ณ ทิศตะวันออกของเมืองปักกิ่ง ห่างจากอาณาเขตที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดนิวเคลียร์ไม่ไกลนัก
หญิงงามชุดเขียวเหินบินทะยานข้ามผ่านตึกสูงหลายสิบชั้น ฟาดฟันอาวุธในมือเข่นฆ่าวิหคมารนับร้อยจนร่วงระนาว ร่างของเธอปลดปล่อยพายุคลื่นกระบี่สีเงินเปล่งประกายเจิดจ้าปกคลุมฟ้าดิน ราวกับเป็นนางเซียนผู้สูงส่งในตำนานก็ไม่ปาน
นี่คือบรรพชนเซียนคนใหม่ของตระกูลจ้าว ผู้ครองตำแหน่งโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งนครปักกิ่งมานานหลายยุคหลายสมัย
ถึงแม้ความจริงจ้าวหนิงเซียนจะมีอายุเกินร้อยปีไปไกลแล้ว แต่เพราะบรรลุวิถีเซียนตอนวัยเยาว์และครองตัวเป็นโสดไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก จึงเป็นเหตุให้ยังคงรูปโฉมเหมือนหญิงสาวแรกรุ่นเอาไว้ได้หลายสิบปี
ด้วยลำดับอาวุโสและศักดิ์ฐานะสูงที่สุดในตระกูลจ้าวยุคปัจจุบัน ทำให้แม้กระทั่งจ้าวเทียนเอง เวลาพบหน้าเธอก็ยังต้องให้เกียรติ และเรียกหญิงสาวที่ดูอ่อนเยาว์กว่ามารดาตนเองว่าท่านย่าทวดทุกคำ
“ พิรุณกระบี่อนัตตาเที่ยงแท้! ”
ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆ
รังสีกระบี่นับแสนนับหมื่นสาดเทลงมาดุจห่าฝน จนมองเห็นประกายแสงสีเงินระยิบระยับ พุ่งทะลวงใส่กองทัพมารเบื้องล่างแหลกกระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นี่คืออานุภาพแห่งเคล็ดเจตน์กระบี่ขั้นสูงสุดที่เธอเพิ่งบรรลุได้ไม่นาน
“ ดีมาก! บรรพชนเซียนตระกูลจ้าวเปิดทางให้แล้ว บุกฝ่าเข้าไปเลย ”
“ ปรมาจารย์ทั้งหมด ตามฉันไปสังหารศัตรู ”
“ หน่วยยานยนต์หุ้มเกราะ รีบใช้ปืนไฟเคลียร์ซากศพพวกนี้ออกไปซะ พวกเราจะต้องเดินทางไปให้ถึงพระราชวังต้องห้าม ก่อนที่กองทัพมารกลุ่มใหม่จะออกมาจากรอยแยกมิติ ”
เมื่อการโจมตีวงกว้างของจ้าวหนิงเซียนสิ้นสุดลง ผู้ฝึกตนจากสำนักต่างๆและปรมาจารย์ตระกูลจ้าวเกือบพันคน ก็พุ่งทะยานออกไปเก็บกวาดศัตรูที่เหลือโดยมีหน่วยสไนเปอร์คอยให้การสนับสนุน
ที่ด้านหลังหน่วยยานยนต์หุ้มเกราะ ติดตามมาด้วยขบวนอพยพของประชาชนนับแสนซึ่งมีรถบรรทุกมากมายหลายร้อยคันทอดยาวเป็นกิโล
นี่คือกลุ่มผู้รอดชีวิต จากศูนย์หลบภัยลำดับเจ็ดที่ถูกระเบิดนิวเคลียร์ทำลาย ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังตระกูลจ้าวในระหว่างทำภารกิจสำคัญ
แท้จริงแล้ว เหตุผลหลักที่จ้าวหนิงเซียนยอมเสี่ยงอันตรายนำพากองกำลังส่วนตัวออกมา ก็เพื่อช่วยเหลือลี่เฟยกับลี่หวูเฉินที่มาเข้าร่วมงานสัมมนาธุรกิจในช่วงที่กองทัพสวรรค์บุกโลกพอดี
เนื่องจากทั้งสองมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับจ้าวเทียน และเป็นพี่น้องคนสนิทของลี่เหยาเหยาซึ่งมีศักดิ์ฐานะเป็นสะใภ้ตระกูลจ้าว จึงถือได้ว่าเป็นVIPระดับสูงสุดไปโดยปริยายสำคัญยิ่งกว่าครอบครัวของท่านประธานาธิบดีเสียอีก
ทันใดนั้น
“ พวกมดปลวก กล้าดีอย่างไรมาสังหารไพร่พลข้า ”
ครืนน!
จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายปกคลุมฟากฟ้า ร่างวิหคสีม่วงขนาดเท่าภูเขากางปีกพุ่งโฉบลงมาใส่พวกจ้าวหนิงเซียนอย่างรวดเร็ว
นี่คือ พญาอีแร้งสามเศียร ซึ่งเป็นหนึ่งในสามขุนพลคู่ใจของราชันมารอินทรีแปดปีก ผู้ปกครองท้องนภาแห่งภพมาร
“ มารโลการะดับสี่!! ทุกคนถอยไปซะ ”
เพื่อปกป้องเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆในตระกูล จ้าวหนิงเซียนจึงเผาผลาญแก่นโลหิตตนเอง ปลดปล่อยพยุหะรังสีกระบี่ทั้งหมดโจมตีสวนกลับไปในเสี้ยววินาที
จนมองเห็นประกายแสงสีเงินนับพันนับหมื่นสาย เรียงร้อยถักทอกันเป็นค่ายกลรูปดอกบัวตูมขนาดยักษ์ พุ่งทะลวงใส่กรงเล็บพญาอีแร้งสามเศียรอย่างรุนแรง
เปรี้ยงงง! ตูมมม!
ร่างของจ้าวหนิงเซียนปลิวกระเด็นไปกระแทกตึกสูงร้อยชั้นจนพังทลาย เครื่องรางป้องกันระดับศักดิ์สิทธิ์ที่จ้าวเทียนเคยให้มาแตกสลายไปเกือบหมด ถึงแม้ตัวเธอจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่อาวุธเครื่องป้องกันกลับถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี
ส่วนพญาอีแร้งสามเศียรแค่เพียงหยุดชะงักไปครู่เดียว กงเล็บของมันยังคงบดขยี้เหล่ามนุษย์ที่หลบหนีไม่ทัน สังหารผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
“ เหอะๆ ฝูงมดอย่างพวกเจ้าก็เป็นได้แค่อาหารของพวกข้าเท่านั้น จะดิ้นรนทำไมให้เหนื่อยแรง ยอมรับชะตากรรมเสียเถอะ ”
พญาอีแร้งสามเศียรกวาดตามองเหล่ามนุษย์เบื้องล่างอย่างเย็นชา ที่ด้านหลังมันเริ่มปรากฏฝูงวิหคมารนับหมื่นนับแสน บินมารวมตัวกันจากทั่วทุกสารทิศ ราวกับฝูงฉลามคลั่งได้กลิ่นคาวเลือดก็ไม่ปาน
“ ผู้อาวุโสเป็นอย่างไรบ้าง ” ลี่หวูเฉินรีบเข้าไปประคองจ้าวหนิงเซียนออกจากเศษซากตึกที่พังทลาย พร้อมทั้งส่งโอสถฟื้นฟูระดับสูงให้อีกฝ่าย ซึ่งมันมีคุณภาพสูงกว่าที่สี่ตระกูลใหญ่ใช้งานมาก เพราะเป็นสิ่งที่พวกจ้าวเทียนยึดมาจากกองทัพสวรรค์
“ อารักขา ท่านบรรพชน ” หน่วยองครักษ์ตระกูลจ้าวสามสิบคน ปรากฏกายขึ้นปิดล้อมพื้นโดยรอบไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้แผ่นป้ายอาคมสร้างเขตแดนป้องกันซ้อนทับหลายชั้น เพื่อไม่ให้ศัตรูฉวยโอกาส
“ หืม ยังไม่ตายงั้นรึ ดูเหมือนเจ้าจะเป็นตัวตนระดับสูงของโลกใบนี้สินะ จงบอกมา ครอบครัว มิตรสหาย หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับชายที่ชื่อว่าจ้าวเทียนซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ”
“ ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าคนพวกนั้นจะมุดหัวอยู่ที่คฤหาสน์ดาราสวรรค์เพียงอย่างเดียว มันจะต้องมีพวกที่ยังตกค้างอยู่ภายนอกแน่นอน”
“ หึ หึ ถ้าใครยอมเปิดปากออกมาก่อนก็จะได้รับการไว้ชีวิต ส่วนพวกที่เหลือครึ่งหนึ่งต้องกลายเป็นอาหารของลูกหลานข้า เงื่อนไขนี้น่าสนใจไหม ”
สิ้นเสียง สีหน้าของจ้าวหนิงเซียนกับลี่หวูเฉินก็เปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะลี่เฟยที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผู้คุ้มกันถึงกับเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
เพราะแท้จริงแล้ว…บุคคลที่กองทัพมารกำลังควานหาตัวอยู่ตลอดเวลาก็คือพวกเขานั่นเอง
“ ไร้สาระ! ต่อให้ฉันรู้ก็ไม่มีวันบอกพวกแก ”
“ ใช่แล้ว พวกเราไม่มีวันทรยศท่านผู้นำจ้าวเทียนเด็ดขาด ”
“ ไอพวกมารชั่ว รอท่านผู้นำจ้าวเทียนกลับมาก่อนเถอะ พวกแกจะถูกสังหารไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว ”
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลจ้าวและผู้นำกลุ่มทหารร้องตะโกนด่าทอด้วยความโกรธ จะให้พวกเขายอมขายวีรบุรุษแห่งมวลมนุษยชาติเพื่อเอาชีวิตรอดงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ
“ หุบปาก! ”
ตูมมม!
เพียงแค่พญาอีแร้งสามเศียรสะบัดปีก ทหารและผู้อพยพหลายพันคนก็ถูกขนนกสีม่วงขนาดยาวสิบเมตรพุ่งทะลวงใส่จนร่างระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของผู้รอดชีวิตทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน