ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 105

สรุปบท ตอนที่ 105 หนักเหมือนเขาไท่ซาน: ชายาเกิดใหม่ของข้า

ตอนที่ 105 หนักเหมือนเขาไท่ซาน – ตอนที่ต้องอ่านของ ชายาเกิดใหม่ของข้า

ตอนนี้ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 105 หนักเหมือนเขาไท่ซาน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 105 หนักเหมือนเขาไท่ซาน

ภายในพระราชวัง ณ ห้องทรงพระอักษร

สีพระพักตร์ของฝ่าบาทขุ่นเคืองยิ่งนัก พระหัตถ์ทั้งสองข้างถูกไขว้หลังไว้ขณะทรงสาวพระบาทไปมา เบื้องพระพักตร์มีชายหนุ่มผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่ ใบหน้าของชายผู้นั้นฉายแววหวาดกลัวขณะกำลังรอฟังรับสั่ง

“หาจนทั่วแล้วหรือ” สุรเสียงตรัสอย่างไม่พอพระทัยดังขึ้นขณะปรายพระเนตรไปทางชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า

ชายหนุ่มผู้นั้นจึงเอ่ยทูลอย่างกล้าๆกลัวๆ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมหาจนทั่วแล้วขอรับ คืนนั้นไม่มีผู้ใดทราบว่าเป็นท่านหมอเวินอีกทั้งนางยังพาองค์ชายน้อยหนีออกไปได้ ในระหว่างที่เรากำลังไล่ตามพวกนางอยู่นั้นก็พบว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งตามมาทั้งยังนำตัวขององค์ชายน้อยและท่านหมอเวินไปด้วยขอรับ”

ฝ่าบาททรงขมวดพระขนง “ยามนี้อานเหยียนกลับไปที่จวนได้อย่างปลอดภัยแล้ว เป็นไปได้มากว่าคนกลุ่มนั้นอาจจะเป็นองครักษ์ของเจิ้นหยวนอ๋อง เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเขานำตัวท่านหมอเวินไปด้วย”

ชายหนุ่มผู้นั้นพยักหน้ายืนกราน “แน่ใจพะย่ะค่ะ ตอนนั้นคนของหม่อมฉันลอบติดตามอยู่ห่างๆ ท่านหมอเวินถูกคนกลุ่มนั้นจับตัวกลับไปจริงๆ อีกทั้งนางยังได้รับบาดเจ็บจดหลั่งโลหิตอีกด้วยพะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ตกพระทัยขึ้นมา “บาดเจ็บ? ไม่ได้มองผิดใช่หรือไม่”

“น่าจะเป็นเช่นนั้นพะย่ะค่ะ!”

พระพักตร์ของฝ่าบาทเต็มไปด้วยความกริ้วโกรธ “น่าจะ? ตกลงว่าเจ้าน่าจะหรือแน่ใจกันแน่ สารเลว! เหตุใดตอนนั้นจึงไม่ชิงตัวนางกลับมา”

ชายผู้นั้นพยายามเอ่ยอย่างละมุนละม่อม “ฝ่าบาททรงตรัสมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ ว่าแผนการครั้งนี้ต้องมีคนรับรู้ให้น้อยที่สุด หากมีผู้ใดล่วงรู้ว่าเป็นแผนการของพวกราเกรงว่า...”

ฝ่าบาททรงตรัสเสียงเครียด “แล้วหลังจากวันนั้นเจ้าได้ส่งคนออกไปตรวจสอบหรือไม่ นางหายตัวไปหลายวันแล้วพวกเจ้าถึงเพิ่งจะมาบอกเรื่องนี้แก่เรางั้นหรือ ใช้เวลานานถึงเพียงนี้แต่กลับยังสืบหาร่องรอยของนางไม่ได้ บอกเราหน่อยว่าเรายังจะต้องเก็บพวกเจ้าไว้ทำไมอีก”

ชายผู้นี่มีนามว่า หลินหมิงยี่ เป็นหัวหน้าของหน่วยลับที่ขึ้นตรงแก่ฝ่าบาทเพียงผู้เดียว เขาเป็นชาวยุทธไม่มีตำแหน่งในวังหลวง ตัวตนของพวกเขาแทบจะไม่มีผู้ใดรู้ แต่ทว่าค่าตอบแทนของพวกเขากลับสูงเสียยิ่งกว่าเงินของพวกข้าหลวงบางคนเสียอีก เรื่องบางเรื่องที่เกินกว่าอำนาจในวังจะจัดการและตำเป็นจะต้องเก็บเป็นความลับพระองค์ก็มักจะใช้พวกเขาให้จัดการเสียมากกว่า

อย่างเรื่องการลักพาตัวอานเหยียนในครั้งนี้พระองค์ก็ให้พวกเขาเป็นคนลงมือจัดการ แผนการในครั้งนี้ดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นไร้ที่ติเพราะไม่ว่าผ้ใดก็คาดไม่ถึงว่าองคร์ชายน้อยจะถูกลักพาตัวไปกักครั้งไว้ที่บ้านแถบชานเมืองที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงถึงปานนั้น

“เช่นนั้นกระหม่อมจะไปสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัดอีกครั้งพะย่ะค่ะ”

ฝ่าบาททรงกริ้วจนประกาศก้องดัง “ภายในสามวันหากว่าเจ้ายังสืบหาเบาะแสของเวินหน่วนไม่ได้ ถึงตอนนั้นเราจะจัดการพวกเจ้าให้สิ้น!”

หลินยี่หมิงตื่นตระหนกรีบร้อนคุกเข่ารับฟังรับสั่งอย่างตื่นกลัว “พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำอย่างสุดความสามารถ!”

ฮ่องเต้ทรงไล่เขาออกจากห้อง พระทัยของพระองค์กระสับกระส่ายไม่สงบ ท่าราชครูเคยกล่าวว่าขอเพียงแค่หญิงสาวที่มีดวงหงส์อย่างเวินหน่วนเข้ามาในวังจะทำให้พระพลานามัยของไทเฮาแข็งแรงดีวันดีคืน แต่ทว่าความจริงแล้วเมื่อนางเข้ามาในวังไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ไทเฮาทรงดีขึ้นแต่กลับทำให้ประชวรจนสวรรคตไปเร็วกว่าที่คิดเสียอีก

ทรงดำริเช่นนี้แล้วก็สาวพระบาทไปมารอบห้องก่อนจะตรัสขึ้นเสียงดังจนเกือบคำราม “เสี่ยวเต๋อจื่อ!”

เสี่ยวเต๋อจื่อก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา “ฝ่าบาท กระหม่อมอยู่นี่พะย่ะค่ะ!”

“เรียกท่านราชครูมาเข้าเฝ้า!” ทรงรับสั่งด้วยสุรเสียงเคร่งเครียด

เสี่ยวเต๋อจื่อเร่งทำตามรับสั่งของฝ่าบาททันที

ไม่ถึงครึ่งชั่วยามท่านราชครูก็มาถึงห้องทรงพระอักษร

“ถวายบังคมฝ่าบาท!” เมื่อท่านราชครูย่างเข้ามาในห้องก็โค้งกายถวายบังคมอย่างนอบน้อม

ฝ่าบาททรงประทับอยู่บนบัลลังก์ทอง สายพระเนตรจ้องมาที่ท่านราชครูทั้งที่ขมวดพระขนงอยู่ “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกกับเราว่า หากว่าเวินหน่วนเข้ามาในวังพลานามัยของเสด็จแม่ไทเฮาจะดีวันดีคืน แต่ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่”

ท่านราชครูก็เอ่ยทูลต่อฝ่าบาทด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “ทูลฝ่าบาท หากหญิงสาวที่มีดวงหงส์เช่นนางเข้ามาในวังจะทำให้พลานามัยของไทเฮาทรงดีขึ้นจริงพะย่ะค่ะ แต่ทว่ายามนั้นดวงหงส์ของนางเองก็ประสบเคราะห์กรรมเช่นกัน ด้วยเพราะคราวเคราะห์นี้จึงทำให้ดวงของนางไม่อาจช่วยค้ำจุนองค์ไทเฮาได้ทั้งยังทำให้นางต้องประสบเคราะห์ภัยอีกด้วย”

ฝ่าบาททรงถามอย่างไม่เข้าพระทัย “ดวงหงส์ประสบเคราะห์กรรมคืออะไรกัน”

ท่านราชครูลองเข้าฌานอยู่ครู่หนึ่งสักพักก็ถอนหายใจออกมา “ต้องโทษที่กระหม่อมเองก็ประมาทเลินเล่อจึงไม่ได้คำนวนเคราะห์ของนางให้แน่ชัด แต่ยามนี้นางกำลังเผชิญเคราะห์กรรมของตนเองอยู่จริงๆพะย่ะค่ะ!”

ทันใดนั้นฮ่องเต้ก็ทรงลุกขึ้นและทอดพระเนตรมาที่ราชครูก่นอตรัสถามเสียงเครียด “เจ้าจงเล่ามาให้ละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่”

สีหน้าของท่านราชครูยังคงเงียบสงบยามที่เอ่ยปาก “ชีวิตของสตรีที่เกิดพร้อมกับดวงหงส์เคียงมังดรนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับนางถึงสี่ครั้ง แต่ละครั้งล้วนอันตรายถึงชีวิต ฝ่าบาทย่อมต้องรู้ว่าชีวิตของแต่ละคนล้วนต้องเผชิญเคราะห์กรรมที่ไม่อาจหลีดเลี่ยงได้ในกรณีนี้หญิงสาวที่มีดวงหงส์เช่นนางก็ไม่มีข้อยกเว้น นางเคยผ่านเคราะห์มาแล้วถึงสองครั้งที่ร้ายแรงถึงชีวิตแต่ก็ยังผ่านมันมาได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน กระหม่อมเชื่อว่านางจะต้องผ่านเคราะห์กรรมครั้งนี้มาได้แน่นอน!”

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้นั้นดูนุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย แต่พระองค์ยังคงสงสัยอยู่ “เจ้ามั่นใจแค่ไหนว่านางจะกลับมาได้”

ท่านราชครูโค้งกาย “กระหม่อมมั่นใจยิ่งนักพะย่ะค่ะ ภายในสามเดือนหากนางไม่อาจกลับมาได้ กระหม่อมจะขอรับโทษอาญาประหารชีวิตพะย่ะค่ะ!”

“ท่านอ๋องอยู่ในห้องหนังสือเจ้าค่ะ เสด็จพี่และท่านพี่รอก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะให้คนไปตาม!” นางเรียกขานหลี่อวิ่นกังว่าเสด็จพี่ราวกับว่าวางตัวเองเป็นภรรยาของหลี่เฉินเย่นโดยสมบูรณ์แล้วซึ่งในความคิดนาง นางก็เห็นว่าเป็นเรื่องสมควรถูกต้องที่นางจะเรียกเช่นนี้

แต่ทว่าเมื่อหลี่อวิ่นกังได้ยินคำเรียกขานว่าเสด็จพี่เขาก็อดย้อนนึกไปถึงตอนที่เขาลงมือทำร้ายและสั่งให้สังหารชูเซี่ยไม่ได้ หัวใจเจ็บปวดราวกับโดนลูกศรปักลงกลางใจ

ไม่นานหลี่เฉินเย่นก็ออกมา ชายหนุ่มสวมชุดขาวทั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวอีกทั้งใต้ตายังดำคล้ำเพราะนับตั้งแต่ที่เขาได้นับรู้ข่าวของชูเซี่ยเขาก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้สักคืน

เมื่อชายหนุ่มเห็นหลี่อวิ่นกังดวงตาก็ทอประกายแค้นเคืองขึ้นมาแต่เพียงชั่วพริบตาก็หายไป เขาเข้าใจดีว่าไม่ว่าหลี่อวิ่นกังหรือเขาต่างก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในมือของเสด็จพ่อเท่านั้น และยิ่งได้ฟังเรื่องราวจากหลางเยว่เขาก็รู้ว่าแท้จริงแล้วเสด็จพี่เองก็รู้สึกผิดและเจ็บปวดทรมานไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเขาเลย

เฉินหยวนชิ่งโค้งกายทำความเคารพ “กระหม่อมถวายบังคมท่านอ๋อง!”

หลี่เฉินเย่นก็เอ่ยเสียงเรียบ “แม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งเถิด!” จากนั้นเขาก็ปรายตามองมาที่หลี่อวิ่นกัง “วันนี้เสด็จพี่ก็มาด้วยหรือ”

สีหน้าของหลี่อวิ่นกังดูไม่สบายใจ ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำ “ใช่แล้ว เปิ่นหวางอยากมาขออภัยเจ้าสักคำ วันั้นเปิ่นหวางไม่ได้สืบให้แน่ชัดก็ใส่ความเจ้าว่าเป็นผู้ลักพาตัวอานเหยียนไป ตอนนี้อานเหยียนกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้วทั้งเปิ่นหวางก็ยังรู้แน่ชัดแล้วว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า!”

เฉินหยวนชิ่งรู้สึกไม่พอใจต่อคำเรียกขานว่านแม่ทัพเฉินยิ่งนักเพราะยามนี้เขาก็มีศักดิ์เป็นพี่เขยของอีกฝ่าย แต่ทว่าในเมื่อคู่กรณีเป็นถึงท่านอ๋อง ยศฐาของอีกฝ่ายสูงส่งกว่าเขา ต่อให้ไม่ชอบใจเช่นไรก็ต้องเก็บไว้ในใจไม่อาจแสดงอาการออกมาโดยเด็ดขาด

“กลับมาได้อย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว!” หลี่เฉินเย่นถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้และสั่งเด็กรับใช้ให้ไปเตรียมชาร้อนชั้นดีมารับรองแขก ชายหนุ่มยกถ้วยชาในมือขึ้นมาจิบเบาๆ

หลี่อวิ่นกังมองไปที่น้องชายอย่างเป็นห่วง “เจ้าดูสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก ไม่ค่อยได้นอนหรือ”

หลี่เฉินเย่นได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามอง หลี่อวิ่นกังเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาก็รู้สึกร้อนตัวจึงเสตาหลบไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย แต่ทว่าหูก็ได้ยินน้องชายของตนพูดขึ้นมาเบาๆ “ใช่ ชูเซี่ยหายตัวไป หลายวันมานี้นางยังไม่ยอมกลับมาเปิ่นหวางเป็นห่วงจึงได้นอนไม่หลับ!”

หลี่อวิ่นกังไม่ส่งเสียงอะไรเพียงแต่ก้มหน้าอื่มน้ำชาและพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าเจ็บปวดระคนสำนึกผิดของตนเอาไว้

เฉินหยวนชิ่งเคยได้ยินเรื่องราวของหลี่เฉินเย่นและท่านหมอเวินมาบ้าง แต่ทว่ายามนี้ได้ยินเขาพูดถึงท่านหมอหญิงคนนั้นต่อหน้าน้องสาวของเขาก็อดรู้สึกโกรธเคืองไม่ได้ เขาเป็นชาวยุทธทำอะไรตรงไปตรงมาจึงไม่คิดจะอ้อมค้อมไปมาให้มากความ “ท่านอ๋องควรรักษาสุขภาพของตนให้ดีอย่าได้เอาเรื่องของคนที่ไม่มีความสำคัญมาทำร้ายสุขภาพของตนเองเลยขอรับ”

ดวงตาของหลี่เฉินเย่นพลันโหดเหี้ยมขึ้นมาหลายส่วน ดวงตาคมจ้องเขม็งมาที่เฉินหยวนชิ่ง “ไม่มีความสำคัญ? นางอาจจะไม่มีความสำคัญอันใดกับแม่ทัพเฉิน แต่ทว่าสำหรับเปิ่นหวานนางเป็นคนที่เปิ่นหวางให้ความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด!”

เฉินอวี่จู๋ได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งงันไป ท่านหมอเวินผู้นี้นางเคยได้ยินชื่อเสียงมาบ้าง นางสามารถรักษาฉ่ายเวินให้หายได้ทั้งยังรักษาอาการป่วยของฝ่าบาทได้อีกด้วย แต่ทว่านางก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดท่านอ๋องจึงต้องให้ความสำคัญกับหมอหญิงผู้นั้นถึงเพียงนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า