ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 104

ตอนที่ 104 ความเชื่อในการแก้แค้น

เพราะการปรากฎตัวอย่างกระทันหันของหลี่เฉินเย่นทำให้จูเก๋อหมิงตื่นตระหนกไม่น้อย แต่ทว่าสีหน้าของท่านหมอก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงทั้งยังยิ้มออกมาน้อยๆ “เหตุใดวันนี้จึงว่างมาหาข้าได้เล่า”

“ใช่ วันนี้เปิ่นหวางว่าง จึงแวะมาดูเจ้าเสียหน่อย”

ชายหนุ่มหันไปมองรอบๆโรงหมอ มีผู้ป่วยมากมายมาต่อแถวรอการรับการรักษา เหล่าท่านหมดทั้งหลายต่างก็ตรวจและสอบถามอาการคนไข้ แต่จนแล้วจนรอดก้ไม่พบแม้แต่เงาของชูเซี่ย

จูเก๋อหมิงยิ้มน้อยๆ “เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้าไม่อาจขยับตัวไปที่ใดได้เลย!”

“ไม่เป็นไรหรอก เปิ่นหวางจะรอเจ้าอยู่นี่แล้วกัน!” ชายหนุ่มปรายตามองไปที่โต๊ะทำงานของจูเก๋อหมิง บนนั้นมีกระดาษอยู่ปึกหนึ่ง เป็นกระดาษที่สหายของเขาเขียนเทียบยาให้แก่ผู้ป่วย หลี่เฉินเย่นรู้ดีว่ากระดาษพวกนี้เป็นสิ่งที่หลี่เฉินเย่นสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง

ชายหนุ่มเอ่ย “เปิ่นหวางรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เมื่อคืนคงดื่มสุราหนักไปหน่อย เจ้าออกเทียบยาให้เปิ่นหวางหน่อยเถิด”

จูเก๋อหมิงจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ปวดมากเลยหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้คนไปต้มยาสร่างเมาให้และจะใส่ตัวยาลดธาตุไฟในตัวเจ้าให้ด้วยเพื่อลดอาการร้อนในให้ก็แล้วกัน”

กล่าวพลางก็หยิบกระดาษขึ้นมาใบหนึ่งจากนั้นก็จรดพู่กันลงไป เมื่อเขียนเทียบยาเสร็จเขาก็มอบหมายให้เด็กๆในโรงหมอไปจัดยามาให้แต่ทว่าหลี่เฉินเย่นกลับดึงมาไว้ในมือเสียเอง “เดี๋ยวเปิ่นหวางนำไปให้เด็กจัดยาเอง เจ้าก็อยู่ดูแลผู้ป่วยที่นี่เถิด”

จูเก๋อหมิงเหลือบไปมองผู้ป่วยมากมายที่รอรับการรักษาก็พยักหน้า “ก็ดี เจ้านำไปมอบให้เด็กจัดยาแล้วพวกเขาจะต้มยาให้เจ้าเอง แค่ครึ่งชั่วยามก็คงได้กินแล้วล่ะ”

หลี่เฉินเย่นพยักหน้าก่อนจะหันกายเดินตรงไปยังห้องจัดยา เมื่อจัดเทียบยาเสร็จแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปหยิบกระดาษจดเทียบยากลับมา “เปิ่นหวางนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ เช่นนั้นก็ขอเอาเทียบยากลับไปต้มที่จวนก็แล้วกัน เปิ่นหวางกลับก่อน เจ้าก็ไปกล่าวแก่จูเก๋อก็แล้วกัน!”

เด็กจัดยาตัวเล็กๆหรือจะกล้าเอ่ยขัดเขาได้ “ถ้าเช่นนั้นท่านอ๋องเดินทางปลอดภัยนะขอรับ!”

หลี่เฉินเย่นออกจากโรงหมอมาเพื่อขึ้นรถม้าที่เทียบท่ารออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มหยิบจดหมายของชูเซี่ยและเทียบยามาพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่ง เนื้อกระดาษเป็นชนิดเดียวกันไม่ผิดแน่ อีกทั้งกระดาษทั้งสองใบมีกลิ่นยาสมุนไพรแบบเดียวกันเห็นได้ชัดว่ามาจากโรงหมอแน่ เขาลองย้อนกลับไปถึงยามที่เขาเข้าไปหาสหายรักในโรงหมอเมื่อครู่ จูเก๋อหมิงไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อยแสดงว่าชูเซี่ยคงไม่ได้อยู่ในโรงหมอจริงๆ”

ชายหนุ่มลองใคร่ครวญดูให้ดี วันนี้เชียนซานออกจากจวนไปหาชูเซี่ยแต่ทว่าเมื่อช่วงบ่ายก็กลับมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าชูเซี่ยคงอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก อีกทั้งกระดาษที่นางใช้ยังเป็นกระดาษที่มีเพียงโรงหมอของจูเก๋อหมิงเท่านั้นที่มีใช้ แต่ทว่าสิ่งที่เขามั่นใจก็คือนางไม่ได้อยู่ที่วัดแถบชานเมืองอย่างที่จูเก๋อหมิงบอกกับเขาแน่

“ทหาร!” ชายหนุ่มเอ่ยตะคอกเสียงดังก่อนที่ผ้าม่านจะถูกเปิดออกแทบจะทันที

เสี่ยวซานจื่อเข้ามาในรถม้า “ท่านอ๋อง มีอะไรจะรับสั่งขอรับ!”

“เรียกหลางเยว่มาพบเปิ่นหวาง!” หลี่เฉินเย่นสั่งเสียงเคร่ง

เสี่ยวซานจื่อถึงกับชะงักไปชั่วครู่ “ขอรับ!”

หลางเหว่เป็นหัวหน้าองครักษ์เงาของเขา หากไม่มีเรื่องหนักหนาจริงๆเปิ่นหวางจะไม่เรียกใช้หลางเยว่โดยเด็ดขาด การที่ท่านอ๋องทรงเรียกหาเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ

ยามที่หลี่เฉินเย่นกลับมาถึงจวนอ๋องหลางเยว่ก็รอรับคำสั่งของเขาอยู่ที่นั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลางเยว่ เป็นชื่อที่เข้ากับบุรุษตรงหน้ายิ่งนัก ความงดงามและสุขุมนุ่มนวลราวกับดวงจันทร์ เพียงแค่มองไปที่ใบหน้าเขาก็สามารถทำให้ผู้พบเห็นลุ่มหลงได้ไม่ยาก

ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาไร้ความรู้สึก เขาเป็นองครักษ์เงาแห่งจวนอ๋องหนิงอานจะออกมาปฎิบัติหน้าที่ยามค่ำคืนเพียงเท่านั้น แม้แต่ชูเซี่ยก็ไม่เคยพบเขามาก่อน

“สั่งคนให้สะกดรอยตามเชียนซานและจูเก๋อหมิง!”

“ออกไปดูวัดที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองว่าชูเซี่ยเคยไปพำนักอยู่จริงหรือไม่”

“สั่งให้คนของเราแฝงตัวไปสืบข่าวคราว หากมีเรื่องอะไรรีบกลับมาบอกเปิ่นหวาง!”

“ไปจวนอ๋องเจิ้นหยวนสืบข่าวดูว่าใครเป็นคนช่วยองค์ชายน้อยอานเหยียนกลับมาและใครที่เป็นคนลักพาตัวเขาไป!”

หลี่เฉินเย่นถ่ายทอดคำสั่งออกไปหลายคำ เขาหวนคิดไปถึงคืนวันมงคลของเขา ที่เรือนจื่อยี่ในคืนนั้นเขาเห็นเชียนซานเทจอกเหล้าลงพื้นซึ่งเป็นวิธีคาราวะหรือไว้อาลัยแด่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบด้วยความหวาดกลัว ชูเซี่ยนางไม่เคยบอกเขาว่านางจะออกจากเมืองหลวงก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรผิดแปลก งานแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของเขานางเองก็รู้ดีว่าเขาถูกบังคับ นางย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตำแหน่งพระชายาผู้นี้หาใช่ชายาที่เขาปรารถนา ดังนั้นนางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไปจากเขาได้เลย

สมองของเขาดูจะมีสติและเห็นอะไรหลายๆอย่างได้ชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่คล้องหลังหลางเยว่ไปในมือหนาของเขาก็ชื้นไปด้วยเหงื่อ หัวใจเต้นเร็วและแรงมากขึ้น เขาเริ่มหวาดกลัวที่จะรู้ความจริงขึ้นมา

เขานึกถึงคำพูดของชูเซี่ยที่นางพูดถึงเวลาที่เหลืออยู่ของนาง เขานึกมาตลอดว่านางยังมีเหลือเวลาอยู่อีกมาก แต่ทว่าเขามัวแต่มีความสุขกับช่วงระยะเวลาสั้นๆที่ผ่านมาจนหลงคิดไปว่ายังเหลือเวลาเหลือเฟือ หรือว่ามันถึงเวลาแล้ว?

เขาไม่กล้าคิด เพียงแค่มีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในหัว ในใจของเขาก็แทบจะกระดอนออกมาจากอกเพราะความหวาดกลัว

ในเช้าวันที่สองหลี่เฉินเย่นก็ให้เชียนซานนำจดหมายไปส่งให้ เดิมทีเชียนซานไม่เต็มใจทว่าหลี่เฉินเย่นยืนกรานที่จะให้นางนำจดหมายไปมอบแก่นายหญิงและจะต้องตอบกลับมาให้เขาด้วย เชียนซานจึงได้แต่รับจดหมายมาไว้ในมือและออกจากจวนไป

เชียนซานวรยุทธ์สูงส่ง ดังนั้นตลอดทางนางจึงระมัดระวังไม่ให้ถูกผู้อื่นสะกดรอยตามไปด้วย แต่ทว่าต่อให้วรยุทธ์นางล้ำเลิศเพียงใดก็ไม่อาจเทียบชั้นกลับหลางเยว่ได้ ฝีมือสะกดรอยของหลางเยว่ดุจภูติผีที่ไร้ซึ้งผู้ใดสังเกตได้ ดังนั้นต่อให้หญิงสาวจะระมัดระวังเพียงใดก็ยังถูกร่างสูงของหลางเยว่ตามติดอย่างกับเงาตามตัว

จูเก๋อหมิงก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว หากจะให้ส่งจดหมายสนทนาโต้ตอบเช่นนี้เรื่อยๆมีแต่จะทำให้หลี่เฉินเย่นพบพิรุธมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเขาเขียนจดหมายตอบกลับเสร็จสิ้นก็เอ่ยกำชับกับเชียนซาน “เจ้าจงถือโอกาสนี้อ้างว่าจะตามไปอยู่ดูแลชูเซี่ยและจงออกจากจวนอ๋องมาเสีย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า