ตอนที่ 109 เป็นคนอื่น
หลี่เฉินเย่นเข้าวังหาท่านราชครูครั้งนี้ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่นอน แต่ทว่าจากคำกล่าวของท่านราชครูที่กล่าวว่าชูเซี่ยกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้วทั้งยังอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง อีกทั้งยังมีคำพูดของเฉินอวี่จู๋ที่เล่าถึงความทรงจำระหว่างเขากับชูเซี่ยได้ นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขามั่นใจได้ถึงแปดเก้าส่วนว่านางก็คือชูเซี่ย
แต่ทว่า เพียงแปดเก้าส่วนก็ยังไม่ถึงสิบส่วนอยู่ดี เขาจะต้องมั่นใจว่าเฉินอวี่จู๋จะใช่ชูเซี่ยจริงหรือไม่
ด้านบ้านหลังเล็กของชูเซี่ย พระอาทิตย์ยามนี้ขึ้นเต็มดวงแล้ว ชูเซี่ยเองก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาได้ในที่สุด
จูเก๋อหมิงเห็นว่านางฟื้นขึ้นแล้วก็ถลาเข้าไปถามอย่างห่วงใย “เจ้าฟื้นแล้วหรือ รู้สึกอย่างไรบ้าง”
ชูเซี่ยกระริบตาขับไล่ความมึนงงก่อนจะหันมาเห็นจูเก๋อหมิงและหลี่อวิ่นกัง นางชะงักเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม “พวกท่านอยู่นี่กันหมดเลยหรือ ข้ากลับมาแล้ว?”
จูเก๋อหมิงรับคำ “อาจารย์ของเจ้าส่งเจ้ากลับมา!”
ชูเซี่ยรู้สึกตื่นตระหนก อาจารย์ไปแล้วหรือ ถ้าอย่างนั้นนางก็ไม่มีโอกาสได้พบกับอาจารย์อีกแล้วหรือ บิดามารดาให้ชีวิตลูกๆแค่ชีวิตเดียว แต่อาจารย์ให้ชีวิตใหม่นางมาแล้วถึงสามครั้ง บุญคุณในครั้งนี้นางจะได้มีโอกาสได้ตอบแทนหรือไม่นะ
หลี่อวิ่นกังมองชูเซี่ยอย่างลำบากใจ “ขออภัย เปิ่นหวางทำให้เจ้าต้องเป็นเช่นนี้”
ชูเซี่ยหันมามองเขา “ต่อให้ไม่มีท่านข้ามันก็เป็นชะตาที่ข้าไม่อาจหลีกหนี ท่านก็แค่ทำให้มันเกิดขึ้นเร็วขึ้นเพียงเท่านั้น แต่ไม่เป็นไรเสียหน่อย อย่างไรข้าก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
หลี่อวิ่นกังถอนหายใจออกมา “เป็นเปิ่นหวางที่ประมาทเลินเล่อเอง ผู้มีพระคุณกับศัตรูยังไม่สามารถแยกออกได้จนเกือบทำให้เจ้ากับเชียนต้องพรากจากกันตลอดไปเสียแล้ว”
หัวใจชูเซี่ยกระตุกวูบ นางหันมามองจูเก๋อหมิงก่อนถามอย่างเป็นห่วง “เขาเป็นเช่นไรบ้าง”
“เขาแต่งงานกับเฉินอวี่จู๋แล้ว ตอนที่เจ้าหายตัวไปพวกเราไปโกหกเขาว่าเจ้าหนีออกจากเมืองหลวงไปรอสงบสติอารมณ์ได้แล้วจะกลับมา แต่ทว่า...” จูเก๋อหมิงหยุดไว้ตรงนี้
ชูเซี่ยร้อง ‘อ่อ’ ออกมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “แต่ทว่าอะไร พูดออกมาตรงๆเถิดไม่ต้องอ้อมค้อม!”
จูเก๋อหมิงเล่าถึงคำพูดที่นักบวชผู้นั้นพูดให้ชูเซี่ยฟัง “ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเข้าใจว่าเฉินอวี่จู๋ก็คือเจ้า!”
ชูเซี่ยหลับตาลง มือบอบบางของนางเผลอกำผ้าห่มที่คลุมกายไว้แน่น นางใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการซ่อนความเจ็บปวดที่ตีตื้นขึ้นมาในหน้าอก แต่ถึงกระนั้นนางก็พยายามปรับน้ำเสียงของตนเองให้เรียบเฉย “อืม แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ!”
จูเก๋อหมิงเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็รู้สึกเจ็บปวดสงสารขึ้นมา “หากเจ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเถิดอย่าได้ฝืนตัวเองเช่นนี้เลย”
ชูเซี่ยยิ้มซีดเซียว “”ข้าไม่ได้เสียใจหรอก การที่เขาเห็นเฉินอวี่จู๋เป็นข้าก็หมายความว่าในใจของเขายังคงมีข้าอยู่ไม่ใช่หรือ ย่างน้อยก็นับว่าข้าโชคดีกว่านาง ไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
หลี่อวิ่นกังก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เรื่องของความรู้สึกพวกเขาเป็นคนนอกก็ไม่สมควรถาม อีกอย่างชูเซี่ยก็เป็นเพียงแม่นางน้อยผู้หนึ่งต่อให้นางเสียใจอยากร้องไห้เพียงใดก็คงต้องฝืนทนเอาไว้ไม่ให้พวกเขาเห็นหัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วงและรู้สึกแย่ แต่เพราะนางไม่แสดงอะไรออกมาเลยต่างหากที่ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่
ชูเซี่ยยังคงเอ่ย “ต่อให้ข้าไม่หายตัวไปอย่างไรเสียเขาก็ต้องแต่งกับเฉินอวี่จู๋อยู่ดีไม่ใช่หรือ เป็นเช่นนี้ก็ดีอย่างน้อยข้าก็สามารถหนีปัญหาเรื่องเสด็จพ่อของท่านมาได้ จะได้ไม่ต้องเข้าวังให้ปวดหัวอีก ทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าฝ่าบาทจะทรงปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่งก็เพราะข้า”
หลี่อวิ่นกังได้ยินนางพูดเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งนางเป็นเช่นนี้เขาก็ยิ่งปวดใจ เรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขา
เขายังจะต่อสู้แย่งชิงเพื่ออะไรอีก เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่ายิ่งคนเรามีความปรารถนามากขึ้นก็รังแต่จะทำบาปทำกรรมมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะแม่ทัพพญาอินทรีย์ ตำแหน่งรัชทายาท ของพวกนี้มันสำคัญกว่าสายเลือดอีกงั้นหรือ เขารู้สึกรังเกียจตัวเองเหลือเกิน เขาควรเข้าใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้วไม่เช่นนั้นยามที่ชูเซี่ยกลับมาเขาก็คงไม่ก่อเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้
จูเก๋อหมิงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “เจ้าสอนข้าฝังเข็มทองเถิด ไม่เช่นนั้นข้าก็คงไม่มีความสามารถที่จะรักษาขาของเจ้าได้”
ชูเซี่ยทำสีหน้าครุ่นคิดก็จะค่อยๆยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ช่วยไม่ได้ ท่านก็มาเป็นศิษย์ข้าดีหรือไม่”
จูเก๋อหมิงนิ่งไปก่อนจะมองมาที่นางนิ่งๆ “เจ้าแน่ใจ?”
ชูเซี่ยมองตอบเขานิ่งๆเช่นกัน “ท่านไม่ยินยอม?”
ใบหน้าของจูเก๋อหมิงแข็งเกร็งแทบจะไม่ยิ้ม “จะไม่ยอมได้อย่างไร ข้าย่อมต้องยอมอยู่แล้ว”
“ข้าล้อเล่น ข้าไม่ได้อยากเป็นอาจารย์เสียหน่อยแค่มาแลกเปลี่ยนวิชากันก็พอแล้ว” ชูเซี่ยยิ้มขำ
สีหน้าของจูเก๋อหมิงผ่อนคลายมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววโล่งใจ “ไม่นับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกันหรอก เพียงแค่ชี้แนะก็พอได้!”
หลี่อวิ่นกังมองจูเก๋อหมิงอย่างประหลาดใจ ในใจของเขาก็พอเข้าใจท่าทางเช่นนี้อยู่บ้าง แม้ว่าเขาพอจะดูออกว่าอีกฝ่ายชอบพอชูเซี่ยแต่จากที่เห็นนั้นท่าทางจะรักปักใจเลยทีเดียว ชูเซี่ยเป็นหญิงสาวจากโลกต่างนางจึงอาจจะไม่รู้ว่าโลกใบนี้ อาจารย์และลูกศิษย์มีฐานะชัดเจนไม่อาจแต่งงานหรือมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวได้ นับเป็นจริยธรรมและกฏที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจฝืน
แน่นอนว่าชูเซี่ยไม่รู้เรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย นางรู้เพียงว่าวิชาแพทย์ของจูเก๋อหมิงสูงส่งถึงเพยงนี้จะให้นางบังอาจนับเขาเป็นศิษย์และให้เขาเรียกขานนางว่าอาจารย์ได้อย่างไรเล่า วิชาการแพทย์ทางอาจจะห่างชั้นกับจูเก๋อหมิงอยู่มาก นางถนัดเพียงแค่การฝังเข็มก็เท่านั้นจะไปสู้จูเก๋อหมิงที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการรักษาและการใช้ยาได้อย่างไรกัน
แต่จู่ๆก็เหมือนชูเซี่ยจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้นางรีบเงยหน้าขึ้นมองจูเก๋อหมิงก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ “ท่านรีบเรียกเชียนซานมาที่นี่หน่อย เร็วเข้า!·”
เมื่อจูเก๋อหมิงเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของนางก็อดถามขึ้นไม่ได้ “มีเรื่องอะไรหรือ”
ชูเซี่ยไม่รู้ว่าจะเอ่ยออกมาอย่างไรดี นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอย่าเพิ่งถาม ช่วยเรียกเชียนซานมาที่นี่ก่อนเถิด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...