ณ โลกมนุษย์ ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ดวงอาทิตย์ดับแสง และความมืดแผ่ขยายเข้าปกคลุมสรรพสิ่ง กองทัพมารร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะยานออกมา จากรอยแยกมิติใจกลางวังวนสีแดงขนาดยักษ์
แม่ทัพและขุนพลมาร ที่มีขอบเขตมารโลการะดับต้นระดับกลางนับพัน เหล่าทหารนายกองมารระดับสูง ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเซียนนภานับล้าน ไพร่พลทหารมารชั้นต่ำหลายพันล้านตน
นี่คือมหาสงคราม…ที่จะนำพามวลมนุษยชาติไปสู่ความสิ้นหวังอย่างแท้จริง
ครั้งนี้เหล่าผู้ทรยศมวลมนุษยชาติ ได้ทำพิธีเซ่นสังเวยอัญเชิญกองทัพจักรพรรดิมารจุติลงมาบนโลกด้วยตัวพวกเขาเอง เป็นเหตุให้ม่านพลังป้องกันของจ้าวเทียน ที่ปกคลุมอาณาเขตนอกโลกสูญเสียประสิทธิภาพของมันไป
ท่ามกลางความมืดมิดที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย ออร่าอันบ้าคลั่งกระหายเลือดและจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวของกองทัพมาร ได้ส่งผลกระทบแพร่กระจายเป็นวงกว้าง
ต่อผู้รอดชีวิตที่เกือบยี่สิบเปอร์เซ็นบนโลก ทำให้จิตใจของพวกเขาพังทลายนอนเป็นผัก หรือไม่ก็ถูกกลิ่นอายมารปนเปื้อนจนสังหารกลืนกินพวกเดียวกันเอง จนสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วทุกประเทศ
โดยเฉพาะการระเบิดของขีปนาวุธนิวเคลียร์หลายร้อยลูก ซึ่งมีเกือบครึ่งได้ถูกกำหนดเป้าหมายไปที่เขตอาคมผนึกกายแท้ของเทพมังกรทั้งเก้าอย่างแม่นยำ
ไม่ว่าจะเป็นโพรงถ้ำลึกลับด้านในภูเขาคุนหลุนของเทพมังกรอ๋าวเถียน มหาวิหารใต้สมุทรของเทพมังกรอ๋าวเฟิง รวมไปถึงสถานที่ซ่อนกายของเทพมังกรตนอื่นๆ ล้วนถูกการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์เปิดเผยร่องรอยออกมาจนหมดสิ้น
ถึงแม้อานุภาพของขีปนาวุธนิวเคลียร์ จะไม่อาจสร้างความเสียหายให้ม่านพลังป้องกันของเทพมังกรได้มากนัก แต่เมื่อกองทัพมารกับกองทัพหุ่นเชิดของนิกายจูเซียนมาถึง มันก็กลายเป็นหายนะไปทันที
โดยเฉพาะฝ่ายทัพมารนั้น มีจักรพรรดิมารปอสวิ๋นและสองราชันมารผู้ยิ่งใหญ่นำทัพมารหลายพันล้านตนด้วยตัวเอง
ทำให้เหล่าเทพเจ้ามังกร ไม่อาจฝืนใช้สมาธิคงสถานะเขตอาคมที่ใช้ผนึกพวกฟ่านเจี้ยนหลงเอาไว้ได้อีกต่อไป จำเป็นต้องแยกย้ายกันไปปกป้องร่างจริงตนเองอย่างเร่งด่วน
ภาระอันหนักอึ้งเลยต้องตกเป็นของร่างแยกจ้าวเทียน ที่ต้องต่อสู้กับสองร่างอวตารเต๋าสวรรค์เพียงลำพัง เนื่องจากเสวี่ยหลงฝืนใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามจนถึงขีดจำกัด เลยกลับคืนสู่ร่างกระบี่ดังเดิมไม่อาจต่อกรกับศัตรูได้อีก
ส่วนพวกลี่เหยาเหยา ก็ต้องเผชิญหน้ากับกงเสี่ยวเหมยที่ถูกจิตมารครอบงำ ซึ่งด้วยช่องว่างระหว่างเทพโลการะดับเก้าขั้นสูงกับเซียนทิพย์ระดับต้น ทำให้พวกเธอต้องร่วมมือกันทุ่มสุดตัว ไม่อาจแบ่งแยกสมาธิได้แม้แต่นิดเดียว
ดังนั้น ทั้งสมาพันธ์เซียนและสมาคมซูเปอร์ฮีโร่ รวมไปถึงกองทัพพันธมิตรโลกมนุษย์ จึงต้องดิ้นรนรับมือกับกองทัพมารที่ดูจะแข็งแกร่งกว่าหลายร้อยเท่าด้วยตนเอง โดยไร้ซึ่งการสนับสนุนใดๆจากพวกจ้าวเทียนทั้งสิ้น
คงไม่แปลกนัก ถ้าจะบอกว่าการแปรพักตร์ของนิกายจูเซียนและการบุกรุกของกองทัพมาร ทำให้มวลมนุษยชาติเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์แห่งการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์อย่างแท้จริง
ประเทศอิตาลี นครศักดิ์สิทธิ์วาติกัน
ภายในพระมหาวิหารใจกลางกรุงโรม ซึ่งเป็นสถานที่ประทับของพระสันตะปาปาผู้ปกครองสูงสุดคริสตจักรโรมันคาทอลิก และยังเป็นฐานบัญชาการหลักของศาสนจักรแห่งแสงในโลกมนุษย์
ชายชราชุดขาวและเหล่าบาทหลวงระดับสูงหลายสิบคน กำลังนั่งเหม่อมองภาพใบหน้าของผู้คนนับร้อยนับพันบนคอมพิวเตอร์หลายสิบเครื่อง ทยอยถูกตัดขาดการเชื่อมต่อไปเรื่อยๆด้วยความสิ้นหวัง
“ นี่เครือข่ายของพวกเรา ในต่างประเทศถูกทำลายลงหมดแล้วงั้นเหรอ ทั้งที่สงครามเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ” พระสันตะปาปาพูดทำลายความเงียบ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม
“ หากท่านหญิงโซเฟียยังอยู่ละก็ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น ”
“ พวกเราลองใช้พิธีกรรมอัญเชิญ จิตวิญญาณของท่านหญิงลงมาอีกครั้งดีไหม บางทีตอนนี้สงครามแห่งจักรพรรดิเทพอาจจะจบลงแล้วก็ได้ ”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม แต่ข้อเสนอของเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากบาทหลวงเกือบทั้งหมดในห้องทันที
เพราะนับตั้งแต่ได้มีการก่อตั้งศาสนจักรแห่งแสงขึ้นมา สตรีศักดิ์สิทธิ์โซเฟียก็เป็นผู้ชี้นำทุกคนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเผชิญอุปสรรคขวากหนามอย่างไร ขอเพียงยังมีนางอยู่ศาสนจักรแห่งแสงก็จะไม่มีวันถูกทำลายแน่นอน
“ พอเถอะ พวกท่านก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ เพราะก่อนจากไป ท่านหญิงโซเฟียได้แต่งตั้งซิสเตอร์ออโรร่าขึ้นเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์คนใหม่แล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่า ท่านหญิงได้เสร็จสิ้นภารกิจบนโลกมนุษย์เรียบร้อยและคงไม่คิดกลับลงมาอีก ”
สิ่งที่พระสันตะปาปาพูดออกมา ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เดิมทีที่โซเฟียจุติดวงวิญญาณลงมาถือกำเนิดใหม่บนโลกมนุษย์ ก็เพื่อสืบหาความจริงเรื่องสมบัติมหาเทพผานกู่ และป้องกันไม่ให้โลกมารใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้
ซึ่งก็แน่นอนว่า ตั้งแต่ที่เทพมังกรทั้งเก้าประกาศยอมรับจ้าวเทียนเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของมหาเทพผานกู่
ภารกิจอันยาวนานของโซเฟียก็ถือเป็นอันยุติลงเรียบร้อย นางเลยไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องทนลำบากอยู่ในร่างมนุษย์ที่แสนอ่อนแออีก
ทำให้เมื่อจักรพรรดิแห่งแสงสว่าง พระราชทานตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพ และมอบโอสถศักดิ์สิทธิ์ทะลวงขอบเขตสามเม็ดให้เป็นรางวัล โซเฟียจึงรีบละทิ้งตัวตนมนุษย์ กลับคืนสู่กายทิพย์เทพโลกาของตนเองด้วยความเต็มใจ
“ ซิสเตอร์ออโรร่างั้นหรือ…นางไม่คู่ควรที่จะแบกรับอนาคตของศาสนจักรแห่งแสงหรอก ดูจากการที่นางสั่งให้พวกเรารีบไปรวมตัวกันที่คฤหาสน์ดาราสวรรค์ แทนที่จะนำกองกำลังกลับมาปกป้องนครวาติกันบ้านเกิดของตัวเอง ก็พอจะมองเห็นได้ชัดเจน ”
“ ระวังปากของพวกท่านด้วย อย่าลืมว่าในปัจจุบันซิสเตอร์ออโรร่าคือผู้นำสูงสุดของพวกเรา ”
พระสันตะปาปาพูดขัดเสียงดัง เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยกขึ้น ในช่วงเวลาสำคัญ ถึงแม้ภายในใจจะคิดเห็นไม่แตกต่างไปจากคนอื่นก็ตาม
เพราะไม่อย่างนั้น เหล่าอัศวินวาติกันทั้งหมดคงถูกเคลื่อนย้ายไปที่ประเทศจีนตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว ไม่ใช่มามัวเสียเวลาป้องกันนครศักดิ์สิทธิ์เหมือนในปัจจุบัน
ปัง!
อัศวินองครักษ์คนหนึ่ง ได้ผลักกระแทกบานประตูเหล็กเข้ามาอย่างร้อนรน ในสภาพที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลหลั่งโลหิตโทรมกาย
“ สิบเจ็ดกองอัศวินพิพากษาและหนึ่งร้อยนักรบศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกส่งออกไปกวาดล้างกองกำลังบริษัทHTI ทั้งหมดถูกสังหารไม่มีผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว”
“ ส่วนหน่วยอัศวินพิทักษ์วาติกันทั้งห้าหมื่นนาย ก็ได้สร้างอาณาเขตแห่งแสงสว่างปกป้องสถานที่แห่งนี้เอาไว้ แต่ก็คงต้านได้อีกไม่นานนัก ท่านแม่ทัพคริสโตเฟอร์จึงส่งผู้น้อยมาแจ้งให้ทุกท่านเตรียมตัวอพยพโดยด่วน ”
หลังกล่าวจบ อัศวินผู้นั้นก็พยายามกระเสือกกระสนนำพาร่างกายอันบอบช้ำ ก้าวเดินไปคุกเข่าทำความเคารพพระสันตะปาปาตามวิถีอัศวินเป็นครั้งสุดท้าย
“ เจ้าทำหน้าที่ได้ดีมาก จงพักผ่อนให้สบายเถิด ดวงวิญญาณของเจ้าจะได้หวนคืนสู่อ้อมกอดของพระบิดาอย่างแน่นอน ”
สิ้นเสียงพระสันตะปาปา มุมปากของอัศวินคนนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มยินดี ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงสิ้นใจตายไปอย่างสงบ
แกร่ก! ครืนนนน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน