ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 114

สรุปบท ตอนที่ 114 ทวนเปิดเผยกับเกาทัณฑ์ลับ: ชายาเกิดใหม่ของข้า

ตอนที่ 114 ทวนเปิดเผยกับเกาทัณฑ์ลับ – ตอนที่ต้องอ่านของ ชายาเกิดใหม่ของข้า

ตอนนี้ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 114 ทวนเปิดเผยกับเกาทัณฑ์ลับ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 114 ทวนเปิดเผยกับเกาทัณฑ์ลับ

สายตาของ ชูเซี่ยเพ่งมองไปสีหน้าของฮ่องเต้อย่างนิ่งๆและใจเย็น ในใจของนางนั้นอึดอัดที่จะปล่อยหลี่เฉินเย่นไป ทุกอย่างล้วนคิดถึงเขา เขาอาจเชื่อว่าตนไม่ได้สนใจในตัวของหลี่เฉินเย่น แต่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ว่าหลี่เฉินเย่นนั้นลืมความรู้สึกที่มีต่อตนไปแล้ว ความสงสัยในใจของฮ่องเต้นั้นมีมากมาย กลัวว่าอาจเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายที่เชื่อ

ขณะนั้นเสี่ยวเต๋อจือก็เคารพเคารพอยู่ที่นอกประตูแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ทูลฝ่าบาท ท่าน เจิ้นหยวนอ๋องและชายาหนิงอานขอเข้าเฝ้าพะยะคะ”

เมื่อซูเมื่อได้ยินการเอ่ยนามของชายาหนิงอาน ในใจของนางก็ตกตะลึงขึ้นทันที จากนั้นยิ้มเศร้าอยู่ในใจ ชายาหนิงอานไม่ใช่นางอีกต่อไปแล้ว

ฮ่องเต้ทรงขมวดคิ้วก่อนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ให้พวกเขารออยู่ด้านนอกตำหนัก”

เสี่ยวเต๋อจือน้อมรับคำว่า “พะย่ะคะ”

ชูเซี่ยจึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฮ่องเต้ไม่ทรงพบพวกเขาก่อนหรือเพคะ บางทีพวกเขาอาจจะมีข่าวดีมาแจ้งให้ทราบก็ได้นะเพคะ”

สายตาของฮ่องเต้เพ่งตรงไปที่นาง “ข่าวดีอันใดหรือ”

มุมปากของ ชูเซี่ยประดับด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม แล้วเอ่ยว่า “ได้ยินจูเก๋อหมิงเอ่ยว่า พระชายาทรงตั้งครรภ์แล้วเพคะ เข้าวังมาตอนนี้กลัวว่าจะเป็นมาร้องขอชีวิตให้กับพระสามีนะซิเพคะ” นางดูผ่อนคลาย คล้ายไม่ได้มีความอิจฉาเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าการที่ชายาหนิงอานกำลังตั้งครรภ์ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเรื่องหนึ่งสำหรับนาง

ฮ่องเต้เพ่งมองนางอยู่เป็นเวลานาน แล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สูงว่า “ ให้เข้ามา”

ประตูของพระตำนัดเปิดออก หลี่อวิ่นกังพร้อมกับชายาหนิงอาน เฉินอวี่จู๋ย่อกายเดินเข้าอย่างช้า ๆ ทั้งสองคนย่อการแสดงคารวะด้านหน้าพระพักตร์ “ถวายบังคมเสด็จพ่อ”

ฮ่องเต้เพ่งมองไปที่ เฉินอวี่จู๋ “ใยเจ้าไม่อยู่ในจวนอ๋อง เข้าวังมาเพื่อทำสิ่งใด”

เฉินอวี่จู๋คุกเข่าลงอย่างสง่างาม น้ำตาเอ่อคลอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดว่า “เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันและบุตรในครรภ์เข้าวังมาเพื่อขอความเห็นใจจากเสด็จพ่อ โปรดตรวจสอบให้ชัดเจน ท่านอ๋องมีจิตใจที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อราชสำนักและต่อเสด็จพ่อตลอดเวลา ไม่มีทางที่จะมีใจคิดสบคบกับศัตรู ขอร้องเสด็จพ่อตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยเถิดเพคะ”

เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้น จึงมีท่าทีอ่อนโยนลง แล้วเอ่ยว่า “เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ลุกขึ้นแล้วค่อยว่าพูดคุยกัน”

นางข้าหลวงที่ติดตามเข้ามาด้วยก็รีบเข้าไปพยุง เฉินอวี่จู๋ขึ้น เฉินอวี่จู๋ยืนอยู่ด้านข้างแสดงความเคารพแล้วเอ่ยว่า “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงเข้าใจเพคะ เสด็จพ่อและท่านอ๋องคือบิดาและบุตร ควรจะรู้อย่างชัดเจนว่าท่านอ๋องคือคนที่สบคบกับศัตรูชายชาติหรือไม่ เกรงว่าอาจมีผู้ใดมีใจคิดใส่ความให้ร้าย ขอร้องเสด็จพ่อตรวจสอบให้ละเอียดด้วยเถิดเพคะ ”

ฮ่องเต้กลับไม่ได้ตอบรับ เพียงเอ่ยถามว่า “เจ้าตั้งครรภ์ได้กี่เดือนแล้วหรือ”

เฉินอวี่จู๋วางมือลงไปบนหน้าท้องของตน บนใบหน้าประดับด้วยแสงอันรุ่งโรจน์ของความบริสุทธิ์ เอ่ยอย่างเบาๆ ว่า “ทูลเสด็จพ่อ ได้สองเดือนแล้วเพคพ”

ฮ่องเต้เอ่ยตำหนิว่า “สองเดือนแล้ว ทำไมถึงไม่แจ้งเรื่องเข้ามาในวังให้ทราบกัน ”

เฉินอวี่จู๋เอ่ยเบาๆ ว่า “ทูลเสด็จพ่อ เพียงเพราะบุตรในครรภ์ของหม่อมฉันไม่แข็งแรงมาโดยตลอดเพคะ รวมทั้งท่านแม่บอกว่าก่อนที่บุตรจะครบสามเดือนคือช่วงที่ไม่ควรพูด ทางที่ดีไม่ควรจะประกาศออกไปเพคะ ดังนั้นหม่อมฉันจึงคิดว่าอยากรอให้บุตรในครรภ์แข็งแรงดีแน่นอนแล้วค่อยประกาศออกไปเพคะ”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว “บุตรในครรภ์ยังไม่แน่นอน อาจเกิดสิ่งใดหรือ” เขามองไปยัง ชูเซี่ยแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเป็นหมอ ตรวจวินิจฉัยอาการของนางหน่อยซิ”

ชูเซี่ยในใจอัดแน่นด้วยความเศร้าโศก เอ่ยน้อมรับว่า “เพคะ ฝ่าบาท”

เฉินอวี่จู๋เงยหน้ามอง ชูเซี่ย สายตาประหลาดใจเล็กน้อย นี่ ไม่ใช่หญิงสาวที่เพิ่งจะฉุดลากกับท่านอ๋องที่จวนเมื่อครู่หรือ เข้าวังมาได้อย่างไร

ยังดีที่ระหว่างเดินนั้นด้านหลังของ ชูเซี่ยได้ปิดกั้นสายตาของฮ่องเต้ไว้ มิเช่นนั้นฮ่องเต้คงมองเห็นสายตาที่มีความประหลาดใจของ เฉินอวี่จู๋เป็นแน่ ชูเซี่ยเอ่ยเบาๆ ว่า “พระชายาเชิญประทับก่อนเพคะ”

เฉินอวี่จู๋จึงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง มอง ชูเซี่ยอย่างมีความกระวนกระวายบางอย่าง

ในใจของ ชูเซี่ยเกิดความสงสัย แต่กลับไม่ได้แสดงออกมา นางกุมมือของ เฉินอวี่จู๋ขึ้นมา รู้สึกอย่างชัดเจนถึงการขัดขืนของ เฉินอวี่จู๋อยู่ครู่หนึ่ง มือของนางได้กดลงที่จุดชีพจรของ เฉินอวี่จู๋ ฟังเสียงของชีพจรอย่างเงียบๆ

เพียงครู่เดียว ในใจของ ชูเซี่ยก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง นางไม่ได้กำลังตั้งครรภ์ นางเงยหน้าขึ้นมอง เฉินอวี่จู๋ เฉินอวี่จู๋ก็มองมาที่นางเช่นกัน สายตากระพริบอย่างวิงวอน

ทันใดนั้น ชูเซี่ยก็เข้าใจได้ทันทีว่า เฉินอวี่จู๋กำลังใช้วิธีการของตนในการช่วยเหลือหลี่เฉินเย่น แม้นี้จะเป็นการโกหก เพียงฮ่องเต้ตามหมอหลวงมาวินิจฉัยก็สามารถทำให้ถูกเปิดเผยทันที ถึงตอนนั้นไม่เพียงช่วยเหลือหลี่เฉินเย่นไม่ได้ กลับกันยังต้อง อยู่ในการกลั่นแกล้งของฮ่องเต้อีกด้วย ตอนนั้นพูดได้ว่าหลี่เฉินเย่นอาจเกิดเรื่องขึ้น และทั้งตระกูลของเฉินหยวนชิ่งที่เกี่ยวข้องทั้งหมดล้วนต้องได้รับโทษ

ด้านหลังของนางสั่นไหวร่างกายชุ่มด้วยเหงื่อ แต่สายตากลับดูสงบนิ่ง

เมื่อฮ่องเต้เห็นว่านางจับชีพพรอยู่นานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย เอ่ยถามว่า “เป็นเช่นไรบ้างหรือ”

ชูเซี่ยยืดกายเอ่ยตอบว่า “ทูลฝ่าบาท ความจริงแล้วชายาหนิงอานทรงตั้งครรภ์ แต่ชีพจรของนางนั้นติดขัดมานานจากจากเจ็บป่วย มีความปั่นป่วน ปรากฏชัดเจนว่าเลือดลมไม่ดี หากอยากที่จะรักษาครรภ์นี้ไว้ ต้องดูแลและระมัดระวังเป็นอย่างดีเพคะ”

สายตาของ เฉินอวี่จู๋นั้นเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง แล้วขมวดคิ้วทันที หลี่อวิ่นกังที่อยู่ด้านข้างก็มองดูอย่างเกิดข้อสงสัย เขาเพ่งมอง เฉินอวี่จู๋ ในใจนั้นเหมือนกับว่าจะเข้าใจอะไรแล้ว หลังจากนั้นก็เกิดความกลัวขึ้น

ฮ่องเต้ถอนหายใจ เงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ในเมื่อพระชายาทรงตั้งครรภ์กับพระโอรสของข้า ต่อแต่นี้ก็ระมัดระวังรักษาตัวเองให้ดี เจ้าไม่ใช่ผู้มีความรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ ข้าจึงไม่วางใจ ยังต้องส่งไปดูอาการเจ้า” เอ่ยจบ เขาก็ตะโกนขึ้นว่า “เสี่ยวเต๋อจือไปประกาศให้หมอหลวงชางกวนและแฟยหลงมาทำการรักษาวินิจฉัยอาการของพระชายา ”

พลันสีหน้าของเฉินอวี่จู๋ก็ซีดจางลง นางรีบลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “เสด็จพ่อ ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากลำบากหรอกเพคะ ลูกจะกลับไปดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพคะ”

ชูเซี่ยก็เอ่ยว่า “ฝ่าบาทไม่เชื่อความสามารถในการรักษาของหม่อมฉันหรือเพคะ”

ฮ่องเต้เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอันอบอุ่น “ข้าหรือจะไม่เชื่อเจ้า เพียงแต่ร่างกายของอวี่จู๋ไม่แข็งแรง กลัวว่าเด็กในครรภ์จะไม่แข็งแรงสมบูรณ์เท่านั้น ตอนนี้ยังสามารถดูแลรักษาตั้งแต่ในครรภ์ ข้าคิดถึงอานเหยียนในตอนนั้น ยังรู้สึกวิตกกังวลแทนเลยจริง ๆ ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า”

ในใจของ หลี่อวิ่นกังรู้ดีว่าเรื่องทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพียงครู่เดียวก็ไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ ทำได้เพียงสบตากับ ชูเซี่ยอย่างเป็นกังวลแวบหนึ่ง

ชูเซี่ยได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เฉินอวี่จู๋นะ เฉินอวี่จู๋ จุดเริ่มต้นของเจ้าก็ถือว่าดี แต่ความจริงแล้วฮ่องเต้ทรงหลอกลวงได้ง่ายเช่นนี้ ในเมื่อนางคิดแผนการนี้ออกมา ก็ต้องพยายามตระเตรียมตนเองมาอย่างดี ไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีก็เข้าวังมาได้อย่างไร

สายตาของนางเพ่งลงไปมองใบหน้าของเสี่ยวเต๋อจือที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางเห็นว่าสีหน้าของเขานั้นแสดงความรู้สึกออกมาดูอย่างเป็นธรรมชาติ ในใจของนางจึงเข้าใจแล้ว เสี่ยวเต๋อจือคือคนของหลี่เฉินเย่นมาตลอด เมื่อครู่เขาเพิ่งจะเป็นคนไปเชิญหมอหลวงมาด้วยตนเอง ตอนระหว่างที่เดินทางมาคงจะพูดกับหมอหลวงทั้งสองท่านมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่หมอหลวงทั้งสองท่านจะไม่ได้สนิทสนมกับหลี่เฉินเย่น ทำไมจึงยอมเอาหัวบนบ่ามาเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเขากัน เรื่องจริงนี้ยังต้องเรียกเขามาอธิบาย

ฮ่องเต้ได้ขจัดข้อสงสัยไปหมดสิ้นแล้ว แม้ว่าเขาอำนาจในใจกลับยังไม่ได้คิดว่าไม่ใช่ความรู้สึกรักสักนิดเดียว บุตรในครรภ์ของ เฉินอวี่จู๋ผู้นี้ คือหลานของเขา เขาก็ยังรอคอยที่จะต้อนรับชีวิตใหม่ที่กำลังจะเกิดมานี้อย่างยิ่ง

เขาเอ่ยต่อ เฉินอวี่จู๋ว่า “อืม คำพูดทั้งหมดของหมอหลวงเจ้าล้วนได้ยินแล้ว จะต้องระมัดระวังดูแลร่างกายให้ดี ส่วนเรื่องของเฉินเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวลใจ ข้าจะด้วยสอบให้ชัดเจนด้วยตนเอง หากมีหลักฐานยืนยันจริงว่าถูกคนใส่ความให้ร้าย ตัวข้าก็ยังสามารถให้ความบริสุทธิ์แก่เขา”

ในใจของ ชูเซี่ยเหมือนมีก้อนหินตกลงมาทับ แต่สีหน้าของนางนั้นไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาเลย ตอนที่ได้ยินรับสั่งของฮ่องเต้ ก็ทำได้เพียงยืนกุมมือมองดูอยู่อย่างเงียบๆ

แต่ เฉินอวี่จู๋กลับล้มคุกเข่าลงร้องไห้อยู่บนพื้น “ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ”

หลี่อวิ่นกังก้มตัวลงแล้วเอ่ยว่า “เสด็จพ่อมีสายตาเฉียบที่แหลมยิ่งนัก สามารถค้นหาความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ น้องสะใภ้ความกังวลในตอนนี้ของเจ้าอาจมีมากเกินไป เฉินเย่นคือ หนิงอานอ๋อง แม่ทัพพญาอินทรีย์ที่เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อสั่งคุมขังเขาในครั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นพูดกันว่าเสด็จพ่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ว่าเจ้ารู้ดีว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ กลับยังเข้าวังทำเอาเรื่องราววุ่นวาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เรียกว่าส่งผลดีต่อเฉินเย่นหรือ ”

ฮ่องเต้ทรงเสียงตอบรับ “คำพูดของพี่ชายเจ้าดูมีเหตุมีผล อวิ่นกัง เจ้ารับผิดชอบอารักขาอวี่จู๋กลับจวน หมอหลวงหมิงก็จัดการดูแลให้ดีๆด้วยละ”

“รับด้วยเกล้าพะย่ะคะ” หลี่อวิ่นกังเอ่ยตอบ

หลี่อวิ่นกังเงยหน้าขึ้นมอง ชูเซี่ยแวบหนึ่ง เอ่ยถามเบาๆ ว่า “ท่านนี่ ก็คือท่านหมอเวินหรือ”

ชูเซี่ยลุกจากที่นั่งและโค้งตัวแสดงคาระ “กระหม่อมถวายบังคมท่านอ๋อง”

หลี่อวิ่นกังส่งเสียงอืมขึ้น “ท่านหมอเวินไม่ต้องมากพิธี ได้ยินชื่อเสียงเลื่อมใสมานาน ก่อนหน้านี้เคยพบท่านหมอเวินที่หน้าประตูวัง คิดว่าล้วนน่าจะเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาหลายเดือนก่อนหน้านี้” เมื่อ เฉินอวี่จู๋ได้ฟังคำพูดนี้ ก็มอง หลี่อวิ่นกังอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

ชูเซี่ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว หลานอานเหยียนสบายดีหรือไม่”

หลี่อวิ่นกังเอ่ยว่า “สาบยดี ท่านหมออย่าได้กังวล ”

เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยว่า “พูดไปแล้ว ช่วงนี้อานเหยียนก็ไม่ได้เข้ามาในวัง วันข้างหน้าเจ้ามีเวลาก็พาพระชายาและลูกมาเข้าเฝ้าข้าด้วยกันเถิด ”

ในใจลึกๆ ของหลี่อวิ่นกัง ตั้งแต่ครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นกับอานเหยียน เขาก็ไม่เคยพาอานเหยียนเข้ามาในวังอีกเลย แม้ว่าตอนนี้จะฟังไม่รู้ว่าเขามีความหมายอย่างอื่นหรือไม่ แต่ว่ากระจกสะท้อนของรถคันหน้า ในใจของเขาเริ่มรู้สึกอ่อนไหวเล็กน้อยเสียแล้ว

แต่ว่าบนใบหน้ากลับยังคงมีรอยยิ้ม แล้วเอ่ยว่า “อานเหยียนก็ทรงคิดถึงเสด็จปู่เช่นกัน ไม่กี่วันที่แล้วยังพูดคุยถึงอยู่เลยพะย่ะคะ ลูกจะรีบหาวันพาเขาเข้าวังพะย่ะคะ”

มุมปากของฮ่องเต้ประดับด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน แล้วจึงเอ่ยว่า “อืม ไปเถิด”

หลี่อวิ่นกังและ เฉินอวี่จู๋ย่อกายคารวะแล้วเอ่ยขอตัวลา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า