จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 628

ณ กรุงโรมประเทศอิตาลี

หลังการปรากฏตัวของอสรพิษขนาดยักษ์และบุรุษผมแดง พร้อมด้วยออร่าความกดดันแห่งจักรพรรดิอสูรบรรพกาล มันก็ได้ทำให้สงครามอันดุเดือดระหว่างอัศวินศักดิ์สิทธิ์วาติกันกับกองทัพโลกมารหยุดชะงักลงครู่หนึ่ง

“ ฮ่า ฮา องค์เหนือหัวส่งกำลังเสริมมาช่วยพวกเราแล้ว ”

“ ช่างเป็นกลิ่นอายมารที่บริสุทธิ์จริงๆ ผู้มาจะต้องอยู่เหนือขอบเขตราชันแน่นอน ”

“ ฆ่า ฆ่า ฆ่า สังหารพวกอัศวินหน้าโง่นี่ให้หมด ”

เหล่าแม่ทัพนายกองมารทั้งหลายพากันร้องตะโกนด้วยความฮึกเหิม แตกต่างจากกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ก้มหน้าลงทอดถอนใจอย่างสิ้นหวัง

ไม่เว้นแม้แต่พระสันตะปาปา ที่กำลังจะทำการระเบิดพลีชีพตกตายไปพร้อมกับศัตรู ตัวเขาถึงกับเผลอปล่อยตราประทับสีทองร่วงลงพื้นทันที

‘ ฝ่ายตรงข้าม ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิมารอีกตั้งสองตนเลยงั้นเหรอ แบบนี้มวลมนุษยชาติก็คงจบสิ้นแล้ว ต่อให้สังหารพวกทรยศอย่างบริษัทHTIไปก็ไร้ประโยชน์ ’

อันที่จริงต่อให้ไม่มีมือที่สามสอดแทรกเข้ามา สถานการณ์ของกองกำลังฝ่ายวาติกันก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

ถึงขั้นที่เหล่าอัศวินเตรียมตัวจะต่อสู้หลังชนฝา เผาผลาญพลังชีวิตตนเองสังหารศัตรูให้ได้มากที่สุด เพื่อจุดประกายเชื้อเพลิงแห่งความหวังให้กับโลกมนุษย์ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเขาคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว

“ หืม องค์จักรพรรดิมารส่งผู้ใดมากัน เหตุใดข้าจึงไม่ได้รับแจ้งมาก่อน ที่สำคัญนอกจากสามบรรพชนเทพอสูร โลกมารของพวกเรายังมีตัวตนที่เหนือกว่าขอบเขตราชันย์ซ่อนอยู่อีกงั้นเหรอ ”

หนึ่งในผู้บริหารบริษัทHTIส่งกระแสจิตสอบถามสหายข้างกาย พวกเขาคือสายลับของโลกมารที่ถูกฮิตเลอร์อัญเชิญมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อน

ขณะเดียวกัน ทางด้านผู้มาใหม่ทั้งสอง เมื่อนางพญาอสรพิษได้ยินคำถามติดตลกของบุรุษผมแดง ก็แค่นเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเปลี่ยนกลับคืนร่างเป็นดรุณีน้อยอายุสิบสามสิบสี่ปี ที่มีรูปร่างหน้าตาหมดจดงดงามผู้หนึ่ง

แท้จริงแล้ว ทั้งสองก็คือต้วนมู่เฉียนกับเสี่ยวชิงที่ถูกโฮ่วอี้พาตัวไปโลกมารตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนนั่นเอง ส่วนเหตุผลที่เสี่ยวชิงต้องมาอยู่ในร่างนี้

ก็เพราะเธอเพิ่งถือกำเนิดใหม่ จากไข่ของนางพญาอสรพิษมารกลืนดาราได้เพียงหนึ่งปีครึ่งเท่านั้น จึงมีรูปโฉมเหมือนกับปีศาจวัยเยาว์ที่เพิ่งเริ่มต้นบำเพ็ญตบะใหม่ๆ

“ เฉียนเกอ! คุณเป็นคนส่งพิกัดนี้มาให้ฉันเองนะ…. ” เสี่ยวชิงท้าวสะเอวบ่นใส่ต้วนมู่เฉียนอย่างแง่งอน

“ ฉันก็แค่ถามเท่านั้นเอง…ทำไมเธอต้องโกรธด้วยล่ะ ” ต้วนมู่เฉียนฝืนยิ้มเล็กน้อย

ตั้งแต่หลอมรวมสายโลหิตอสรพิษมารกลืนดาราได้สำเร็จ ดูเหมือนนิสัยใจคอของภรรยาเขาจะเปลี่ยนเป็นดื้อรั้นเจ้าอารมณ์ยิ่งกว่าเดิม

“ หืม นี่คุณหาว่าฉันเป็นคนไร้เหตุผลงั้นเหรอ หรือเพราะฉันตกอยู่ในสภาพนี้คุณก็เลยหมดรักในตัวฉันแล้ว ” เสี่ยวชิงรู้สึกหงุดหงิด จนเผลอระเบิดกลิ่นอายจักรพรรดิอสูรออกมาโดยไม่รู้ตัว

ส่งผลให้สวรรค์และปฐพีสั่นสะเทือน ทั้งกองทัพอัศวินศักดิ์สิทธิ์รวมไปถึงกองทัพมารที่คุกเข่าอยู่ เหมือนถูกภูเขาที่มองไม่เห็นกดทับจนแทบโงหัวไม่ขึ้น

เมื่อบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิ ก็สามารถควบคุมความเป็นความตายของสรรพสิ่งในพิภพจบแดนได้อย่างง่ายดาย

นี่จึงเป็นสาเหตุให้พวกเขาปฏิบัติต่อกองทัพมารนับล้านเหมือนพวกมันไร้ตัวตน ราวกับเป็นเศษฝุ่นในอากาศไม่ควรค่าให้ใส่ใจแม้แต่น้อย

“ มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ ในใจของฉันมีเพียงเธอเท่านั้น ต่อให้ท้องฟ้าจะถล่มหรือแผ่นดินจะทลาย ความรู้สึกนี้ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนไปเด็ดขาด ” พูดจบ ต้วนมู่เฉียนก็ดึงเสี่ยวชิงมากอดไว้แน่น ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากเธออย่างดูดดื่ม

โดยไม่สนใจสีหน้าอันกล้ำกลืนฝืนทน ของเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์และกองทัพมารที่ทนทุกข์ทรมานอยู่เบื้องล่าง ซึ่งถ้าเป็นตัวเขาในอดีตจะไม่มีวันทำไร้ยางอายเช่นนี้แน่นอน

ดูเหมือน…ผู้ที่ถูกสัญชาตญาณมารครอบงำจนมีนิสัยเปลี่ยนไปจะไม่ใช่แค่เสี่ยวชิงคนเดียวซะแล้ว

“ เฉียนเกอ หยุดรังแกฉันได้แล้ว พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังนะ ” เสี่ยวชิงพยายามดันตัวออกมาด้วยท่าทีเขินอาย ก่อนจะรีบแปลงกายเป็นอสรพิษสีเงินตัวน้อยเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในอกเสื้อชายคนรัก

“ หึหึ จะไปสนใจอะไรมดปลวกพวกนั้น ” ต้วนมู่เฉียนหัวเราะขบขัน ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบไปที่อกซ้ายตัวเองเบาๆ เขาสัมผัสได้ว่าเสี่ยวชิงนอนขดตัวหลับใหลไปเรียบร้อยแล้ว

เนื่องจากเธอใช้ทักษะลับของอสรพิษมารกลืนดารา และพลังจิตสมาธิมากมายในการกำหนดพิกัดทะลวงฝ่าห้วงมิติปิดกั้นกลับมายังโลกมนุษย์ จึงต้องจำศีลเพื่อฟื้นพลังตนเอง

‘ ในเมื่อชิงเออร์ไม่ได้พาฉันมาผิดที่ งั้นก็หมายความว่านี่เป็นจุดประสงค์ของจักรพรรดินีหลินซินเยว่สินะ ว่าแต่ เธอต้องการให้ฉันมาที่นครวาติกันเพื่ออะไรกัน’

ความจริงแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกต้วนมู่เฉียนรอดพ้นจากเงื้อมมือของโบราณาจารย์มารเฮยเหลียนมาได้ ก็คือพยากรณ์ของจักรพรรดินีหลินซินเยว่ ที่ถูกส่งเป็นภาพนิมิตมาปรากฏในความฝัน

และก็ด้วยคำพยากรณ์นี้เอง จึงทำให้ต้วนมู่เฉียนกำราบเหล่าอสูรร้ายอันน่าสะพรึงกลัว และกลืนกินเผ่าพันธุ์โลหิตวิญญาณอมตะที่ถูกจองจำอยู่ในหุบเขามารอนธการ จนกระทั่งเขาและเสี่ยวชิงสามารถบรรลุขอบเขตจักรพรรดิได้สำเร็จในที่สุด

“ หืม พอไม่มีออร่าจักรพรรดิอสูรของภรรยาฉัน พวกแกก็เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วงั้นเหรอ ” ต้วนมู่เฉียนจ้องมองเหล่าปีศาจมารร้าย ที่เริ่มลุกขึ้นมาเข่นฆ่าพวกอัศวินอีกครั้งอย่างเย็นชา

“ ตัด! ”

ฉัวะ!

เพียงคำเดียวสั้นๆ ก็ปรากฏภาพมายาเงาดาบทมิฬขนาดยักษ์ เฉือนแบ่งแยกฟ้าดินออกจากกันเป็นสองส่วน จากนั้นศีรษะมารนับล้านที่อยู่ในนครศักดิ์สิทธิ์ ก็ปลิวกระเด็นขึ้นฟ้าพร้อมกับสายโลหิตสีดำที่ฉีดพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

“ นี่มัน…พวกมารตายหมดแล้วงั้นเหรอ ” แม่ทัพอัศวินมองสิ่งที่เกิดด้วยแววตาตกตะลึง ศัตรูที่ไล่ต้อนกองทัพพวกเขาจนแทบพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช ถูกอีกฝ่ายสังหารไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ

“ ไม่ต้องหวั่นวิตกไป ฉันคือ ต้วนมู่เฉียน !! ถึงแม้ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นมาร แต่ทั้งชีวิต จิตใจ และดวงวิญญาณยังคงเป็นมนุษย์ ไม่มีวันคิดคดทรยศต่อแผ่นดินบ้านเกิดเหมือนเศษสวะบางตัวแน่นอน ”

พูดจบ ต้วนมู่เฉียนก็คว้ามือไปทางมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เคลื่อนย้ายผู้รอดชีวิตที่อยู่ด้านในทั้งหมดออกมาโยนทิ้งไว้บนพื้น ซึ่งนอกจากพระสันตะปาปาแล้ว ที่เหลือก็เป็นพวกมนุษย์มารจากบริษัทHTIทั้งสิ้น

“ เป็นไปไม่ได้ แกน่าจะตายไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ ” และคนอื่นๆนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้นรู้สึกหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ ราวกับรับรู้ได้ถึงชะตากรรมของตนเองต่อจากนี้

“ เหอะ ผู้ที่เปิดประตูอัญเชิญกองทัพมารเข้ามาบนโลก เป็นพวกแกเองสินะ ” ต้วนมู่เฉียนแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะใช้เปลวเพลิงทมิฬหลอมละลายพวกคนทรยศทั้งหมด ให้มอดไหม้ไปทั้งเลือดเนื้อและดวงวิญญาณ

แต่ทว่า ท่ามกลางกลุ่มผู้บริหารบริษัทHTI ที่นอนเกลือกกลิ้งดิ้นทุรนทุรายอย่างทุกข์ทรมานอยู่บนพื้น กลับมีม่านพลังสีม่วงปกคลุมร่างกายคาร์ล เดอนิทซ์ ทำให้เปลวเพลิงไม่อาจรุกล้ำเข้าไปได้

“ นี่มัน ฮ่า ฮา นึกแล้วว่าองค์จักรพรรดิมารจะต้องปกป้องฉัน ฉันคือผู้ครอบครองพันธสัญญามารฟ้าอนันตกาล ไม่มีสิ่งใดในโลกทำอันตรายฉันได้ ”

คาร์ล เดอนิทซ์หยิบม้วนคําพยากรณ์หนังมนุษย์ มายกชูเหนือศีรษะด้วยความลำพองใจ นี่คือกุญแจสำคัญที่เขาใช้ทำลายข้อจำกัดโลกมนุษย์เพื่อเรียกกองทัพมารเข้ามา มันจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่

“ หืม ของสิ่งนี้… ” ต้วนมู่เฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆฉีกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดี ดูเหมือนเขาจะพอคาดเดาจุดประสงค์ของจักรพรรดินีหลินซินเยว่ออกแล้ว ไม่นึกเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในการคาดคำนวณของเธอตั้งแต่ต้น

‘ คิดจะให้ฉันแย่งชิงมรรคคาแห่งมวลมาร แล้วกลายเป็นอาวุธลับให้จ้าวเทียนใช้สังหารราชันเทพมารอเวจีงั้นเหรอ ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวจริงๆ ’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน