป็นนักรบมาร ใช้เวลาไม่ถึงสามลมหายใจ ตรงหน้าจ้าวเทียนก็ปรากฏกองทัพเกราะมารนับล้านที่มีแววตาสีแดงฉานดุจโลหิต
เหนือสิ่งอื่นใด กระทั่งมีดวงวิญญาณแห่งความมืดซึ่งดูแข็งแกร่งกว่าตนอื่น กำลังกำหนดเป้าหมายไปที่เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักดาราสวรรค์ ที่จ้าวเทียนเคยสนิทสนมในชีวิตที่แล้วอีกด้วย
“ บัดซบ! อย่าได้หวังไป ”
จิตสังหารของจ้าวเทียนระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้ห้วงมิติโดยรอบสั่นสะเทือนจนปรากฏรอยแตกร้าว ความว่างเปล่าและกฎเกณฑ์ทั้งหมดเริ่มพังทลายลงเพราะแบกรับโทสะของเขาไม่ไหว
ฮูมมม!
ร่างกายจ้าวเทียนปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสุริยันอันร้อนแรงที่โหมกระหน่ำ ราวกับมีดวงตะวันนับร้อยปะทุคลื่นพลังทำลายล้างออกมาพร้อมกัน
ทันใดนั้น
!! กีซซซ!
สีหน้าของเหล่าวิญญาณแห่งความมืดที่กำลังพยายามยึดครองซากศพ และมารอเวจีจำนวนนับไม่ถ้วนที่เพิ่งถือกำเนิดใหม่ก็ได้เปลี่ยนไป เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ
ร่างของพวกมันสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าอันเยือกเย็น จนต้องหยุดยั้งทุกสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ทันที เวลานี้ต่อให้ไม่มีคำสั่งจากราชันเทพมาร พวกมันก็รับรู้โดยสัญชาตญาณว่าควรทำเช่นไร
เปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์!!
อันตราย!! ล่าถอย!!
ไวเท่าความคิด ทั้งวิญญาณแห่งความมืดและเหล่านักรบมารอเวจีแทบทุกตน พากันพุ่งทะยานหลบหนีเข้าไปในหลุมดำสุดชีวิต
แต่ทว่า…น่าเสียดายที่พวกมันตัดสินใจช้าเกินไปก้าวหนึ่ง
เพราะพริบตาที่จ้าวเทียนปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุมของเขาเรียบร้อยแล้ว
แวบ!
เมื่ออาณาเขตแสงสีเงินรูปยี่สิบแปดกลุ่มดาวปรากฏขึ้น ห้วงมิติทั้งหมดก็เหมือนถูกแช่แข็ง ส่งผลให้กาลเวลาไหลช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง
“ จง…หายไปซะ ”
ครืนนนน! บูมมมมมม!
ดวงอาทิตย์ขนาดยักษ์ระเบิดออกมาโดยมีจ้าวเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีของมันกว้างยิ่งกว่าระบบสุริยะ
จนมองเห็นคลื่นเปลวเพลิงสีทองกวาดไปทั่วทั้งอาณาเขตแดนสุขาวดี เผาไหม้สรรพสิ่งจนแทบหมดสิ้น หลงเหลือเพียงราชันวิญญาณแห่งความมืดที่กล้าแข็งไม่กี่ร้อยตนเท่านั้น
“ เหอะ ต่อให้ต้านทานเปลวเพลิงสุริยันได้แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายพวกแกก็ไม่มีวันหลีกหนีความตายพ้น ”
จ้าวเทียนแค่นเสียงเย็นชา ก่อนที่จะปลดปล่อยฤทธานุภาพแห่งมหาเทพผู้ปกครองแดนสวรรค์ชั้นฟ้า เพื่อควบคุมเจตจำนงของต้นไม้เอกภพภายในภูเขาจักรวาล
“ ทัณฑ์อสนีบาตผลาญวิญญาณ จงมา! ”
วูป!! เปรี๊ยะ!ๆๆๆ
วังวนพายุเมฆสายฟ้าจากสามภพภูมิ ได้ถูกประกาศิตของจ้าวเทียนดึงดูดให้มารวมตัวกัน เหนือเหล่าราชันจิตวิญญาณแห่งความมืดและหลุมดำขนาดยักษ์
“ กลิ่นอายนี่มัน หรือว่าจะเป็นทัณฑ์สวรรค์ ”
“ ฝีมือของผู้ใดกัน จักรพรรดินีหลินซินเยว่งั้นเหรอ ”
“ ไม่มีทาง! จักรพรรดินีหลินซินเยว่ยังไม่ได้เชื่อมต่อกับเจตจำนงแห่งสวรรค์ นางจะเรียกทัณฑ์สายฟ้าขั้นสูงสุดได้อย่างไร ”
เนื่องจากการรวมตัวของพลังงานสวรรค์และปฐพีจำนวนมากมายมหาศาล มันก็ได้ดึงดูดความสนใจของขั้วมหาอำนาจต่างๆทันที โดยเฉพาะกับเหล่ากองทัพที่เลือกหลบหนีไปตอนที่ร่างอวตารของจ้าวเทียนพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้
ทันใดนั้น
“ มันสายไปแล้ว พริบตาที่ข้าฟื้นคืนพลังแห่งราชันเทพมารโดยสมบูรณ์ จักรวาลทั้งหมดก็อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าข้า ทัณฑ์สวรรค์กระจ้อยร่อยเช่นนี้จะทำอะไรได้ ”
บูมมม!
มีภาพมายาเทพอสูรสวมชุดเกราะพุ่งทะลวงออกมาจากใจกลางหลุมดำ การก้าวเดินแต่ละก้าวของมันราวกับจะเหยียบย่ำชั้นฟ้า เสมือนมีอำนาจอยู่เหนือกฎเกณฑ์ทั้งปวง
มันสะกดข่มได้แม้แต่มรรคาสวรรค์และปฐพี หรือกระทั่งจักรพรรดิเทพขั้นสูงสุด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน