ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 108

ตอนที่ 108 เหมือนนางมาก

หลี่เฉินเย่นรีบร้อนกลับมาที่จวน ที่แรกที่เขาพุ่งไปก็คือเรือนจื่อยี่ ยามนี้ในเรือนจื่อยี่ยังเงียบสงบเพราะเหล่าข้ารับใช้ยังไม่ตื่น ชายหนุ่มยืนนิ่งๆอยู่ภายในห้องของชูเซี่ยมองไปรอบๆ เหตุใดจึงไม่พบนางเล่า หรือว่านางยังไม่กลับมาอีกหรือ

ชายหนุ่มวิ่งออกไปนอกห้องก่อนจะตะโกนเสียงดัง “เด็กๆ!”

เพียงครู่เดียวโคมไฟภายในเรือนก็ถูกจุดขึ้น ทุกคนในจวนต่างก็ออกมามองดูหลี่เฉินเย่นที่วิ่งเข้าวิ่งออกห้องนั้นห้องนี้ราวกับเสียสติไปแล้ว

แม้กระทั้งเรือนติดทะเลสาปของฉ่ายเวินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ฉ่ายเวินที่ยังนอนพักผ่อนอยู่ก็ถูกเสียงของเขาทำให้ตกใจ นางถลกผ้าห่มขึ้นก่อนจะรีบร้อนวิ่งออกไปถาม “ศิษย์พี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ”

หลี่เฉินเย่นถลาเข้ามาจับนางไว้ก่อนจะถามเสียงร้อนรน “ชูเซี่ยเล่า? ชูเซี่ยได้มาที่นี่หรอไม่”

ฉ่ายเวินงุนงง “พี่สาวกลับมาแล้วหรือ กลับมาตั้งแต่เมื่อใดกัน ข้ายังไม่เห็นนะเจ้าคะ ข้าเพิ่งจะตื่นขึ้นมาเองเจ้าค่ะ”

หลี่เฉินเย่นร้องคำรามออกมาก่อนจะวิ่งออกไปราวกับคนเสียสติอีกครั้ง ทั่วทุกซอกทุกมุมเขาล้วนค้นหาจนทั่วแม้แต่เรือนโม่หลานของโหร่วยเฟยก็ไปมาแล้วรอบหนึ่ง เหลือก็แต่เรือนของเฉินอวี่จู่ที่เขายังไม่ได้เข้าไปหา

ยามนี้ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าเรือนเฟิงอวี่ซึ่งเป็นเรือนพำนักของเฉินอวี่จู๋ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น ดวงตาคมมองเห็นเงาที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในห้องรวมถึงเสียงพูดคุยที่เล็ดลอดออกมา จะเป็นนางหรือไม่นะ

ชายหนุ่มกลั้นใจเดินเข้าไปใกล้ทีละก้าว จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าประตูจากนั้นก็ค่อยๆผลักประตูเข้าไปช้าๆ

เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับใบหน้าของชายหนุ่มที่โผล่เข้ามาในครรลองสายตา ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววผิดหวังเมื่อกวาดตามองไปรอบๆห้อง เขาไม่เห็นชูเซี่ยอยู่ในนี้ ภายในห้องมีเพียงเฉินอวี่จู๋และสาวใช้สองคนข้างกายนางเท่านั้น

เฉินอวี่จู๋นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อเห็นว่าเขาเข้ามาก็ผุดลุกขึ้นก่อนจะแย้มรอยยิ้มอ่อนหวานออกมา นางย่อกายเคารพอย่างงดงาม “ท่านอ๋องมาแต่เช้าเลยนะเจ้าคะ”

หลี่เฉินเย่นรับคำ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงทุ้มติดจะแหบพร่า “เมื่อครู่มีใครมาที่นี่หรือไม่”

เฉินอวี่จู๋ส่ายหน้าเบาๆ ทั้งยังมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เช้าถึงเพียงนี้จะมีผู้ใดมาได้ล่ะเจ้าคะ เหตุใดท่านอ๋องจึงถามข้าเช่นนี้เจ้าคะ”

หลี่เฉินเย่นเดินมานั่งที่โต๊ะกลมกลางห้องด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า “ไม่มี เปิ่นหวางแค่ถามดูก็เท่านั้น”

เฉินอวี่จู๋เดินมาหยุดอยู่ข้างกายของหลี่เฉินเย่น จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ สีหน้าของนางฉายแววสงสัย “ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องที่อยากขอถามท่านได้หรือไม่เจ้าคะ!”

ยามนี้หลี่เฉินเย่นถูกความผิดหวังกลืนกินตัวตนของเขาอย่างทรมาน มีหรือเขายังจะมีกระจิตกจะใจมาตอบคำถามของนางได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน “ค่อยถามวันอื่นเถิด วันนี้เปิ่นหวางรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย!”

เฉินอวี่จู๋แม้จะผิดหวังเล็กน้อยแต่นางก็ยอมลุกเดินมาส่งอีกฝ่าย นางจ้องมองเบื้องหลังของอีกฝ่ายที่เดินห่างออกไป ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ข้าเคยพบกับท่านมาก่อนหรือไม่เจ้าคะ”

หลี่เฉินเย่นไม่ได้หันกลับมา แต่ทว่าเขาก็หยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินก่อนจะเอ่ยถามอย่างเหนื่อยล้า “ไม่มี เปิ่นหวางไม่เคยพบเจ้ามาก่อน”

เฉินอวี่จู๋รู้สึกงุนงงสงสัย นางจึงเอ่ยต่อ “แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในหัวของข้ากลับมีภาพเหตุการณืบนเขา ข้าเห็นภาพท่านกับข้ากำลังหาหญ้าอะไรสักอย่างแล้วต่อมาข้าก็พลัดตกน้ำ ภาพเหล่านั้นชัดเจนมากราวกับเกิดขึ้นจริงๆแต่ข้าก็นึกไม่ออกว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่”

ร่างทั้งร่างของหลี่เฉินเย่นแข็งทื่อ เขารีบหันกายกลับมาจับจ้องร่างของเฉินอวี่จู๋ด้วยดวงตาที่ทอประกายความดีใจ “เจ้ายังจำอะไรได้อีกหรือไม่ นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”

เฉินอวี่จู๋ขมวดคิ้วนางพยายามนึก “ยังมีอีกเจ้าค่ะ” แต่นางก็หยุด “แต่ข้าว่าท่านอ๋องกลับไปพักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว”

ตอนนี้มีหรือเขาจะยังรู้สึกเหนื่อย? ชายหนุ่มรั้งร่างของเฉินอวี่จู๋มานั่งลงก่อนจะถามอย่างตื่นเต้น “เจ้าพูดมา เจ้ายังนึกอะไรขึ้นมาได้อีก ไม่ เจ้าตอบเปิ่นหวางมาก่อนดีกว่าว่าก่อนจะออกเรือนมาเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรบ้างหรือไม่”

เฉินอวี่จู๋มองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่าข้าเคยเกิดอุบัติเหตุ แค่คิดถึงเรื่องนั้นข้าก็หวาดกลัวไปหมด ข้าไม่ระวังเดินตกน้ำเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้านึกว่าตัวเองจะต้องตายเสียแล้วเพราะยามนั้นไม่มีผู้ใดอยู่แถวนั้นเลยและไม่รู้ว่าถูกช่วยขึ้นมาเมื่อใด ยามนั้นพี่ชายข้าคิดว่าข้าตายเสียแล้วแต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆข้าก็ฟื้นขึ้นมาได้ ท่านแม่ยังบอกเลยว่าข้าดวงแข็งทั้งยังดวงดีมากเลยเจ้าค่ะ!”

หลี่เฉินเย่นเอ่ยถามอย่างสนใจ “เรื่องที่เจ้าตกน้ำเกิดขึ้นเมื่อใด”

เฉินอวี่จู๋ยิ้มอย่างเขินอาย “ก่อนหน้าที่ข้าจะออกเรือนมาแค่คืนเดียวเจ้าค่ะ!”

ร่างกายของหลี่เฉินเย่นขนลุกวาบ ตามคำบอกเล่าของหลางเยว่บอกว่าชูเซี่ยถูกทำร้ายก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานสองวัน บอกได้ว่าเวลามันช่างเหมาะเจาะยิ่งนัก อาจารย์บอกว่าให้เขาเห็นค่าของคนที่อยู่ตรงหน้าหรือว่าท่านต้องการจะบอกเขากลายๆว่าแท้จริงแล้ววิญญาณของชูเซี่ยได้เข้ามาอยู่ในร่างของเฉินอวี่จู๋ แต่เพราะเหตุใดนางจึงแทบจะไม่เหลือความทรงจำระหว่างเขากับนางเลยเล่า

เรื่องนี้ชายหนุ่มยังไม่กล้าปักใจเชื่อทันที เขายังต้องสืบจนมั่นใจเสียก่อน แต่ก็นับว่ามีความเป็นไปได้ไม่น้อย เลือดในกายของเขาและสมองกำลังร้อนระอุและทำงานอย่างหนัก เขาพยายามคิดทบทวนอย่างหนักถึงสิ่งที่เฉินอวี่จู๋พูดกับเขา

ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้าจำเรื่องที่ตัวเองโดนพิษได้หรือไม่”

เฉินอวี่จู๋ตอบกลับแทบจะทันที “จำได้เจ้าค่ะ เป็นฝีมือของโหร่วเฟย!” หลังจากนั้นนางก็นิ่งอึ้งไป นางพยายามคิดอย่างหนักว่าทั้งๆที่ไม่มีความทรงจำอะไรแต่ทำไมนางถึงพูดออกไปเช่นนั้นว่าเป็นโหร่วเฟยที่วางยาพิษนาง

ยามนี้โหร่วเฟยถูกกักบริเวณอยู่ภายในจวนเพราะนางเป็นผู้ที่วางยาพิษทำร้ายชูเซี่ย แต่ทว่าเพราะเห็นแก่ภาพลักษณ์ของท่านอุปราชจึงไม่ได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ทางฝั่งฮ่องเต้ก็ถูกปิดบังเรื่องเอาไว้ไม่ให้ทราบด้วยเช่นกัน ทางวังรับรู้เพียงว่ามีสาวใช้นางหนึ่งถูกชูเซี่ยว่ากล่าวตำหนิแล้วทนไม่ได้จึงแค้นเคืองแอบวางยาพิษลงในอาหารของนางเพียงเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า